สนับสนุนการทำกิจกรรม ส่งเสริมประชาธิปไตยของชาวเชียงใหม่ ร่วมกับศูนย์ประสานงานกลาง นปช.แดงเชียงใหม่

ชื่อบัญชี นปช.แดงเชียงใหม่ ธนาคารออมสิน เลขที่บัญชี 02 0012142 65 7 ( มีผู้รับผิดชอบบัญชี 3 ท่าน )

ติดต่อเรา deangchiangmai@gmail.com

ราบสวัสดี พี่น้องทุกๆท่านที่เข้ามาเยี่ยมเยือน บล็อค นปช.แดงเชียงใหม่ ขอเรียนชี้แจงสักนิดว่า เรา ”แดงเจียงใหม่” เป็นกลุ่มคนชาวเจียงใหม่ที่เคารพรัก กติกาประชาธิปไตย ต่อสู้และต่อต้านเผด็จการทุกรูปแบบ อยากเห็นประเทศชาติภายภาคหน้า มีความเจริญ ประชาชนรุ่นลูกหลานของเราอยู่อาศัยอย่างร่มเย็นเป็นสุขในประเทศของพวกเราเอง ไม่มีกลุ่มอภิสิทธิ์ชนกลุ่มใดมาสูบเลือดเนื้อ แอบอ้างบุญคุณเฉกเช่นในยุคนี้ที่พวกเราเห็น การที่จะได้รับในสิ่งที่มุ่งหวังก็ต้องมีการต่อสู้แสดงกำลังให้สังคมได้รับรู้ และเพื่อที่จะให้กลุ่มบุคคลที่มีอำนาจในปัจจุบันได้เข้าใจในสังคมที่ก้าวหน้าเปลี่ยนแปลงไป ไม่อาจฝืนต่อกระแสการพัฒนาของโลก การต่อสู้ร่วมกับผองชนทั่วประเทศในครั้งนี้ เรา “ แดงเจียงใหม่ “ ได้ร่วมต่อสู้ทุกรูปแบบ และในรูปแบบที่ท่านได้เข้ามาร่วมอยู่นี้ คือการเผยแพร่ข่าวสารต่อสังคม เรา “ แดงเจียงใหม่ “ ได้สร้างเวปบล็อคไว้ 2 ที่ คือที่นี่ “ แดงเจียงใหม่” สำหรับการบอกกล่าวในเรื่องทั่วไป และอีกที่หนึ่งคือ “ Daeng ChiangMai “ สำหรับข่าวสารที่เราเห็นว่ามีประโยชน์ต่อการรับรู้ข่าวสารในการร่วมทำกิจกรรมของพี่น้องประชาชน


เชิญร่วมสร้างขวัญ และกำลังใจให้เพื่อนพ้องน้องพี่ร่วมกันครับ
“แดงเจียงใหม่” " Daeng ChiangMai "

รักประชาธิปไตยไม่เอาเผด็จการ ต่อต้านการรัฐประหารทุกรูปแบบ สร้างขวัญกำลังใจและความสุขเพื่อปวงชน

การสังหารหมู่ที่กรุงเทพฯ : สมุดปกขาวโดยสำนักกฎหมาย Amsterdam & Peroff การสังหารหมู่ที่กรุงเทพฯ . ไพร่สู้บนเส้นทาง ๗๘ ปี ประชาธิปไตย ( ๒๔๗๕ - ๒๕๕๓ ) จรรยา ยิ้มประเสริฐ Voter's Uprising Thai

วันอังคารที่ 30 พฤศจิกายน พ.ศ. 2553

บทกวี ถึงมหาตุลาการ ๒ [๙]



โดยอานนท์ นำภาณ วันที่ 29 พฤศจิกายน 2010 เวลา 16:04 น.

บทกวี ถึงมหาตุลาการ

คือตราชู ผู้ชี้ เสรีสิทธิ

คือศาลสถิต ยุติธรรม นำสมัย

คือหลัก ประกัน ประชาธิปไตย

มิใช่ อภิชน คนชั้นฟ้า !

ครุยที่สวม นั้นมา จากภาษี

รถที่ขี่ เงินใคร ให้หรูหรา

ข้าวที่กิน ดินที่ย่ำ บ้านงามตา

ล้วนแต่เงิน ของมหา ประชาชน

มิได้ อวตาร มาโปรดสัตว์

แต่เป็น "ลูกจ้างรัฐ" ตั้งแต่ต้น

ให้อำนาจ แล้วอย่าหลง ทนงตน

ว่าเป็นคน เหนือคน ชี้เป็น-ตาย

เสาหลัก ต้องเป็นหลัก อันศักดิ์สิทธิ์

ใช่ต้องลม เพียงนิด ก็ล้มหงาย

ยิ่งเสาสูง ใจต้องสูง เด่นท้าท้าย

ใช่ใจง่าย เห็นเงิน แล้วเออออ !

ต้องเปิด โลกทัศน์ อย่างชัดเจน

ใช่ซ่อนเร้น อ่านตำรา แต่ในหอ

ออกบัลลังค์ นั่งเพลิน คำเยินยอ

เลือกเหล่ากอ มากอง ห้องทำงาน

ตุลาการ คือหนึ่ง อธิปไตย

อันเป็นของ คนไทย ไพร่-ชาวบ้าน

มิใช่ของ ใครผู้หนึ่ง ซึ่งดักดาน

แต่เป็น "ตุลาการ" ประชาชน

ฉะนั้นพึง สำนึก มโนทัศน์

ใช่ด้านดัด มืดดับ ด้วยสับสน

เปื้อนราคิน กินสินบาท คาดสินบน

แล้วแบ่งคน แบ่งชั้น บัญชาชี้

เถิด"ตุลาการ" จงคิด อย่างอิสระ

รับภาระ อันหนักหนา ทำหน้าที่

หากรับใช้ ใบสั่ง ดั่งกาลี

ตุลาการ เช่นนี้ อย่ามีเลย !

: อานนท์ นำภา ๖ พฤศจิกายน ๕๓

แก้ไขเพิ่มเติมจากฉบับเดิม ๓ กันยายน ๕๓

พญาไม้ : แล้ว“ละคร”ฉากใหญ่ก็จบไปอีกหนึ่งตอน

อายุธ

ละคอน

คอลัมน์ พญาไม้ทูเดย์

โดย พญาไม้


และแล้วละคอนลวงโลก...การจัดฉากสร้างเรื่องราว...ก็ต้องมีอันเป็นไป

รู้กันทั้งนั้นว่า...ประชาธิปัตย์และชาวประชาธิปัตย์...ไม่ปรารถนาที่จะให้มีการแก้ไขรัฐธรรมนูญในเรื่อง
การเลือกตั้ง...แบบวันแมนวันโหวต...หรือเขตเล็กเบอร์เดียว

เพราะประชาธิปัตย์นั้น...เป็นพรรคนามธรรม...กล่าวคือสามารถเอาชื่อพรรคเป็น ใบเบิกทางหาเสียงได้...อดีตที่ย้อนหลังไปได้ถึง 60 ปี...ในฐานะพรรคการเมืองในระบอบประชาธิปไตย...อดีตที่ได้ต่อสู้กันมาอย่าง โชกโชนกับอำนาจเผด็จการ...ทำให้คนไทยหัวใจประชาธิปไตย รับเอาประชาธิปัตย์เป็นพรรคการเมืองของเขาในทุกครั้งที่ต้องเข้าคูหาหย่อน บัตร

จะกี่ปีของการเป็นพรรคฝ่ายค้าน...นานแค่ไหนของการรอคอยความวิบัติของจอม เผด็จการทั้งหลาย...แต่ประชาธิปัตย์ไม่เคยเปลี่ยน...ความเป็นประชาธิปัต ย์...

