สนับสนุนการทำกิจกรรม ส่งเสริมประชาธิปไตยของชาวเชียงใหม่ ร่วมกับศูนย์ประสานงานกลาง นปช.แดงเชียงใหม่

ชื่อบัญชี นปช.แดงเชียงใหม่ ธนาคารออมสิน เลขที่บัญชี 02 0012142 65 7 ( มีผู้รับผิดชอบบัญชี 3 ท่าน )

ติดต่อเรา deangchiangmai@gmail.com

ราบสวัสดี พี่น้องทุกๆท่านที่เข้ามาเยี่ยมเยือน บล็อค นปช.แดงเชียงใหม่ ขอเรียนชี้แจงสักนิดว่า เรา ”แดงเจียงใหม่” เป็นกลุ่มคนชาวเจียงใหม่ที่เคารพรัก กติกาประชาธิปไตย ต่อสู้และต่อต้านเผด็จการทุกรูปแบบ อยากเห็นประเทศชาติภายภาคหน้า มีความเจริญ ประชาชนรุ่นลูกหลานของเราอยู่อาศัยอย่างร่มเย็นเป็นสุขในประเทศของพวกเราเอง ไม่มีกลุ่มอภิสิทธิ์ชนกลุ่มใดมาสูบเลือดเนื้อ แอบอ้างบุญคุณเฉกเช่นในยุคนี้ที่พวกเราเห็น การที่จะได้รับในสิ่งที่มุ่งหวังก็ต้องมีการต่อสู้แสดงกำลังให้สังคมได้รับรู้ และเพื่อที่จะให้กลุ่มบุคคลที่มีอำนาจในปัจจุบันได้เข้าใจในสังคมที่ก้าวหน้าเปลี่ยนแปลงไป ไม่อาจฝืนต่อกระแสการพัฒนาของโลก การต่อสู้ร่วมกับผองชนทั่วประเทศในครั้งนี้ เรา “ แดงเจียงใหม่ “ ได้ร่วมต่อสู้ทุกรูปแบบ และในรูปแบบที่ท่านได้เข้ามาร่วมอยู่นี้ คือการเผยแพร่ข่าวสารต่อสังคม เรา “ แดงเจียงใหม่ “ ได้สร้างเวปบล็อคไว้ 2 ที่ คือที่นี่ “ แดงเจียงใหม่” สำหรับการบอกกล่าวในเรื่องทั่วไป และอีกที่หนึ่งคือ “ Daeng ChiangMai “ สำหรับข่าวสารที่เราเห็นว่ามีประโยชน์ต่อการรับรู้ข่าวสารในการร่วมทำกิจกรรมของพี่น้องประชาชน


เชิญร่วมสร้างขวัญ และกำลังใจให้เพื่อนพ้องน้องพี่ร่วมกันครับ
“แดงเจียงใหม่” " Daeng ChiangMai "

รักประชาธิปไตยไม่เอาเผด็จการ ต่อต้านการรัฐประหารทุกรูปแบบ สร้างขวัญกำลังใจและความสุขเพื่อปวงชน

การสังหารหมู่ที่กรุงเทพฯ : สมุดปกขาวโดยสำนักกฎหมาย Amsterdam & Peroff การสังหารหมู่ที่กรุงเทพฯ . ไพร่สู้บนเส้นทาง ๗๘ ปี ประชาธิปไตย ( ๒๔๗๕ - ๒๕๕๓ ) จรรยา ยิ้มประเสริฐ Voter's Uprising Thai

