โดยอานนท์ นำภาณ วันที่ 7 พฤศจิกายน 2010 เวลา 15:24 น.
"เพื่อลบรอยคราบน้ำตาประชาราษฎร์
สักพันชาติจักสู้ม้วยด้วยหฤหรรษ์
แม้นขีพใหม่มีเหมือนหวังอีกครั้งครัน
จักน้อมพลีชีพนั้นเพื่อมวลชน "
นั่งท่องท่อง บ่นบ่น จนจำแม่น
"ตายสิบ เกิดแสน" ก็สับสน
"เพียงความเคลื่อนไหว" ในหมู่คน
ร่วงหล่นเหมือน "ใบไม้ที่หายไป"
คิดถึง "ลมหนาวดาวเหนือ"
แกงฟักทองกับมะเขือในป่าใหญ่
"เปิบข้าว" ขาวเม็ดแข็ง อุ่นไอ
กองฟางสุมไฟเข้าสุมเมือง
หลายสิบปีที่ทนเดินทางรก
หลายสิบปีที่พับนกพิราบเหลือง
หลายสิบปีที่ดาวแดงได้รองเรือง
หลายสิบปีก็เปล่าเปลืองและเปลี่ยนแปลง
เมื่อสายลมเปลี่ยนทิศเปลี่ยนวาระ
สุริยะเคย ใสก็สิ้นแสง
ศักดิ์ ศรีที่เคย สมโดนแทรกแซง
จำลองดาวแดงเป็นดาวดำ
อยู่อย่างไม่ สมเกียรติบนผืน พิภพ
น้อมนบศักดินาอิ่มหนำ
เหยี่ยวปฏิ สนธิพิราบระยำ
บินร่ายรำขี้ขลาดหวาดระแวง
ไม่มีแล้วอุดมการณ์อันหาญกล้า
ไม่มีแล้วศรัทธาเคยทอแสง
น้ำลายหวานดาษดื่นเหมือนกลืนแกง
ดวงดาวไม่สีแดงเหมือนดังเดิม!
: เขียนช่วงเฟื่องฟูของพันธมิตรฯ หลังประกาศขอนายกพระราชทาน(ม.๗)
จำได้ว่ามันรู้สึกน้อยใจกวีรุ่นพี่ กับนักกิจกรรมบางคน
พอนึกถึงบทกวีของคุณจิตร ภูมิศักดิ์(แปลมา) แล้วมันมีอารมณ์
ตีพิมพ์ในนิตยสาร "เควกชั่นมาร์ก" (เลิกไปแล้ว) โดยผองเพื่อนักกิจกรรม
ไปเมาแถวอ๊อฟฟิต ราชเทวี เลยเขียนเล่นๆ เพื่อนเขาเอาลงให้ได้ค่าเขียนเป็นเบียร์ที่"ตักสุรา"
เก็บกวาดห้องเจอเลยขออนุญาตเอามาลงเพื่อรำลึกความหลัง
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น