กระทั่งถึงยุค...ไม้ผลัดใบ

ประชาธิปัตย์...เปลี่ยนไปมากมายเหลือเชื่อ...ประชาธิปัตย์กลมเกลียวกับกอง ทัพและสั่งการให้ทหารออกมาเข่นฆ่าประชาชนอย่างคาดไม่ได้
คิดไม่ถึง

ผู้นำยุคใหม่...ปิดซอยทั้งซอย...เพื่อความปลอดภัย...โดยไม่ใส่ใจกับเสียงร้องของผู้อยู่อาศัยและการทำมาหากินของเพื่อนบ้าน

เราได้ศรีธนญชัยตัวพ่อ...หล่อแต่กินไม่ได้..

พูดอย่างอธิบายไปอีกอย่าง...เป็นครั้งแรกในประวัติศาสตร์กรุงรัตนโกสินทร์..ที่..สิ่งศักดิ์สิทธิ์..ทวงถามเรื่องรัฐบาลโกงกิน

แต่ทั้งสิ้นทั้งปวงนั้น..มันก็ยังไม่น่าเวทนาเท่ากับการ..

สร้างละคอนลวงโลกขึ้นมา..หรือคอนเสิร์ต..ต้านแก้ไขรัฐธรรมนูญ

ยอมย่ำยีความศักดิ์สิทธิ์ของกฎหมาย..ที่ห้ามชุมนุมกันในทางการเมือง..สร้างดับเบิ้ลสแตนดาร์ด..สีหนึ่ง
ทำได้แต่อีกสีหนึ่งทำไม่ได้..แยกคนไทย ออกจากคนไทย..ฯลฯ

พรรคร่วมผนึกกัน..เลือกตั้งคราวหน้าให้เป็นเขตเล็กเบอร์เดียว..เพื่อจะยังมี เก้าอี้ผู้แทนประดับพรรค..ประชาธิปัตย์ปฏิเสธ..ก็อาจจะโดนหักหลังในวัน

อภิปรายไม่ไว้วางใจ เพื่อให้สามารถอยู่ได้และผ่านศึกไม่ไว้วางใจแบบผู้ชนะ

ละคอนลวงโลกจึงถูกสร้างขึ้นมา..พันธมิตรฯ กับไม้ผลัดใบ

พรรคร่วมอาจจะเชื่อ..ว่าประชาธิปัตย์จริงใจอยากแก้ไขรัฐธรรมนูญ..แต่ประชาชนคนเสื้อเหลืองกลับปฏิเสธมหกรรมลวงโลกครั้งนี้

ท่านอาจจะหลอกลวงใครบางคนได้ในบางครั้ง แต่จะหลอกลวงทุกๆ คนไม่ได้ในทุกๆ ครั้ง


(ที่มา บางกอกทูเดย์ ,26 พ.ย. 2553)

http://www.internetfreedom.us/thread-3343.html

เพ็ญ ภัคตะ : เราควรก้าวไปไกลเกินกว่าหนึ่ง

เราควรก้าวไปไกลเกินกว่าหนึ่ง
หากไม่ถูกทมิฬทึ้งดึงกลับศูนย์
เสียเวลากอบซากศพบนกองกูณฑ์
แทนที่จักเพิ่มพูนพลังไท

เราเคยนับหลักสิบถึงร้อยแสน
กลับถูกแผนอุบาทว์ฉุดสะดุดไหว
จากเมืองแมนแดนสยามศิวิไล
ถอยหลังเริ่มต้นใหม่ไกลความจริง

มีรัฐถ่อยเถื่อนสถุลสมุนชาติ
ใครฉลาดถูกฟาดคว่ำริยำยิ่ง
เอากฎหมายสามานย์มาอ้างอิง
ปรุงแต่งสิ่งโสมมอัประมาณ

มีนายกอัปยศรันทดเทวษ
เมืองอาเพศเหตุภัยจัญไรผลาญ
มือเปื้อนเลือดเด่นลอยคอยประจาน
ได้นายกเผด็จการต้องจารจำ

คณะราษฎร์เคยทวงทักท้วงสิทธิ์
ถูกเบือนบิดอ้างระบอบครอบอุปถัมภ์
เป็นประชาธิปไตยใต้เงาดำ
แปดสิบปียังก้าวย่ำมิยาตรา

ทำท่าจักก้าวเดินถูกดึงกลับ
กี่ครั้งนับเมื่อไหร่ถึงทางข้างหน้า
อ้างว่าไทยยังไม่พร้อมน้อมพึ่งพา
ปวงเทวาปารมีวิษณุวงศ์

เราแอบเดินใต้ดินไม่ยินเสียง
ร่วมร้อยเรียงตะเกียงใจไม่พลัดหลง
ระวีแสงแดงวับนับล้านวง
กระหวัดธงกระเหวี่ยงทาส กระวาดไทย

ศาลใคร โดย กาหลิบ


คอลัมน์ เมืองไทยหรือเมืองใคร?

เรื่อง ศาลใคร?

โดย กาหลิบ



ใครแปลกใจในคำวินิจฉัยของศาลรัฐธรรมนูญในกรณียุบพรรคประชาธิปัตย์
แสดงว่ายังมีความลุ่มหลงกับระบอบโบราณของไทยว่า
จะให้ความยุติธรรมและความเป็นธรรมในสังคมนี้ได้

การไม่ยุบพรรคประชาธิปัตย์โดยอาศัยประเด็นปลีกย่อยที่เป็นเทคนิคกฎหมาย
และเป็นตัวช่วยอย่างสำคัญต่อการก่อตัวขึ้นของระบอบประชาชน
หากยุบพรรคประชาธิปัตย์เสียอีก
จะมีผู้ใหญ่ที่อ้างตัวเป็นแดงบางคนเข้ามาเชียร์ทันทีว่า
เห็นไหม ระบอบปัจจุบันยังใช้การได้
เราจะไปเคลื่อนไหวถึงขั้นระบอบและโครงสร้างกันไปทำไม