วันเสาร์ที่ 6 พฤศจิกายน พ.ศ. 2553

ใบตองแห้งออนไลน์ : ตุลาการขี้เหม็น


Fri, 2010-11-05 15:49

ใบตองแห้ง

ขอยกสองจั๊กกะแร้ชูสนับสนุนคำกล่าวของท่านอาจารย์จรัญ ภักดีธนากุลตุลาการ ไม่ใช่โสเภณีถูกต้องแล้วคร้าบ! เพราะตุลาการท่านมีเกียรติมีศักดิ์ศรี มีอำนาจ มียศฐาบรรดาศักดิ์ มีเงินเดือนเงินประจำตำแหน่งรถประจำตำแหน่ง ท่านคงจะไม่ ขายตัวเพื่อแลกกับเงิน

แต่ถ้ามองมุมกลับกัน โสเภณีที่มาจากครอบครัวยากจน ชาวนาชาวไร่ที่ล้มละลาย จนแทบไม่มีกิน ต้องเข้ามาขาย ตัวในเมืองหลวง หรือพัทยา ภูเก็ต แลกกับเศษเงินเลี้ยงดูพ่อแม่แก่ชรา ก็ใช่ว่าจะเลวทรามต่ำช้าตรงไหน ฉะนั้น ถ้ามีโสเภณีซักคนลุกขึ้นมาบอกว่าโสเภณีไม่ใช่ตุลาการก็ถูกต้องเหมือนกันใช่ไหมคร้าบ อาจารย์จรัญ

โชคดีนะที่เมืองไทยไม่มีสมาคมผู้ ประกอบวิชาชีพโสเภณี ไม่งั้น โสเภณีคงลุกขึ้นมาสวนว่า อย่าเอาสถาบันโสเภณีไปเปรียบเทียบกับสถาบันตุลาการ

สิ่งที่อาจารย์จรัญพยายามจะพูดจึงผิดประเด็นทั้งเพ เพราะกระบวนการที่สังคมกำลังตรวจสอบศาล ไม่ใช่จะบอกว่าตุลาการเป็นโสเภณีแต่ต้องการบอกว่า ตุลาการก็เป็นมนุษย์ธรรมดา มนุษย์ขี้เหม็นเหมือนเราๆ ท่านๆ ทั้งหลายตะหาก

พูดอย่างนี้ไม่ดูหมิ่นตุลาการที่ไหน เลยนะครับ เพราะถ้าท่านฟ้องผมขึ้นเป็นคดีในศาล ผมก็ต้องท้าพิสูจน์โดยให้ท่านขี้ออกมาให้องค์คณะดมว่าหอมหรือไม่ ฮิฮิ ถ้าท่านสามารถหาพยานหลักฐานมายืนกรานว่าขี้ท่านหอม ก็แล้วไป

แต่ความจริงคือเราทุกคนต่างก็เป็น มนุษย์ขี้เหม็น นี่เป็นวิทยาศาสตร์ เราทุกคนต่างก็ไม่หลุดพ้นจากความเป็นมนุษย์ที่ยังมีโลภะ โทสะ โมหะ กิเลส ตัณหา ราคะ นี่เป็นหลักธรรมดาและธรรมชาติของพุทธ เราทุกคนไม่มีใครเป็นเทพเทวา ที่ถูกต้องเสมอ ไม่มีผิดไม่มีพลาด ไม่มีอคติ ไม่มีรักเกลียด โทสะโมหะ ไม่ว่าจะเป็นตุลาการหรือโสเภณี ต่างก็ไม่ใช่นักบุญหรืออรหันต์

นี่คือหลักการประชาธิปไตย ที่ใครมีอำนาจก็ต้องถูกตรวจสอบ ไม่ใช่ปั้นหน้าเป็นเปาบุ้นจิ้นแล้วจะหลบเลี่ยงการตรวจสอบได้

เราทุกคนต่างก็เป็นมนุษย์ขี้เหม็น ไม่ใช่ว่าสวมเสื้อครุยขึ้นนั่งบัลลังก์แล้วจะกลายเป็นโสดาบัน เพื่อนคุณเพื่อนผมที่เรียนมหาลัยด้วยกันมา กินเหล้าสูบบุหรี่ตีปี๊บมาด้วยกัน ใช่ว่าจบนิติสอบเป็นผู้พิพากษาแล้วจะแปลงร่างเป็นผู้ทรงศีล จริงไหม

