คอลัมน์ เมืองไทยหรือเมืองใคร?
เรื่อง ศาลใคร?
โดย กาหลิบ
ใครแปลกใจในคำวินิจฉัยของศาลรัฐธรรมนูญในกรณียุบพรรคประชาธิปัตย์
แสดงว่ายังมีความลุ่มหลงกับระบอบโบราณของไทยว่า
จะให้ความยุติธรรมและความเป็นธรรมในสังคมนี้ได้
การไม่ยุบพรรคประชาธิปัตย์โดยอาศัยประเด็นปลีกย่อยที่เป็นเทคนิคกฎหมาย
และเป็นตัวช่วยอย่างสำคัญต่อการก่อตัวขึ้นของระบอบประชาชน
หากยุบพรรคประชาธิปัตย์เสียอีก
จะมีผู้ใหญ่ที่อ้างตัวเป็นแดงบางคนเข้ามาเชียร์ทันทีว่า
เห็นไหม ระบอบปัจจุบันยังใช้การได้
เราจะไปเคลื่อนไหวถึงขั้นระบอบและโครงสร้างกันไปทำไม
บุญเหลือเกินที่ความโง่บางชนิดถูกย่อยสลายได้ด้วยความจริงแบบเร่งด่วนทันใจ
ต้องขอบคุณศาลรัฐธรรมนูญในแง่นี้เป็นอย่างยิ่ง
ใครติดตามวิธีพิจารณาวินิจฉัยกรณีร้องเรียนให้ยุบพรรคประชาธิปัตย์มาตลอด
จะเห็นได้พร้อมกันว่าระบอบเผด็จการโบราณเขามีความชำนาญ
และความรอบคอบในการสร้างเครื่องมือแห่งอำนาจเป็นอันมาก
เครื่องมือเหล่านั้นมีอะไรบ้าง
ขอให้ไปเปิดฟังคำแถลงปิดคดีด้วยวาจาของ นาย
ผู้เป็นอดีตนายกรัฐมนตรีและอดีตหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์เสียอีกรอบ
คราวนี้ฟังช้าๆ และจดประเด็นเอาไว้เหมือนเล็คเชอร์ด้วย
เราจะได้ความรู้มากมายว่า
ฝ่ายตรงข้ามกับประชาชนเขาซุ่มซ่อนเครื่องมือเหล่านั้นไว้ตรงไหน
และอย่างไรบ้างในระบบกฎหมายของระบอบเขา
อย่าลืมว่า
ฝ่ายโบราณเขาไม่ได้ครอบงำบ้านเมืองนี้อย่างบังเอิญแบบบุญหล่นทับ
เขาได้อำนาจอันล้นพ้นมาด้วยการฆ่า การทำลาย การปล้นชิง
และการวางอาวุธทางการเมืองเอาไว้ในระบบย่อยที่รวมกันแล้ว
กลายเป็นระบบใหญ่ที่เราเรียกกันสั้นๆ ว่า ระบอบ
ประชาชนหน้าไหนหาญกล้ามาแย่งชิง คนๆ นั้นจะรู้รสทันทีว่า
รูปลักษณ์ศักดิ์สิทธิ์ที่สื่อสรรเสริญกันอยู่ตลอดทั้งวัน
ทั้งคืนยิ่งกว่าเกาหลีเหนือนั้น
แท้ที่จริงแล้วคืองูพิษตัวร้ายที่คอยฉกกัดทำลายสรรพสิ่งทั้งหลายรอบตัว
แม้แต่พวกเดียวกันเองหากไม่ถูกใจ
ซีกประชาธิปไตยโดยเฉพาะส่วนพรรคเพื่อไทยก็ต้องถือว่า
เดินงานถูกต้องมาตลอดในคดีพรรคประชาธิปัตย์
การให้ข้อมูลที่เหมาะสมแก่สังคม
ทั้งในรูปคดี และความชอบธรรมของผู้ตัดสิน ถือว่า
