
คอลัมน์ เมืองไทยหรือเมืองใคร?
เรื่อง ตลกสลับฉาก
โดย กาหลิบ
อ่านข่าวรองนายกรัฐมนตรีที่ดูเหมือนจะไม่มีงานทำคนหนึ่ง คือ
นาย
ขณะนี้เมืองไทยเกิดปัญหา “ภาษาวิบัติ”
วัยรุ่นบางคนชอบใช้คำว่า “ชิมิ” แทน “ใช่ไหม”
วิจารณ์ว่าจอโทรทัศน์เต็มไปด้วย “เพศที่สาม” จนตัวเองรู้สึกขัดอกขัดใจ
และประกาศจะกำจัดให้พ้นจอไปให้หมดสิ้น
รู้สึกทันทีว่าคนประชาธิปัตย์ประเภทที่เป็นขี้ข้าเผด็จการโบราณนั้น
ถึงจะแก่จวนจะเข้าโลงขนาดไหนก็คงไม่เปลี่ยนนิสัย
ลูกเล่นแบบนี้เขาเรียกกันว่า กลวิธีเปลี่ยนเรื่อง เล่นกันมานานนักหนาแล้ว
ส่วนใหญ่นำมาใช้เมื่อเริ่มเข้าตาจนและตอบคำถามบางอย่างของสังคมไม่ได้
ขณะนี้เมืองไทยกำลังเผชิญกับวิกฤติซ้อนกันหลายเรื่อง
เรื่องน้ำท่วมคือ
อาการของประเทศที่ไม่มีรัฐบาลตัวจริงมาวางแผนป้องกันปัญหาขนาดใหญ่
ทั้งที่เป็นปัญหาซ้ำซาก
รัฐบาลของประชาชนก่อนเกิดรัฐประหาร คปค./คมช.
และรัฐบาลของประชาชนหลังเลือกตั้ง ๒๓ ธันวาคม พ.ศ. ๒๕๕๐
กำลังจะเข้ามาแก้ไขกันอยู่แล้วในครั้งนั้น
แต่ถูกสกัดกลางคัน เรียกว่า
เป็นปัญหาบกพร่องในธรรมาภิบาลภาครัฐของระบอบเผด็จการโบราณ
ก็คงไม่ผิด ไม่ใช่เหตุการณ์ที่คาดไม่ถึงหรือป้องกันไม่ได้เลย
หุ้นไทยพุ่งทะยานขึ้นฟ้าอย่างไร้เหตุผล
ราคาของประเทศลดต่ำลงเพราะปัญหาการเมืองที่เรื้อรัง
เศรษฐกิจโลกกำลังหม่นมัวด้วยปัญหาสกุลเงินเปรียบเทียบ
และการกีดกันทางการค้าระหว่างกัน
แต่หุ้นภายใต้การดูแลของรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง
ที่เป็นนายหน้าค้าหุ้นมาแต่เดิมกลับเพิ่มมูลค่าขึ้น
ดูไปแล้วก็ไม่ต่างอะไรนักกับ
ยุคแชร์ลูกโซ่ของแม่ชม้อย ทิพย์โส แม่นกแก้ว ใจยืนหรือเสมาฟ้าครามนัก คือ
รอแมงเม่ามาบินเข้ากองไฟกันให้มากๆ แล้วเชือดทีเดียวเมื่อรัฐบาลล่ม
ความคิดเรื่องปรองดองกลายเป็นเรื่องตลกของเด็กไร้เดียงสา
เดิมทีก็เงี่ยหูฟังกันอยู่บ้าง
เผื่อจะมีนักเลงดีเอานิ้วไปอุดเขื่อนที่กำลังจะพังทลายลงมาได้
แล้วก็ได้เห็นภาพเด็กที่ยืนอุดรูรั่วอยู่อย่างนั้น
ทั้งๆ ที่เขื่อนอื่นๆ กำลังพังวินาศลงมาแล้วรอบตัว
เธอก็ไม่สังเกตและไม่ฟังคำเตือนจากผู้หวังดีรอบข้าง
แถมเธอยังตวาดกลับมาเสียอีกว่าไม่หวังดีต่อแนวทางปรองดองแล้ว
ให้หุบปากเสีย เมื่อหลงเสียอย่างนี้แล้ว
เธอก็ไม่เตรียมตัวสำหรับภาวะเขื่อนพัง และมีทีท่าว่า
เธออาจจะไหลไปกับน้ำเมื่อวันนั้นมาถึง
การพัฒนาประเทศตามนโยบายโกหกไปวันๆ ด้วยราคาหุ้นที่ไม่จริงบ้าง
การสรรเสริญผู้เฒ่าผู้แก่กันทั้งวันทั้งคืนเพียงเพราะขาดความมั่นใจในตัวเอง
จนต้องบนบานศาลกล่าวบ้าง ทำให้ประเทศตกรางจากแนวทางพัฒนาของโลก
เมืองไทยทะเลาะกันไม่จบเรื่องเครือข่ายสื่อสารที่มีกำลังขนาด 3G
ในขณะที่เวียดนาม ลาว และกัมพูชากำลังวางแผน 4G กันแล้วในขณะนี้
เมืองไทยเสียเงินเป็นล้านๆ โฆษณาใน CNN บ้างอะไรบ้างเชิญชวนนักท่องเที่ยว
ในขณะที่สภาพข่าวของตัวเองย่ำแย่และโน้มน้าวไม่ได้เลยว่า
จะดีขึ้นเมื่อใด ตาไม่ได้ดูเลยหรือว่ากระแสท่องเที่ยวใหม่ๆ ของโลก เช่น
กระแสเกาหลีนิยม เป็นต้น เขา ไปถึงไหนกันแล้ว
เหล่านี้คือตัวอย่างของวิกฤติไทยที่เกิดขึ้นจากระบอบการเมืองด้อยพัฒนา
และเป็นปัญหาเดียวกันทั้งนั้น
พวกอนุรักษ์นิยมโง่ๆ ที่ชอบไปเอาสีประจำวันของใครที่ไหนมาเป็นสีประจำตัวนั้น
ฟังไม่ได้ศัพท์ก็อย่าจับไปกระเดียด
ระบอบการเมืองด้อยพัฒนาไม่ได้หมายถึงปัญหานักการเมือง
หรือพรรคการเมืองที่ชอบลากเอามาด่าบูชายัญเพียงเพื่อ
ถือเป็นโอกาสเรียกทหารมาก่อรัฐประหาร
แต่นี่หมายถึงตัวเจ้าของระบอบเผด็จการโบราณเลยทีเดียว
อย่าไปหลบอยู่ตามตู้เตียงที่ไหนแล้วส่งเด็กปากไม่สิ้นกลิ่นน้ำนม
หรือทหารโง่ทึบที่ชอบเต้นรำจนได้ดีจากชายกระโปรง
มารับมือกับประชาชนแทนตัวอีกเลย
คุณนั่นแหละคือผู้รับผิดชอบในความชำรุดทรุดโทรมของประเทศไทยในปัจจุบันนี้
แล้วไม่ต้องไปเอารองนายกรัฐมนตรีหน้าไหนออกมาพูดจาลิ้นคับปากเพื่อเปลี่ยนเรื่อง
ตลกสลับฉากแบบนี้หลอกได้แค่ไอ้เท่งเท่านั้นล่ะคุณ.
http://democracy100percent.blogspot.com/2010/11/blog-post_12.html
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น