บุญเหลือเกินที่ความโง่บางชนิดถูกย่อยสลายได้ด้วยความจริงแบบเร่งด่วนทันใจ

ต้องขอบคุณศาลรัฐธรรมนูญในแง่นี้เป็นอย่างยิ่ง

ใครติดตามวิธีพิจารณาวินิจฉัยกรณีร้องเรียนให้ยุบพรรคประชาธิปัตย์มาตลอด
จะเห็นได้พร้อมกันว่าระบอบเผด็จการโบราณเขามีความชำนาญ
และความรอบคอบในการสร้างเครื่องมือแห่งอำนาจเป็นอันมาก

เครื่องมือเหล่านั้นมีอะไรบ้าง
ขอให้ไปเปิดฟังคำแถลงปิดคดีด้วยวาจาของ นายชวน หลีกภัย
ผู้เป็นอดีตนายกรัฐมนตรีและอดีตหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์เสียอีกรอบ
คราวนี้ฟังช้าๆ และจดประเด็นเอาไว้เหมือนเล็คเชอร์ด้วย
เราจะได้ความรู้มากมายว่า
ฝ่ายตรงข้ามกับประชาชนเขาซุ่มซ่อนเครื่องมือเหล่านั้นไว้ตรงไหน
และอย่างไรบ้างในระบบกฎหมายของระบอบเขา

อย่าลืมว่า
ฝ่ายโบราณเขาไม่ได้ครอบงำบ้านเมืองนี้อย่างบังเอิญแบบบุญหล่นทับ
เขาได้อำนาจอันล้นพ้นมาด้วยการฆ่า การทำลาย การปล้นชิง
และการวางอาวุธทางการเมืองเอาไว้ในระบบย่อยที่รวมกันแล้ว
กลายเป็นระบบใหญ่ที่เราเรียกกันสั้นๆ ว่า ระบอบ

ประชาชนหน้าไหนหาญกล้ามาแย่งชิง คนๆ นั้นจะรู้รสทันทีว่า
รูปลักษณ์ศักดิ์สิทธิ์ที่สื่อสรรเสริญกันอยู่ตลอดทั้งวัน
ทั้งคืนยิ่งกว่าเกาหลีเหนือนั้น
แท้ที่จริงแล้วคืองูพิษตัวร้ายที่คอยฉกกัดทำลายสรรพสิ่งทั้งหลายรอบตัว
แม้แต่พวกเดียวกันเองหากไม่ถูกใจ

ซีกประชาธิปไตยโดยเฉพาะส่วนพรรคเพื่อไทยก็ต้องถือว่า
เดินงานถูกต้องมาตลอดในคดีพรรคประชาธิปัตย์
การให้ข้อมูลที่เหมาะสมแก่สังคม
ทั้งในรูปคดี และความชอบธรรมของผู้ตัดสิน ถือว่า
ใช้การได้และควรนำไปสู่การตัดสินที่เที่ยงธรรมกว่านี้
แต่เมื่อไม่เป็นเช่นนั้น
พรรคเพื่อไทยก็ต้องหันหน้าเข้าหากันและร่วมตัดสินใจให้ชัดว่า
ควรจะมองปัญหาการเมืองแบบสมานแผลนิดหน่อยก็จะหาย
หรืองานนี้จำเป็นต้องผ่าตัดใหญ่กันเสียที

มวลชนผู้ก้าวหน้านั้นเขามีคำตอบชัดเจนแล้ว
เขาเพียงหันมาถามอีกครั้งว่า
พรรคเพื่อไทยจะถือเอาเหตุนี้ปรับเปลี่ยนท่าทีเสียใหม่และเดินเคียงคู่กันไป
หรือจะละทิ้งมวลชนไปสู่เพื่อเอาตัวรอดง่ายๆ ด้วยการขายตัวและหัวใจต่อไป

ความจริงไม่ควรเสียเวลาพิจารณามาตั้งแต่ต้นว่า
ประชาธิปัตย์ถูกยุบหรือไม่จะมีประโยชน์ใดๆ ต่อฝ่ายประชาชน
เพราะอำนาจในการยุบพรรคการเมืองไม่ควรอยู่ในมือของใครทั้งนั้น

สังคมประชาธิปไตยที่ก้าวหน้าตาสว่างเขาไม่มียุบพรรคกันหรอกครับ
เขาใช้วิธีลงโทษบุคคลผู้สร้างความเสียหาย
หรือทำความผิดทางกฎหมายของพรรคนั้นๆ แทน

พรรคการเมืองทุกพรรคเป็นสมบัติของประชาชน
เทวดาหน้าไหนไม่ควรมีสิทธิ์สั่งยุบทั้งนั้น
หากเรายืนอยู่บนหลักการว่าพรรคการเมืองมีสิทธิ์ถูกยุบได้
และเชียร์ให้อำนาจนอกระบบนั้นเบื่อหน่ายคิดยุบพรรคที่เราชิงชัง
สุดท้ายก็เท่ากับเราสนับสนุนระบอบการเมืองแปลกประหลาด
ที่อนุญาตให้อำนาจนอกระบบเอื้อมมือเข้ามายุ่งกับสถาบัน
การเมืองของประชาชนได้ต่อไป

สองประเด็นนี้ทับซ้อนกัน ต้องพิจารณาให้ดี

ในขั้นต้นนั้นอาจนำกรณีไม่ยุบพรรคประชาธิปัตย์
มาฉีกหน้ากากของระบอบการปกครองไทยในปัจจุบันได้
แต่ในขั้นที่ลึกลงไปแล้ว เราไม่ควรเชียร์อำนาจนอกระบบ
ที่แอบเข้ามายุบพรรคการเมืองไม่ว่าจะเป็นพรรคการเมืองสีอะไร
และต้องเชิดหน้าให้สูงกว่าทาส โดยยืนยันในศักดิ์ศรีความเป็นคนของตัวเราเอง

พรรคการเมืองใดที่เราไม่ชอบก็อย่าเลือก อย่าเข้าเป็นสมาชิก
และงดสนับสนุนในทุกทาง
แต่อย่าเรียกร้องหรือหวังผลให้เกิดการยุบพรรคของเขา

ในระบอบประชาธิปไตยนั้น พรรคของเขาก็คือพรรคของเรา
แต่เราจะเลือกใครสู่อำนาจเมื่อใดคือสิทธิทางการเมืองของเรา

อำนาจศาลของเขาสิครับ ไม่ใช่่อำนาจของเราอย่างแน่นอน

นั่นล่ะครับคือประเด็นต่อสู้.