ตุลาการก็เป็นมนุษย์ขี้เหม็น เพียงแต่มีข้อห้ามข้อจำกัดในการประพฤติปฏิบัติมากกว่าข้าราชการทั่วไป จึงไม่ต้องแปลกใจที่หลายคนเวลาอยู่ในรั้วตุลาการดูภูมิฐานน่านับถือ แต่พอข้ามรั้วออกนอกกรอบมาเป็นองค์กรอิสระหรือมีอำนาจทางการเมืองแล้วลอก คราบให้เห็นตัวตน บ้างก็ดี บ้างก็เลอะ บ้างก็เอียงกะเท่เร่ บ้างก็เป๋ไปเป๋มา บ้างก็กะเปิ๊บกะป๊าบเป็นเห็ดสด ฯลฯ ไม่ได้สูงส่งดีเด่กว่าผู้ที่มาจากสาขาอาชีพอื่น

แต่ซ้ำร้ายที่พวกท่านมักจะมีโมหะ คิดว่าตนเองสูงส่งกว่าคนอื่น มีความชอบธรรมที่จะตัดสินผู้อื่น กระทั่งก้าวล่วงไปตัดสินประเทศแทนอำนาจอธิปไตยของปวงชน

กระบวนการที่สังคมกำลังตรวจสอบศาลรัฐ ธรรมนูญ ส่วนหนึ่งอาจเป็นข้อครหาที่พิสูจน์ไม่ได้ เช่น ข้อครหาว่าช่วยเหลือพรรคประชาธิปัตย์ หรือเป็นข้อกล่าวหาที่พิสูจน์ยาก เช่น ข้อกล่าวหาว่าทุจริตข้อสอบ

แต่สาระสำคัญมันก็คือกระบวนการตรวจสอบ พฤติกรรม ความเหมาะสม จริยธรรมของผู้ดำรงตำแหน่ง-อย่างที่พวกท่านตุลาการทั้งหลายเคยว่าเขาไว้ ว่านักการเมืองไว้นั่นแหละ

ในขณะที่สังคมกำลังตรวจสอบการตั้งกิ๊กหรือคนใกล้ชิด พรรคพวก ญาติพี่น้อง มาเป็นที่ปรึกษาหรือนักวิชาการประจำคณะกรรมาธิการสภาผู้แทนราษฎร คลิปลับคดียุบพรรค ก็เผยความจริงอีกด้านว่า พสิษฐ์ ศักดาณรงค์ น้องปอย” (เรียกน้องเพราะคงอายุน้อยกว่าผม และเรียกแบบนี้น่ารักดี) เลขานุการประธานศาลรัฐธรรมนูญ มีที่มาอันพิสดารคือเป็นนักกายวิภาคจาก ร.พ.บำรุงราษฎร์ ซึ่งไม่น่าจะเกี่ยวกันเลยกับงานศาลรัฐธรรมนูญ แต่ก็ได้รับแต่งตั้งมากินเงินเดือนจากภาษีอากรประชาชน 47,100 บาท

ในขณะที่พรรคประชาธิปัตย์และตุลาการพยายามโบ้ยความผิดให้น้องปอยเป็นผู้ร้าย วางแผนจัดฉากอัดเทปคลิปลับ โดยชี้ไปทำนองว่าได้ค่าจ้างจากทักษิณหรือพรรคเพื่อไทย ตามสูตร

แต่เราก็ได้รับทราบว่า ประธานและตุลาการศาลรัฐธรรมนูญ มีอำนาจแต่งตั้งที่ปรึกษา ผู้เชี่ยวชาญ เลขานุการ ผู้ช่วยเลขานุการ กระทั่งคนขับรถ โดยไม่ต้องมีหลักเกณฑ์ในการแต่งตั้ง หรือพูดง่ายๆ ว่าตั้งได้ตามอำเภอใจของท่าน

