ศาสตราจารย์ ดร.
ส่วนการบรรยายพูดจาปราศรัยของนิติภูมินั้น เทียบกันไม่ได้เลยกับของ ดร.ทาบริซี ของนิติภูมิกระจอกงอกง่อยกว่าเป็นร้อยเท่า หัวข้อการบรรยายที่เจ้าภาพชวนผมพูด ส่วนใหญ่ก็เป็นเรื่องของการพัฒนาทุนมนุษย์เปรียบเทียบ จำนวนไม่น้อยที่ประสงค์ ให้ผมเปรียบเทียบมนุษย์ในประเทศที่พัฒนาแล้วกับประเทศกำลังพัฒนา รวมไปถึงวิถีชีวิตของผู้คนในประเทศโหลยโท่ย ที่ผมเคยไปสัมผัส ซึ่งผมเองก็อยากนำมาเขียนรับใช้ในเปิดฟ้าส่องโลกหลายครั้งแล้ว ทว่าหาโอกาสไม่ได้สักที
ความแตกต่างอย่างหนึ่งซึ่งผมเห็นชัดถนัดมากจากประเทศที่ดีกับประเทศโหลยโท่ ยก็คือ คนในประเทศโหลยโท่ยชอบ "ขอ" โดยชอบขอการสงเคราะห์จากสังคม พวกนี้จะเที่ยวพูดโพนทะนาสาธยายให้คนทั่วไปใจดี ไม่เห็นแก่ตัว เพียงเพื่อที่ตนจะได้รับการบริจาคและได้รับความช่วยเหลือ โดยที่ตนไม่ทำงานอะไรมาก ส่วนผู้คนในประเทศเจริญกลับสอดส่ายสายตาหาคนด้อยโอกาส ผู้อยากจะพัฒนาตน และก็จะกระโจนเข้าไปให้ความช่วยเหลือ แต่ไม่ช่วยคนที่ไม่ขวนขวายในการพัฒนาตนเอง
หากผู้อ่านท่านตามข่าวคราวของประเทศโหลยโท่ยซึ่งมักมีปัญหาคาราคาซังไม่รู้ จบ จะพบว่าคนในชาติพวกนี้มักยึดแต่ทฤษฎีเดิมๆ ชอบชี้นิ้วด่ากราดสาดสีให้คนอื่น โดยยกทฤษฎีที่ตัวเองเชื่อมาอ้าง เพราะงมงายกับโลกใบเดิมและความเชื่อเดิมๆ ในสมองของคนพวกนี้มีแต่สิ่งซ้ำซากจำเจ ไม่ได้เรียนรู้อะไรใหม่ แถมไอ้พวกนี้ยังชอบเอาทฤษฎีและความโง่ของตัวไปอ้าง สร้างความยุ่งเหยิงต่อสังคมอีกด้วย
ที่ถูกนำไปแพร่ขยายกระจายกันตามสื่อของประเทศพัฒนาแล้ว มักจะเป็นข่าวที่เกี่ยวดองหนองยุ่งกับวิทยาการใหม่ๆ กลยุทธ์ทางการบริหารใหม่ๆ เทคโนโลยีใหม่ๆ หรือเป็นข่าวที่ภาครัฐ และเอกชนทุ่มงบประมาณลงไปเพื่อใช้วิจัยนวัตกรรมที่จะนำความเปลี่ยนแปลงในทาง ที่ดีมาสู่ประเทศ
ผู้คนในประเทศโหลยโท่ยจะไม่ยอมรับ หรือปรับตัวกับระบบเศรษฐกิจใหม่ๆ และมักจะอิจฉาผู้นำผู้มีประโยชน์และมีความสามารถสูงกว่าตน แถมยังตั้งหน้าตั้งตาเป็นปฏิปักษ์และต่อสู้กับระบบเศรษฐกิจและนโยบายที่ตัว เองไม่เห็นด้วย ทำให้ประเทศสูญเสียโอกาส และเงินทองมากมายที่สูญหายไปกับการต่อสู้พวกนั้น
ความแตกต่างอีกอย่างหนึ่ง ซึ่งผมเห็นได้ชัดถนัดนัก เห็นจากผู้คนในประเทศโหลยโท่ยของแท้ก็คือ คนพวกนี้จะมีนิสัยเชื่อข้อมูลที่ยังไม่ได้รับการพิสูจน์ ชอบฮาฮือกับข่าวลือ คนในประเทศโหลยโท่ยจึงมักจะตกเป็นเหยื่อของสถานการณ์ และออกมาประท้วงกันทุกเมื่อเชื่อวัน ถูกลากจูงได้เหมือนวัวเหมือน:-)ตามการสร้างสถานการณ์ของพวกกลุ่มผลประโยชน์
ข่าวลือทั้งหลายไม่มีผลในประเทศเจริญและมีวัฒนธรรมสูง เพราะคนในประเทศพวกนี้ชอบพิสูจน์สิ่งที่ได้ยินได้ฟังด้วยตัวเอง ผู้คนในประเทศเจริญแล้วจึงเป็นอิสระเหนือสถานการณ์ต่างๆ ไม่บ้าออกไปประท้วงตามกลุ่มผลประโยชน์
นิสัยอีกอย่างหนึ่งซึ่งผมพบในผู้คนของประเทศเจริญแล้วก็คือ คนพวกนี้ชอบฝึกฝน แม้ว่าจะได้รับการยอมรับว่าเป็นนักแสดงเบอร์ 1 แต่ก็ยังตื่นนอนในตอนเช้าตรู่เพื่อออกกำลังกาย และใช้เวลาฝึกเต้นเป็นเวลาหลายชั่วโมง ผู้คนทุกอาชีพในประเทศพวกนี้จึงพัฒนาตลอดเวลา ส่วนคนในประเทศโหลยโท่ยชอบเรื่องฟลุก ไม่ฝึกฝนตน ชอบเปลี่ยนงาน ประกอบอาชีพอะไรก็มักจะอยู่ได้ไม่นาน เพราะไม่ชำนาญ
เขียนถึงบรรทัดนี้ นิติภูมิเริ่มมีอาการมือสั่นระริกๆ เพราะยิ่งเขียนก็ยิ่งปรากฏชื่อของประเทศโหลยโท่ยได้ชัดถนัดมากขึ้นเรื่อยๆ
ผมกลัวครับ.
นิติภูมิ นวรัตน์
http://www.thairath.co.th/column/oversea...sky/129276
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น