เรียบเรียงโดย Nangfa

http://democracy100percent.blogspot.com/...st_29.html

อ่างขาง : หนูอยากให้พ่อกลับบ้าน

มีเรื่องราวที่เล่าขานกันมากมาย เกี่ยวกับผู้เสียชีวิต ในมหกรรมการล้างเผ่าพันธุ์มนุษย์ ณ.ทุ่งสังหารราชประสงค์และทุ่งสังหารสี่แยกคอกวัว
ทุกชีวิตที่สิ้นไปล้วนมีคุณค่าทั้งสิ้น ไม่แยกแยะว่าท่านผู้เสียชีวิตนั้นจะเป็นใครมาจากไหน ประกอบอาชีพอะไร การศึกษามากน้อยแค่ไหน
เพราะชีวิต1ชีวิต ก่อนจะเป็นชีวิตขึ้นมาได้ มันยากเย็นแสนเข็นนัก บางชีวิตเกือบไม่ได้เกิด บางชีวิตเกือบอยู่ไม่รอดขณะยังเยาว์วัย บางชีวิตสาหัสสากันนักต้องรับผิดชอบบุพการีมาตั้งแต่ยังเด็ก หนึ่งชีวิตบางครั้งสามารถต่อชีวิตให้กับอีกหลายสิบชีวิตได้ เหล่านี้คือชีวิตที่มีค่าทั้งสิ้น

ก่อนจะเขียนต่อไป กระผมผู้เขียนขอน้อมคารวะทุกชีวิตที่สิ้นไปในวันที่ อมนุษย์ร่วมกันสังหารโหดมนุษย์ด้วยกัน ในช่วงขณะนั้นด้วยครับ

เพื่อให้ไม่เป็นที่กังขากับบรรดา ญาติญาติ เพื่อนๆ คนรู้จัก และ กับผู้เสียชีวิตท่านอื่น ทำไมผมถึงไม่ยอมเอ่ยชื่อท่านเหล่านั้นบ้าง ไม่ยอมเอาประวัติชีวิตของท่านเหล่านั้นมาเขียนบ้าง

กระผมจึงตัดสินใจ ที่จะไม่เขียนชื่อจริง นามสกุลจริงของท่านผู้ที่ผมจะนำเอามาเล่า ดังจะเป็นข้อเขียนต่อจากนี้ไปครับ

ท่านแรกที่ผมยกมาให้ดู
ลูกๆ และภรรยา เขียนคำไว้อาลัยถึงพ่อว่า

"พ่อจ๋าพ่อจากไปแม่และลูกเสียใจ มาก แต่มันเป็นความต้องการของพ่อไม่มีใครหยุดได้ พ่อทำดีที่สุดแล้วสมความตั้งใจของพ่อ ทุกคนยกย่องให้ท่านเป็นวีรชนคนกล้า ผู้เสียสละ แม่รู้พ่อคงภูมิใจมาก ถ้าพ่อลุกขึ้นมาพูดได้ พ่อคงบอกแม่ว่าไม่ต้องเสียใจ พ่อทำเพื่อชาติ เพื่อบ้านเมืองของเราทุกคน แม่รู้ใจพ่อดี แม่จะทำตามพ่อบอก แม่และลูกๆ ขอให้พ่อหลับให้สบายอย่าได้กังวล ลูกและเมียจะสู้ต่อไปจนกว่าจะเสร็จสิ้นภาระกิจเพื่อให้บ้านเมืองได้ ประชาธิปไตย พ่อจ๋าถ้าชาติหน้ามีจริงขอให้เราได้อยู่ร่วมกันอีกทุกๆชาติไป "

ผู้เขียนข้อความท่านนี้ เป็นบุตรี อายุ17ปี กำลังอยู่ในวัยเล่าเรียนที่มีน้องชายร่วมสายโลหิตอีกหนึ่งท่าน เป็นชายอายุ 8ปี กำลังอยู่ในวัยเรียนเหมือนกัน ทั้งสองต้องใช้เงินอีกมากในการที่จะต้องศึกษาต่อ โดยที่คุณพ่อผู้เสียชีวิตไปเป็นกำลังหลักในการหาเงิน เลี้ยงดูครอบครัวและส่งเงินให้บุตรได้มีการศึกษา ทั้งสิ้น เพียงคนเดียว
ที่อยู่ของพวกเขา อยู่ในประเทศไทยแน่นอนครับ เชื่อชาติไทย สัญชาติไทย ภูมิลำเนา บ้านห้วยคลองนาตำบลถ้ำวัวเเดง อำเภอหนองบัวเเดง จังหวัดชัยภูมิ

จากเนื้อหาที่เขียนไว้
1.ประโยคแรก"พ่อจ๋าพ่อจากไปแม่และลูกเสียใจมาก แต่มันเป็นความต้องการของพ่อไม่มีใครหยุดได้
แปลความได้ว่า ท่านผู้เสียชีวิต รู้ตัวและได้บอกลูกและภรรยาไว้แล้ว บุตรีของท่านจึงได้กล่าวเอาไว้แบบนี้

2.ประโยคที่สอง พ่อทำดีที่สุดแล้วสมความตั้งใจของพ่อ
แปลความได้ว่า เป็นการยืนยันอีกครั้งในประโยคแรก ว่าท่านผู้เสียชีวิตตั้งใจไว้ตั้งแต่แรกจริงๆ
3.ประโยคที่สาม ทุกคนยกย่องให้ท่านเป็นวีรชนคนกล้า ผู้เสียสละ แม่รู้พ่อคงภูมิใจมาก
แปลความได้ถึงอารมณ์ของผู้เขียน ที่มองบิดาตนเองอย่างภาคภูมิใจแม้ขณะอยู่ในอารมณ์เศร้า

4.ประโยคที่สี่และห้า ถ้าพ่อลุกขึ้นมาพูดได้ พ่อคงบอกแม่ว่าไม่ต้องเสียใจ พ่อทำเพื่อชาติ เพื่อบ้านเมืองของเราทุกคน แม่รู้ใจพ่อดี แม่จะทำตามพ่อบอก
แปลความได้ว่า เป็นข้อความจากผู้เป็นแม่อธิบายความมายังบุตร แล้วบุตรถ่ายทอดออกมาเป็นตัวอักษร บอกความในใจว่าแม่คิดเช่นไร รู้ใจของพ่อขนาดไหน คล้ายจะสื่อว่า ความเศร้านั้นมีแน่แต่ถามว่าเสียใจไหม? คำตอบไม่เสียใจเลย ที่สามีตนเองมาเป็นแบบนี้และยังภาคภูมิใจอีกด้วย

5.ประโยคที่หก แม่จะทำตามพ่อบอก แม่และลูกๆ ขอให้พ่อหลับให้สบายอย่าได้กังวล
แปลความได้ว่า ท่านผู้เสียชีวิต สั่งเสียไว้ก่อนที่จะออกมาต่อสู้แล้ว โดยที่ผู้เป็นภรรยาได้ออกมาตอบรับปากในตอนที่ท่านสิ้นใจในวันนี้เอง