กระทั่งฝ่ายค้านเอาข้อมูลมาแฉว่า มีตุลาการ 4 ท่านตั้งลูกตั้งหลานตัวเองเป็นเลขาฯ ผู้ช่วยเลขาฯ ผมก็ยังไม่เห็นมีใครปฏิเสธ หรือออกมาชี้แจง ทั้งที่จริง ตุลาการทั้ง 9 ท่านควรจะเปิดแถลงข่าว ชี้แจงต่อสาธารณชนว่า ท่านตั้งใครเป็นที่ปรึกษา เป็นเลขานุการ ผู้ช่วยเลขานุการ หรือผู้เชี่ยวชาญ แต่ละคนมีความรู้ความสามารถความเหมาะสมอย่างไรบ้าง (และสำนักงานศาลรัฐธรรมนูญ ก็ควรเปิดเผยข้อมูลย้อนหลังว่าตุลาการชุดก่อนๆ ตั้งใครบ้างมากินเงินเดือน)

แน่นอนครับ การตั้งลูกตั้งหลานไม่ผิดกฎหมายข้อห้ามที่ไหนหรอก เพราะ ส.ส.มันก็ยังเถียงคอเป็นเอ็นว่าตั้งกิ๊กไม่ผิด แต่เรื่องของจริยธรรมความเหมาะสม ผมคงไม่ต้องสอนตุลาการว่ายน้ำ

เรื่องการทุจริตข้อสอบก็เหมือนกัน ถามหน่อยว่ากรณีลูกสาวทักษิณต้องพิสูจน์กันให้แจ่มแจ้งแดงแจ๋ไหม แค่มีเงื่อนงำไม่ชอบมาพากล สังคมก็ไม่ไว้วางใจแล้ว

ฉะนั้นในกรณีนี้ ตุลาการทุกคนควรทำอย่างอาจารย์จรัญ คือออกมาแถลงให้ทราบว่ามีลูกกี่คนมีหลานกี่คนไม่ได้เกี่ยวข้องกับการสอบเข้า เป็นเจ้าหน้าที่ศาลรัฐธรรมนูญ (และไม่ได้เป็นเลขา ผู้ช่วยเลขา) ขณะที่สำนักงานศาลรัฐธรรมนูญก็ต้องเปิดเผยว่าผู้ที่สอบได้มี่กี่คน เป็นลูกหลานตุลาการกี่คน แม้จะเป็นลูกหลานตุลาการศาลอื่น แต่ก็มีความเกี่ยวข้องสนิทใกล้ชิดได้ในแวดวงภิวัตน์

คือถ้าตัวเลขลูกหลานตุลาการสอบได้ถึง สิบกว่าคนจริงๆ สังคมก็ต้องกังขาละครับ ยิ่งถ้าเป็นลูกหลานตุลาการศาลรัฐธรรมนูญ ท่านอาจจะบอกว่าเด็กสอบได้เอง ไม่มีใครบอกข้อสอบ โอเค ไม่มีใครพิสูจน์ได้หรอกว่าทุจริต แต่ถามว่ามันต่างกันตรงไหนกับอุ๊งอิ๊งโมเดล

นี่ยังไม่อยากพูดข้ามไปถึงการที่เรา วิพากษ์วิจารณ์ ส.ส. สว.ใช้งบทัวร์นอก แล้วปรากฏว่าสำนักงานศาลยุติธรรมก็มีงบดูงานต่างประเทศเหมือนกัน ตั้งแต่เดือน ก.พ.ถึง ก.ย.17 ครั้ง 37.5 ล้านบาท มิบังอาจกล่าวหาว่าใช้งบทัวร์นอก แต่กรณีเช่นนี้ สำนักงานศาลยุติธรรมควรแจกแจงขึ้นเว็บไซต์ว่าแต่ละคณะมีใครไปบ้าง ไปดูงานกี่วัน ท่องเที่ยวกี่วัน ช็อปกี่วัน

ฟ้อง พรบ.คอม!