ใช้การได้และควรนำไปสู่การตัดสินที่เที่ยงธรรมกว่านี้
แต่เมื่อไม่เป็นเช่นนั้น
พรรคเพื่อไทยก็ต้องหันหน้าเข้าหากันและร่วมตัดสินใจให้ชัดว่า
ควรจะมองปัญหาการเมืองแบบสมานแผลนิดหน่อยก็จะหาย
หรืองานนี้จำเป็นต้องผ่าตัดใหญ่กันเสียที
มวลชนผู้ก้าวหน้านั้นเขามีคำตอบชัดเจนแล้ว
เขาเพียงหันมาถามอีกครั้งว่า
พรรคเพื่อไทยจะถือเอาเหตุนี้ปรับเปลี่ยนท่าทีเสียใหม่และเดินเคียงคู่กันไป
หรือจะละทิ้งมวลชนไปสู่เพื่อเอาตัวรอดง่ายๆ ด้วยการขายตัวและหัวใจต่อไป
ความจริงไม่ควรเสียเวลาพิจารณามาตั้งแต่ต้นว่า
ประชาธิปัตย์ถูกยุบหรือไม่จะมีประโยชน์ใดๆ ต่อฝ่ายประชาชน
เพราะอำนาจในการยุบพรรคการเมืองไม่ควรอยู่ในมือของใครทั้งนั้น
สังคมประชาธิปไตยที่ก้าวหน้าตาสว่างเขาไม่มียุบพรรคกันหรอกครับ
เขาใช้วิธีลงโทษบุคคลผู้สร้างความเสียหาย
หรือทำความผิดทางกฎหมายของพรรคนั้นๆ แทน
พรรคการเมืองทุกพรรคเป็นสมบัติของประชาชน
เทวดาหน้าไหนไม่ควรมีสิทธิ์สั่งยุบทั้งนั้น
หากเรายืนอยู่บนหลักการว่าพรรคการเมืองมีสิทธิ์ถูกยุบได้
และเชียร์ให้อำนาจนอกระบบนั้นเบื่อหน่ายคิดยุบพรรคที่เราชิงชัง
สุดท้ายก็เท่ากับเราสนับสนุนระบอบการเมืองแปลกประหลาด
ที่อนุญาตให้อำนาจนอกระบบเอื้อมมือเข้ามายุ่งกับสถาบัน
การเมืองของประชาชนได้ต่อไป
สองประเด็นนี้ทับซ้อนกัน ต้องพิจารณาให้ดี
ในขั้นต้นนั้นอาจนำกรณีไม่ยุบพรรคประชาธิปัตย์
มาฉีกหน้ากากของระบอบการปกครองไทยในปัจจุบันได้
แต่ในขั้นที่ลึกลงไปแล้ว เราไม่ควรเชียร์อำนาจนอกระบบ
ที่แอบเข้ามายุบพรรคการเมืองไม่ว่าจะเป็นพรรคการเมืองสีอะไร
และต้องเชิดหน้าให้สูงกว่าทาส โดยยืนยันในศักดิ์ศรีความเป็นคนของตัวเราเอง
พรรคการเมืองใดที่เราไม่ชอบก็อย่าเลือก อย่าเข้าเป็นสมาชิก
และงดสนับสนุนในทุกทาง
แต่อย่าเรียกร้องหรือหวังผลให้เกิดการยุบพรรคของเขา
ในระบอบประชาธิปไตยนั้น พรรคของเขาก็คือพรรคของเรา
แต่เราจะเลือกใครสู่อำนาจเมื่อใดคือสิทธิทางการเมืองของเรา
อำนาจศาลของเขาสิครับ ไม่ใช่่อำนาจของเราอย่างแน่นอน
นั่นล่ะครับคือประเด็นต่อสู้.
เรียบเรียงโดย Nangfa
http://democracy100percent.blogspot.com/...st_29.html
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น