6.ประโยคที่เจ็ด บอก แม่และลูกๆ ขอให้พ่อหลับให้สบายอย่าได้กังวล ลูกและเมียจะสู้ต่อไปจนกว่าจะเสร็จสิ้นภารกิจเพื่อให้บ้านเมืองได้ ประชาธิปไตย
แปลความได้ว่า ครอบครัวท่านนี้ เมื่อเสียเสาหลักไปแล้ว แทนที่จะเข็ดหลาบไม่ออกมาต่อสู้เพื่อประชาธิปไตยอีก กลับตรงข้าม ผู้หญิงและเด็กสองคนกลับมีจิตใจเข้มแข็งขึ้นและพร้อมจะออกมาสู้ต่อ เฉกเช่นหัวหน้าครอบครัวของตนเอง

7.ประโยคสุดท้าย พ่อจ๋าถ้าชาติหน้ามีจริงขอให้เราได้อยู่ร่วมกันอีกทุกๆชาติไป "
แปลความได้ว่า พวกเขายังรักและบูชาผู้เสียชีวิตขนาดไหน แม้จะให้เกิดใหม่ในอีกี่ชาติ ก็ยังคงมีความประสงค์ที่จะไปร่วม ชายคาเดียวกันอีก

อีกท่านหนึ่งที่เสียชีวิต บุตรและภรรยา เขียนคำไว้อาลัยถึงพ่อว่า

"แล้วคืนนั้นพ่อก็จากเราไปจริงๆ ความเสียใจมีมากแค่ไหนไม่สามารถอธิบายได้ ถึงจะเสียใจแต่เราก็ภูมิใจว่าพ่อได้สละชีวิตเพื่อประชาธิปไตย คิดว่าพ่อคงภูมิใจในตัวเองเหมือนกันและทางครอบครัวยังได้รับความช่วยเหลือ จากทุกฝ่าย
"

อีกหนึ่งในตัวอย่างที่กระผมคัดลอกข้อความมาให้ท่านได้อ่าน
ผู้เขียนข้อความท่านนี้ เป็นบุตรสาวของผู้เสียชีวิตทั้งสามท่าน ที่พอจะมีอายุแล้ว มีหน้าที่การงานที่ดีกันแล้ว ก็เพราะได้รับการส่งเสียที่ดีด้านเงินทองมาจากบิดา จึงได้หลุดพ้นปากเหยี่ยวปากกามาได้ มีเพียงบุตรสาวคนสุดท้องเท่านั้นที่ยังคงเล่าเรียนอยู่ ภูมิลำเนาของพวกเขา ตำบลบางกระสอ อำเภอเมืองนนทบุรี จังหวัดนนทบุรี มีอาชีพค้าขาย

จากเนื้อหาที่เขียนไว้แสดงให้เห็นชัดว่า
ท่านผู้เสียชีวิต พอมีฐานะ ที่ไม่ต้องมีอะไรห่วงมากมายแล้ว บุตรของท่านเพียงเสียใจที่พ่อต้องจากไปในวันนั้น และยังเชื่ออีกว่าเป็นความภาคภูมิใจของพ่อเองด้วยที่ได้กระทำในครั้งนี้

หลายๆท่านจะมีคำไว้อาลัยแบบนี้เกือบทั้งนั้น ไม่มีใครคิดเป็นอื่นในข้อเขียนนั้นเลย

เมื่ออ่านถึงตอนนี้แล้ว ท่านๆคิดอย่างไรบ้างครับ มีใครตั้งคำถามไว้ในใจบ้าง
ท่านคิดว่า ลึกๆ พวกเขาอยากให้พ่อกลับบ้านไหม ?
แล้วทำไมพวกเขาไม่ได้พูดออกมา ว่าอยากให้พ่อกลับบ้าน ทำไมและทำไมจึงต้องฆ่าพ่อของพวกเขาด้วย

อยากจะบอกว่าอย่างนี้ครับ
เขาได้พ่อของพวกเขากลับบ้านแล้วครับ เป็นกระดูก ไม่ได้เป็นตัวตนเหมือนเช่นพ่อคนอื่นๆเขา
พวกเขาได้รับของขวัญพิเศษในช่วงปีใหม่ของประเทศไทย
ที่ส่งมาให้อย่างรวดเร็วทันใจ จากใครผู้หนึ่งที่มีอำนาจล้นฟ้าล้นแผ่นดิน
กระสุนที่เจาะเข้าไปในสมองของพวกเขา เจาะเข้าไปในร่างกายของเขา ล้วนเป็นกระสุนที่บันดาลมาจากฟากฟ้าทั้งนั้นทั้งสิ้น
พ่อพวกเขาจึงไม่ได้กลับบ้าน ไปอยู่สุสบายแล้วด้วยเพราะบารมีจากฟากฟ้า
อะไรจะซาบซึ้งปานนั้นได้
ใครไม่ซาบซึ้งก็ไม่ใช่คนไทย

ดังนั้นพวกเขาจึงร่วมกันซาบซึ้งไงครับ
พูดไม่ออกบอกไม่ถูกหนูอยากให้พ่อกลับบ้าน แต่ท่านก็ประทานกระดูกพ่อไปให้


หมายเหตุ ข้อเขียนทั้งหมดนี้ขอยกเครดิตให้กับ คุณดีเจ ใจเกินร้อย
และทุกท่านในเว็บไซด์ http://kuisabaistylered.co.cc/
ที่ท่านรวบรวมรายละเอียดมากมายมาให้ แล้วผมทำได้แค่เท่าที่เห็นนี้ครับ

หนูกับน้องรอพ่อแม่กลับบ้าน .mov

http://www.youtube.com/watch?v=stxVQ4qy894&feature=player_embedded

vinitaya

หนูอยากให้พ่อนั้นกลับบ้าน
เป็นเสียงเพรียกเรียกขานจากใจลูก
อ่านแล้วเศร้าซึมซับรับพันผูก
จากใจลูกวีรชนทุกคนมี

น้ำตาซึมเคว้งคว้างกลางความคิด
ในดวงจิตเศร้าสร้อยระห้อยนี่
มองภาพเห็นลำเค็ญคนบนชีวี
ด้วยพ่อนี้ที่ลูกรักจำจากลา

ฟ้าประทานกระสุนปืนยื่นมาให้
ไม่มีใครจะคาดคิดชีวิตข้า
ต้องดับดินสิ้นลับกับพสุธา
ก็เพราะฟ้าคิดเข่นฆ่าประชาชน

ลูกสิ้นพ่อเมียสิ้นผัวเพราะลาลับ
ถูกยิงดับแดดินสิ้นชีพผล
เพราะฟ้าแกล้งแรงร้ายลำลายจน
พรากพ่อตนจากลูกไปไม่หวนคืน


วันจันทร์ที่ 29 พฤศจิกายน พ.ศ. 2553

อานนท์ นำภา 10 :ทำไมโลก จึงอ้างว้าง ได้อย่างนี้ ?