แทนที่ตุลาการศาลรัฐธรรมนูญจะทำความ กระจ่างเรื่องการแต่งตั้งเลขา ผู้ช่วยเลขา เรื่องการสอบเข้ารับราชการดังกล่าว ว่าไม่มีลูกหลานว่านเครือของท่านเกี่ยวข้อง ท่านกลับไปแจ้งความเอาผิดคนปล่อยคลิป ถามว่ามันเป็นการแก้ปัญหาที่ถูกต้องและเป็นผลดีต่อภาพลักษณ์ของศาลรัฐ ธรรมนูญแล้วหรือครับ

นี่ยังไม่นับตุลาการบางคนที่อยากให้ ยุบศาลรัฐธรรมนูญ ซึ่งคำวินิจฉัยเป็นที่สุด มีผลผูกพันทุกองค์กร ไปแอบอยู่ข้างหลังศาลยุติธรรมหรือศาลปกครอง โดยเหตุที่ว่าสองศาลนั้นมีกฎหมายละเมิดอำนาจศาลคุ้มครอง

โจ๊กสุดๆ เลยครับ ศาลที่มีศักดิ์สูงสุดจะยอมลดศักดิ์ลงเพื่อหนีคำวิจารณ์ ทั้งที่การเป็นตุลาการศาลรัฐธรรมนูญต้องพร้อมรับคำวิจารณ์เพราะการตัดสินคดี มหาชนไม่ว่าเรื่องใดๆ ต้องมีผลกระทบต่อสาธารณะ ถ้าไม่กล้ารับคำวิจารณ์ก็อย่ามาเป็นสิครับ มีอย่างที่ไหนจะให้ตัดสินแล้วมีแต่คนยกย่องสดุดีแซ่ซ้องสรรเสริญ

คลิปที่ปล่อยออกมาทั้งหมด 8 คลิป นอกเสียจากคลิปแรกที่ผมวิจารณ์ไปแล้วว่าไม่สมควร ทำให้ประเด็นสับสน ถามว่าคลิป 2 ที่พสิษฐ์คุยกับวิรัช ซึ่งส่อความไม่ชอบมาพากล แสดงพฤติกรรมไม่เหมาะสมอย่างยิ่งของเลขานุการประธานศาลรัฐธรรมนูญ กับ ส.ส.พรรคประชาธิปัตย์ ทีมทนายคดียุบพรรค ที่ลักลอบมาพบปะหารือกัน

คนปล่อยคลิปเอาพฤติกรรมเช่นนี้ออกมาแฉ มีความผิดด้วยหรือ ใครควรมีความผิดกันแน่ ระหว่างคนในคลิปกับคนปล่อยคลิป

ถ้าศาลรัฐธรรมนูญ ซึ่งคำวินิจฉัยเป็นที่สุด มีผลผูกพันทุกองค์กร เห็นว่าคนปล่อยคลิปผิด ต่อไป ถ้ามีคนดักถ่ายคลิปหลอกล่อให้เจ้าหน้าที่ตำรวจ อัยการ หรือผู้พิพากษา ทุจริตรับสินบน คนถ่ายคลิปและคนปล่อยคลิปก็ผิดหมดใช่หรือไม่ (นักข่าวซันเดย์ไทม์ที่หลอกล่อกรรมการฟีฟ่าถ้ามาอยู่เมืองไทยคงติดคุกหัวโต)

คลิป 2 เมื่อเผยแพร่ออกมา ศาลรัฐธรรมนูญทำถูกแล้วที่ปลดพสิษฐ์ออกจากตำแหน่ง แต่สิ่งที่สังคมทวงถาม ก็คือความรับผิดชอบของผู้เป็นนายโดยตรง ผู้ที่แต่งตั้งพสิษฐ์ ใช้งานพสิษฐ์ ซึ่งศาลรัฐธรรมนูญไม่ได้แสดงความรับผิดชอบใดใดเลย

คลิปที่ 3-4-5 ที่บันทึกการหารือของตุลาการศาลรัฐธรรมนูญ มีแนวโน้มจะเข้าข่ายความผิด แต่เป็นความผิดฐานใด ยังเป็นเรื่องที่ต้องตีความกันสนุก สำนักงานศาลรัฐธรรมนูญกล่าวโทษ (เมื่อวันที่ 27 ตุลาคม) ว่ามีความผิดตามกฎหมายอาญามาตรา 157,164,323 สรุปก็คือเป็นเจ้าพนักงานเผยแพร่ความลับทางราชการหรือเปิดเผยความลับให้ผู้ อื่นเสียหาย ต่อมาตำรวจไปตีความว่าผิดมาตรา 198 หมิ่นศาล ขัดขวางการพิจารณาของศาล

ที่ว่าต้องตีความสนุกเพราะมันมีหลาย มุมครับ เช่นที่ท่านคุยกันในคลิปนั่น ถือเป็นการพิจารณาคดี หรือเป็นแค่การประชุมหารือ ถ้าไม่ใช่การพิจารณาคดีก็ไม่เข้ามาตรา 198 แล้วถ้าใช้มาตรา 157,164 ผู้กระทำผิดก็ต้องเป็นเจ้าหน้าที่ศาล แต่ถามว่าใครแอบถ่ายและเผยแพร่กันแน่ ถ้าพสิษฐ์แอบถ่ายและเผยแพร่ ศาลรัฐธรรมนูญก็อาจต้องตีความว่า เลขานุการประธานศาลเป็นเจ้าพนักงานหรือเปล่า (เพราะไม่ได้เป็นข้าราชการประจำ)

อย่างไรก็ดี ให้สังเกตไว้ว่าคำแถลงวันที่ 27 สำนักงานศาลรัฐธรรมนูญพยายามเลี่ยงจะเจาะจงถึงคลิป 2 เพียงพูดคลุมๆ ว่า 3 คลิปหลังเป็นความลับทางราชการ

แต่พอคลิปที่ 6-7-8 โผล่ออกมา มีบทสนทนาชัดแจ๋วของน้อง ปอยกับใครไม่รู้ นี่ไม่ใช่ความลับทางราชการแล้วนะครับ ไม่ใช่การประชุมตุลาการ ไม่เข้าข่ายมาตรา 157,164,323 หรือแม้แต่ 198 เพราะถ้าจะเป็นเรื่องเสียหายก็เสียหายเฉพาะตุลาการบางคน ไม่ใช่เรื่องขององค์กร (และเมื่อสงสัยว่าจะมีทุจริต ก็ถือเป็นการตรวจสอบพฤติกรรมของผู้ดำรงตำแหน่ง)

ถามว่าศาลรัฐธรรมนูญ ซึ่งคำวินิจฉัยถือเป็นที่สุดมีผลผูกพันทุกองค์กร ท่านไปพลิกตำรากฎหมายฉบับไหนมาใช้

ท่านใช้ พรบ.คอมพิวเตอร์ครับ! ท่านแจ้งความให้ดำเนินคดีอาญากับผู้ นำข้อความอันเป็นเท็จเข้าสู่ระบบคอมพิวเตอร์ที่ผ่านการตัดต่อเสียงและภาพ และถอดเทปคำพูดมาเผยแพร่หรือส่งต่อข้อมูลคอมพิวเตอร์ อันเป็นความผิดตาม พ.ร.บ.ว่าด้วยความผิดเกี่ยวกับคอมพิวเตอร์ พ.ศ.2550 มาตรา 14(2) และ (5)