อานนท์ นำภา


เกินกึ่ง ศตวรรษ รัฐสัตว์

ฉลองฉงน การปฏิวัติ รัฐประหาร

เลือดไพร่พร้อม อาบพื้น เพื่อยืนกราน

ว่า บ้านเมืองนี้เป็นของเรา

เหน็บหนาว น้ำตา ประชาชาติ

รดเท้า เยื้องยาตร แต่ปางเก่า

ความรัก เคว้งคว้าง บางเบา

กอบเอา ไม่เอือม ระอาอาย

เสี้ยมสมุน สโมสร สมานฉันท์

เสริมสวรรค์ หวานชื่น หื่นกระหาย

ทบกองทัพ กรีฑา ออกท้าทาย

ว่าอี-อ้าย ไหนกล้า ก็มาลอง

เสียงของไพร่ ไม่เพราะ เสนาะโสต

สู้เสียงความ เหี้ยมโหด จากในห้อง

ราชประสงค์จึงประสงค์ ศพเกลื่อนกอง

สังเวยการ ปรองดอง ปัญญาชน ฯ

เพลิงขบถ อุบัติโหม รัฐสามานย์

ตอบโต้การ เข่นฆ่า อย่างเข้มข้น

ทั้งเผายาง วางเพลิง ระดมพล

หยุดฆ่าคน! หยุดฆ่าคน! ได้ยินมั้ย ....

ฆาตกร ตกมัน พลันล้อมปราบ

ยัดข้อหา ตราบาป วางเพลิงไหม้

ซากศาลากลางทมิฬ มอดดับไป

ซากประชาธิปไตย ไฟยังร้อน !

จึงถูกขัง ซังเต เร่ออกข่าว

ก่อเรื่องราว แดงคลั่งบ้าอุทาหรณ์

องค์กรสิทธิ์ กลไกรัฐ ถูกตัดตอน

ด้วยสันดอนคนดีศรีแผ่นดิน

ผ่านวันคืน หมื่นแค้น แสนสาหัส

กลิ่นใบสั่ง คนใจสัตว์ แสร้งตัดสิน

จึงทางออก สุดท้าย ที่ได้ยิน

ต้องกลืนกิน ความตาย ในตาราง

แล้วล้มทรุด ดุจใจ เจ้าลอยล่อง

เพื่อนกระโจน อุ้มท้อง ประคองร่าง

ฟูมน้ำลาย ฟายน้ำตา ตกตามทาง

ทำไมโลก จึงอ้างว้าง ได้อย่างนี้ ?

ขาเขาถูก ล่ามโซ่ โชว์ชาวบ้าน

ขึงกับเตียง เพื่อต้าน การหลบหนี

ปากยังโอย โอยเสียง เพียงที่มี

ข่าวทีวี เงียบหาย ในสายลม...

เมียรัก กุมมือ แล้วร้องไห้

ปานใจ จะขาด ด้วยขื่นขม

หอมแก้ม ผัวรัก ดอมดม

ก่อนก้ม ห่มผ้า อย่างอาทร

เสียง"พ่อจ๋า พ่อจ๋า อย่าทิ้งหนู"

ปลุกวิญญาณ การรับรู้ จากฝันหลอน

ลืมตาทั้ง น้ำตา ด้วยอาวรณ์

สะอื้นอ้อน เอ่ยคำ แค่แรงมี

ปลอบลูกแก้ว เมียขวัญ ว่าขวัญพ่อ

ชาตินี้ขอ กอดเจ้า ก่อนเป็นผี

จูบหน้าผาก ด้วยรักเจ้า เท่าชีวี

อย่าร้องเลย คนดี เดี๋ยวไม่งาม

ว่าพลาง ต่างถ้อย ค่อยค่อยหลับ

นานับ ลูกน้อย ตั้งคำถาม

นี่คือโศกนาฏกรรมอันต่ำทราม

ที่สังคม มองข้าม อย่างย่ามใจ

อีกมุมหนึ่ง หอทอง ครองอำนาจ

สูบเลือดราษฎร์ ยิ้มย่อง อย่างผ่องใส

เพียงน้ำเสียง สั่นเครือ บอกความนัย

ว่า ขอโทษคนไทย ยังไม่มี !

: แด่ พี่ หนุ่ม วินัย ปิ่นศิลปชัย จำเลยคดีเผาศาลากลาง

ผู้ยอมพลีร่างเพื่อครอบครัว และเสรีภาพเพียงข้ามคืน

28 พฤศจิกายน 2553

อานนท์ นำภา

http://prachatai.com/journal/2010/11/32087

วันอาทิตย์ที่ 28 พฤศจิกายน พ.ศ. 2553

บทบาทศาล โดยอชิรวิทย์ สุพรรณเภสัช

prainn

จากงานสัมนาตุลาการวิบัติ-ปัญหาและทางออก
โรงแรมรัตนโกสินทร์
23-11-53

มีตุลาการผู้ยึดมั่นในวิถีประชาธิปไตยเพียงท่านเดียว
ที่ไม่ยอมรับอำนาจรัฐประหาร

บทบาทศาล โดยอชิรวิทย์ สุพรรณเภสัช
http://www.youtube.com/watch?v=tpLiWnX7UNA&feature=player_embedded

บทความ อ.สุธาชัย “ระบอบอำมาตยาธิปไตยใหม่” การเลือกตั้งที่ต้องได้อย่างใจ“ชนชั้นนำ"

อายุธ

ระบอบอำมาตยาธิปไตยที่มีการเลือกตั้ง!


คอลัมน์ ถนนประชาธิปไตย

โดย สุธาชัย ยิ้มประเสริฐ

ในสถานการณ์ขณะที่ดำรงอยู่นี้เป็นที่สงสัยกันเสมอว่าระบอบการปกครองปัจจุบันของประเท
ศไทยเป็นแบบไหน ยังเป็นประชาธิปไตยใช่หรือไม่

คำตอบคือไม่ใช่ ระบอบการปกครองแบบที่เป็นอยู่ในขณะนี้เป็นระบอบที่เรียกว่า ระบอบอำมาตยาธิปไตยที่มีการเลือกตั้ง


ความจริงแล้วประเทศไทยของเราไม่ได้อยู่ภายใต้ระบอบประชาธิปไตยเลยนับตั้งแต่ การรัฐปร
ะหาร 19 กันยายน พ.ศ. 2549 เป็นต้นมา เพราะหลักการสำคัญของประชาธิปไตยในประเทศตะวันตกนั้นเขาถือเสียงของประชาชน เป็นเสียงสวรรค์ ใครหรือพรรคการเมืองใดจะได้อาณัติทางการเมืองไปบริหารประเทศจะต้องมาจาก คะแนนเสียงของประชาชนเป็นหลัก และเมื่อพรรคการเมืองนั้นได้สิทธิในการบริหารประเทศไปแล้วก็จะถูกกำหนด โดยกรอบเวลาที่แน่นอน เช่น 4 ปี หรือ 6 ปี ก็จะมีการคืนอำนาจให้ประชาชนตัดสินกันใหม่ ภายใต้ระบอบเช่นนั้นกองทัพก็ไม่มีสิทธิในการก่อรัฐประหารทำลายประชาธิปไตย และไม่มีศาลหรือตุลาการไหนจะมาตัดสินยุบพรรค ตัดสิทธิทางการเมืองผู้ชนะการเลือกตั้งหรือพรรคที่ชนะเลือกตั้งได้ รัฐบาลที่ได้รับการเลือกมาจากประชาชนนั้นจะบริหารประเทศไปจนกว่าจะครบวาระ ที่ต้องตัดสินกันใหม่จึงจะว่ากันใหม่ตามกติกา