คราวนี้ใช้ทั้งคลิปชุดแรกและชุดที่สองเลยด้วย

ศาลรัฐธรรมนูญในระบอบประชาธิปไตย ควรจะมีอำนาจหน้าที่ตีความกฎหมายให้ภิวัตน์เปิดกว้างให้ประชาชนมีสิทธิเสรีภาพมากที่สุด กฎหมายใดที่ปิดกั้นสิทธิประชาธิปไตย ศาลรัฐธรรมนูญสามารถตีความให้เป็นโมฆะ

แต่คราวนี้ ศาลรัฐธรรมนูญกลับไปใช้กฎหมายเผด็จการอย่าง พรบ.คอมพิวเตอร์มาปกป้องตัวเอง

นักวิชาการท่านใดเก่งกฎหมายลองแปลข่าว นี้ส่งไปให้วงการกฎหมายสากลทราบหน่อยสิครับ พร้อมกับตัวบท พ.ร.บ.คอมพิวเตอร์ ให้ชาวโลกเขารู้ ไม่ต้องต่อเติมเสริมความเห็นใดใดเลย นักกฎหมายทั่วโลกจะเห็นเอง

ถามว่าอะไรคือข้อ ความอันเป็นเท็จพิสูจน์กันตรงไหนล่ะ ในเมื่อมันเป็นข้อความที่ทำให้คนเกิดข้อกังขา อาจารย์จรัญฉวยโอกาสที่ข้อความในคลิปพูดถึงตุลาการชื่อ จรัญแล้วบอกว่าไม่ใช่ท่าน เป็นความเท็จ แต่แน่ใจได้อย่างไรว่าไม่มีตุลาการอื่นชื่อ จรัญ” (ผมแน่ใจได้อย่างเดียวว่าไม่ใช่พี่จรัล ดิษฐาอภิชัย)

ทำไมจึงต้องใช้กฎหมายเผด็จการมาปิดปาก คนละครับ แล้วท่านแน่ใจหรือว่าปิดได้ ถ้ามีคลิปอีก ท่านแน่ใจหรือว่ากั้นอยู่ ทำไมท่านไม่ทำให้ทุกอย่างแจ่มกระจ่างเสีย เช่น ใครที่ถูกสงสัยว่าอยู่ในคลิป ก็ต้องออกมาชี้แจงว่าเป็นตัวท่านจริงไหม พูดอะไรไว้ และต้องรับผิดชอบคำพูด รับผิดชอบการกระทำ เพื่อปกป้ององค์กรและสถาบัน ซึ่งไม่ใช่แค่สถาบันศาลรัฐธรรมนูญแล้วตอนนี้ แต่มันกระทบไปทั้งสถาบันตุลาการ (น่าแปลกใจที่ตุลาการส่วนอื่นยังเฉยอยู่ได้)

เอ้า ถ้าอาจารย์จรัญท่านแอ่นอกออกมายืนยันว่าไม่ได้ตั้งลูกตั้งญาติเป็นเลขา ไม่มีวงศ์วานว่านเครือมาสอบเป็นข้าราชการ ไม่ได้อยู่ในคลิปลับ ท่านก็พิสูจน์ตัวเองแล้ว แต่คนอื่นๆล่ะ จะแอบบังหลังอาจารย์จรัญอยู่อย่างนี้หรือ

ข่าวอื้อฉาวในศาลรัฐธรรมนูญยังไม่หยุด แค่นี้ เพราะเท่าที่อ่านบทวิเคราะห์ในมติชนออนไลน์ ยังพาดพิงถึงการต่อรองช่วงชิงตำแหน่ง ว่าอาจเป็นสาเหตุให้มีการบันทึกคลิปไว้ต่อรองกัน

นี่ยังไม่นับวิกฤติศรัทธาที่จะเกิดขึ้นกับคดียุบพรรค ซึ่งคนจำนวนมากไม่เชื่อถืออยู่แล้วตั้งแต่แรก

เอาแค่คดีที่ท่านวินิจฉัยให้ 6 ส.ส.ถือหุ้นพ้นจากตำแหน่งก็พอ ส.ส.ถือหุ้นบริษัทมหาชนที่รับสัมปทานรัฐและเป็นกิจการสื่อ เขาซื้อหุ้นในตลาด ถือครองจำนวนน้อยนิด ไม่มีอำนาจตัดสินใจในบริษัท แต่ท่านตัดสินว่าเขาทำผิดข้อห้ามทางจริยธรรมซึ่งกำหนดไว้ในรัฐธรรมนูญ ต้องพ้นสภาพ

ถามว่าในขณะที่ท่านต้องข้อครหาว่าตั้ง ลูกหลานมากินเงินเดือนครองตำแหน่ง หรือช่วยเหลือในการสอบ โดยที่ท่านยังไม่สามารถเคลียร์ให้สาธารณชนหายข้องใจ แล้วท่านจะไปตัดสินความผิดทางจริยธรรมของนักการเมืองได้อย่างไรละครับ

มันก็ไม่ต่างกับการที่ท่านเปิดพจนานุกรมวินิจฉัยว่าทำกับข้าวออกทีวีเป็นลูกจ้างแต่ตัวเองไปรับจ็อบบรรยายตามมหาวิทยาลัยไม่ใช่ รับจ้างทั้งที่ได้ค่าตอบแทนเหมือนกัน

ใบตองแห้ง 95”

5 พ.ย.53

...........................................

ป.ล.ขอฝากเรียนอาจารย์จรัญว่า คำว่าผลประโยชน์ ไม่ได้หมายถึงเงินทองแต่อย่างเดียว หากยังหมายถึงลาภยศสรรเสริญ เกียรติยศชื่อเสียง อำนาจ ตำแหน่ง

ตัวอย่างเช่นอาจารย์จรัญ ผมเชื่อว่าท่านไม่ได้รับทรัพย์สินศฤงคารจากใคร แต่ถามว่าจากปี 49 ที่ท่านออกมาแสดงบทบาทตุลาการภิวัตน์ เรียกร้องให้ กกต.ลาออก (พอไม่ออกเลยติดคุก) จนถึงวันนี้ ท่านได้รับสิ่งตอบแทนหรือไม่

ถ้าไม่เกิดวิกฤติ หรือถ้าไม่ออกมาแสดงบทบาท อาจารย์จรัญก็ยังเป็นผู้พิพากษาศาลยุติธรรม โดยตำแหน่งสูงสุดไปไม่ถึงผู้พิพากษาหัวหน้าคณะในศาลฎีกา เพราะท่านเป็นผู้พิพากษาช้า (เป็นอาจารย์มาก่อน) และมีเสียงร่ำลือว่าคนดีๆ อย่างท่านก็เคยโดนการเมืองในสำนักงานเล่นงานจนแป๊กไปช่วงหนึ่ง

แต่หลังรัฐประหาร อาจารย์จรัญที่กระโดดออกมาเป็นแถวหน้าของตุลาการ ได้เป็นปลัดกระทรวงยุติธรรม เป็นรองประธานร่างรัฐธรรมนูญ จากนั้นก็เป็นตุลาการศาลรัฐธรรมนูญ (ซึ่งตำแหน่งเงินเดือนศักดิ์ศรีเทียบเท่ารองประธานศาลฎีกา) ตลอดจนเป็นฮีโร่ยี่ห้อเปาบุ้นจิ้นได้รับเชิญไปบรรยาย ไปปราศรัยตามที่ต่างๆ

สิ่งเหล่านี้คือลาภยศ สรรเสริญ ซึ่งท่านได้มาจากการเป็นตัวแทนภาพลักษณ์ของสถาบันตุลาการเข้าร่วมกับขั้วอำนาจรัฐประหาร

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น