แต่ระบอบประชาธิปไตยในจินตภาพเช่นนี้ในสังคมไทยถูกทำลายไปแล้วตั้งแต่ พ.ศ. 2549 โดยการยึดอำนาจของคณะทหารที่เรียกชื่อยาวว่าคณะปฏิรูปการปกครองในระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุขหรือชื่อย่อว่า คปค. ที่นำโดย พล.อ.สนธิ บุญยรัตกลิน ซึ่งการรัฐประหารครั้งนั้นได้ล้มล้างรัฐบาลประชาธิปไตยของ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร และยังล้มเลิกรัฐธรรมนูญของชาติไปด้วย มีการล้มเลิกรัฐสภาที่มาจากการเลือกตั้ง แล้วตั้งรัฐสภาใหม่ที่มาจากการแต่งตั้ง ล้วนมาทำหน้าที่แทน นอกจากนี้ยังนำมาซึ่งรัฐบาลที่มาจากการแต่งตั้ง นำโดย พล.อ.สุรยุทธ์ จุลานนท์ ที่ลาออกจากองคมนตรีมารักษาการในตำแหน่งนายกรัฐมนตรี เหตุการณ์นี้เป็นจุดเริ่มแห่งการสถาปนาอำนาจตามระบอบอำมาตยาธิปไตยอย่าง ชัดเจน
ในตำรารัฐศาสตร์ของฝ่ายกระแสหลักมักอธิบายว่า ระบอบอำมาตยาธิปไตยคือระบอบที่ปกครองโดยอาศัยระบอบราชการ นำมาจากภาษาอังกฤษว่า bureaucratic state แต่ความจริงมิได้เป็นเช่นนั้น เพราะการปกครองในแบบประชาธิปไตยต้องอาศัยกลไกรัฐการเช่นกัน อดีตรัฐคอมมิวนิสต์ เช่น โซเวียตรัสเซียก็เคยมีระบอบรัฐการอันใหญ่โต แต่การปกครองเช่นนั้นไม่ถือว่าเป็น อำมาตยาธิปไตย


ความหมายที่แท้จริงของอำมาตยาธิปไตยคือการปกครองโดยชนชั้นนำหรือชนชั้นสูง ผู้รู้ดี ภาษาอังกฤษเรียกว่า Aristocracy ชนชั้นนำที่รู้ดีเหล่านี้จะเรียกว่า พวกอำมาตย์


กรอบความคิดพื้นฐานของระบอบอำมาตยาธิปไตยคือกรอบความคิดแบบอนุรักษ์นิยมที่ ไม่เป็นปร
ะชาธิปไตย ในประวัติศาสตร์ไทยถือว่าระบอบอำมาตยาธิปไตยเริ่มต้นจากการรัฐประหาร พ.ศ. 2490 ซึ่งเป็นการรัฐประหารโค่นอำนาจของคณะราษฎร มีการฟื้นแนวคิดอนุรักษ์นิยมให้เป็นแนวคิดหลักของสังคม แนวคิดแบบอำมาตยาธิปไตยนี้ถือว่าประชาชนชาวบ้านส่วนมากไม่มีความรู้และไม่สา มารถปกครองตนเองได้ จึงต้องยินยอมให้อำนาจทางการเมืองอยู่ในมือของพวกอำมาตย์ ซึ่งเป็นชนชั้นนำจำนวนน้อย โดยถือว่าพวกอำมาตย์เหล่านี้เหมาะสมด้วยคุณงามความดีและความสามารถ โดยกลุ่มคนดีมีความสามารถเหล่านี้ไม่จำเป็นต้องมาจากการเลือกตั้ง หรือถ้ามาจากการเลือกตั้งก็ไม่จำเป็นต้องชนะ แต่ขอให้เป็นคนดี ถูกใจชนชั้นนำก็สามารถที่จะบริหารประเทศได้

ดังนั้น ภายใต้ระบอบอำมาตยาธิปไตย กลไกประชาธิปไตยจึงไม่มีความจำเป็น และโดยทั่วไปกลไกสำคัญของประชาธิปไตย เช่น การเลือกตั้งจะถูกดูถูกด้วยซ้ำว่าเป็นกลไกทุจริต มาจากการซื้อเสียง นักการเมืองที่มาจากการเลือกตั้งก็จะถูกพิจารณาว่าเป็นคนชั่ว ขณะที่พวกที่มาจากการแต่งตั้งหรือไม่เคยลงสมัครเลือกตั้งจะถือว่าเป็นคนดี ระบอบอำมาตยาธิปไตยจึงมีหลักการที่กลับตาลปัตรกับประชาธิปไตย


ปัญหาอย่างหนึ่งก็คือ คนดีในทรรศนะของฝ่ายอำมาตย์คือคนที่มีภาพพจน์ดี โดยที่ไม่ต้องตรวจสอบ อาศัยความศรัทธา ขอให้ประชาชนเชื่อว่าเป็นคนดีเป็นใช้ได้ ซึ่งหลายครั้งจะพบว่าคนดีเหล่านี้คือพวกนักสร้างภาพ หน้าไหว้หลังหลอก พวกหน้าตาดีใจอำมหิต แต่กระนั้นก็ขอให้ประชาชนศรัทธาในคนพวกนี้ต่อไประบอบอำมาตยาธิปไตยก็ดำรง อยู่ได้

ครั้งหนึ่งฝ่ายอำมาตย์สามารถที่จะผลักดันการก่อการรัฐประหารแล้วบริหาร ประเทศโดยไม่ม
ีการเลือกตั้ง หวังจะให้ประชาชนอยู่ภายใต้ระบอบเผด็จการนาน 12 ปีนั้นคือรัฐบาลปฏิรูปของนายธานินทร์ กรัยวิเชียร ซึ่งมาจากการก่อรัฐประหาร เข่นฆ่านักศึกษาประชาชนเมื่อ 6 ตุลาคม พ.ศ. 2519 รัฐบาลธานินทร์มีรัฐสภามาจากการแต่งตั้ง มีคณะบริหารที่มาจากการแต่งตั้งหมด แต่ในทางความเป็นจริงรัฐบาลอำมาตย์มักทำงานไม่ค่อยเป็น รัฐบาลธานินทร์บริหารผิดพลาดมากมาย จนในที่สุดก็ถูกกลุ่มขุนศึกสายปฏิรูปโค่นอำนาจลง หลังจากบริหารอยู่ได้เพียงปีเดียว หลังจากนั้นมีการฟื้นฟูประชาธิปไตยและให้ประชาชนมีการเลือกตั้ง จนทำให้กระแสประชาธิปไตยเริ่มมีความต่อเนื่อง และประชาชนไทยคุ้นเคยกับการที่มีการเลือกตั้งตามกำหนด

หลังจากการรัฐประหาร 19 กันยายน พ.ศ. 2549 ฝ่ายอำมาตย์ก็ได้แต่งตั้งรัฐบาลของตนเองมาบริหารประเทศคือ รัฐบาล พล.อ.สุรยุทธ์ดังที่กล่าวมาแล้ว แต่ฝ่ายอำมาตย์ก็ตระหนักดีว่าไม่สามารถที่จะปกครองแบบเผด็จการโดยไม่มีการ เลือกตั้ง รัฐบาล พล.อ.สุรยุทธ์จึงประกาศเป็นรัฐบาลชั่วคราว เพื่อดำเนินการให้มีการร่างรัฐธรรมนูญใหม่ และเปิดให้มีการเลือกตั้ง แต่รัฐธรรมนูญใหม่ของฝ่ายอำมาตย์คือรัฐธรรมนูญ พ.ศ. 2550 ก็ออกแบบระบอบการเมืองให้พิกลพิการ ไม่ให้มีประชาธิปไตยสมบูรณ์ แล้วจึงให้มีการเลือกตั้ง

แต่จะเห็นได้ว่าการเลือกตั้งนั้นอยู่ภายใต้เงื่อนไขว่าประชาชนจะต้องเลือก บุคคลและเล
ือกพรรคที่ฝ่ายอำมาตย์ชอบ จะเลือกพรรคที่ประชาชนชอบไม่ได้ จึงได้มีความพยายามทุกทางที่จะให้พรรคที่ฝ่ายอำมาตย์นิยมชมชื่นคือ พรรคประชาธิปัตย์ชนะการเลือกตั้ง แล้วจะให้นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ มาเป็นนายกรัฐมนตรี

แต่การเลือกตั้งเดือนธันวาคม พ.ศ. 2550 ไม่ได้ให้ผลตามเจตนารมณ์ของฝ่ายอำมาตย์ พรรคพลังประชาชนซึ่งเป็นฝ่ายของ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร ชนะเลือกตั้ง ฝ่ายพรรคของอำมาตย์แพ้เลือกตั้ง ฝ่ายอำมาตย์จึงจำเป็นที่จะต้องให้ฝ่ายพรรคพลังประชาชนเป็นแกนจัดตั้งรัฐบาล และยอมให้นายสมัคร สุนทรเวช หัวหน้าพรรคพลังประชาชน มาเป็นนายกรัฐมนตรี แต่ฝ่ายอำมาตย์ก็พยายามบ่อนแซะทำลายรัฐบาลพลังประชาชนมาตั้งแต่ต้น จนในที่สุดเดือนธันวาคม พ.ศ. 2551 ก็ได้ใช้กลไกตุลาการฝ่ายอำมาตย์ยุบพรรคพลังประชาชน แล้วตัดสิทธิทางการเมืองกรรมการบริหารพรรค จากนั้นก็ใช้กลไกฉ้อฉลในระบอบรัฐสภาอุ้มพรรคประชาธิปัตย์มาเป็นแกนนำจัดตั้ง รัฐบาล ให้นายอภิสิทธิ์เป็นนายกรัฐมนตรีสมใจพวกอำมาตย์ ทั้งที่พรรคประชาธิปัตย์เป็นพรรคขี้แพ้


การรับตำแหน่งนายกรัฐมนตรีของนายอภิสิทธิ์จึงไม่ได้มีความสง่างามอะไรเลย แต่ก็ยังไม่ละอายที่จะบริหารประเทศมาจนขณะนี้ และเมื่อมีประชาชนออกมาต่อต้านคัดค้าน นายอภิสิทธิ์ก็ใช้กองทัพเข้าเข่นฆ่าสังหารประชาชนเพื่อรักษาอำนาจ จนทำให้มีการเสียชีวิตนับร้อย และบาดเจ็บนับพันคน นายอภิสิทธิ์จึงเปลี่ยนภาพเป็น ฆาตกรอำมหิตกลายเป็นคนดีที่มือชุ่มเลือดแต่พวกอำมาตย์ก็ยังอุ้มนายอภิสิทธิ์ต่อไป


กล่าวโดยสรุป ระบอบอำมาตยาธิปไตยที่มีการเลือกตั้งก็คือระบอบการเมืองที่ฝ่ายอำมาตย์ถือ อำนาจสูงสุ
ด ปล่อยให้ประชาชนได้เลือกตั้ง แต่ประชาชนก็จะต้องอยู่ในโอวาท เลือกพรรคที่ฝ่ายอำมาตย์ชอบ เลือกบุคคลที่อำมาตย์พอใจ ถ้าเลือกพรรคที่ฝ่ายอำมาตย์ไม่ชอบพรรคนั้นต้องถูกยุบ บุคคลที่ประชาชนเลือกต้องถูกตัดสิทธิทางการเมือง และเปิดทางให้พรรคที่อำมาตย์ชอบมาบริหารจนได้ แม้ว่าจะเป็น ไอ้ขี้แพ้ก็ตาม อาณัติของประชาชนจึงไม่มีความสำคัญอีกต่อไปภายใต้ระบอบเช่นนี้

ปัญหามีว่าระบอบอำมาตยาธิปไตยนั้นเป็นระบอบที่ล้าหลังทั้งทางความคิดและ วัฒนธรรม เป็นระบอบที่สวนทางประวัติศาสตร์และร่อแร่ใกล้จะหมดเวลา ในที่สุดแล้วจะต้องพังทะลาย ระบอบประชาธิปไตยอันสมบูรณ์จะต้องถูกรื้อฟื้นกลับมาใหม่

รอเพียงเงื่อนเวลาเท่านั้น!


(ที่มา : นิตยสารโลกวันนี้วันสุข ฉบับวันที่ 20 - 26 พฤศจิกายน พ.ศ. 2553)

ปราโมทย์ แสนสวาสดิ์ : ดอกไม้บูรพา


Sun, 2010-11-28 03:02

โซ่ตรวนอำมหิต..

จองจำเธอแต่หนไหน..แม่ดอกไม้บูรพา

นานเท่าไหร่แล้วที่เงามืดปกคลุมแผ่นดินเธอ

ดวงตาร้าวรานย่อมสะท้อนความจริง

กี่ครั้ง..ที่โลหิตอาบทา

กี่ครั้ง..ที่น้ำตาร่วงหล่น

กี่ครั้ง..ที่คนโดนเข่นฆ่า

น้ำตาจึงเหือดแห้งดั่งทะเลทราย

พายุร้ายพัดพาแต่ฝนสีเลือด

ขบวนคนทุกข์แผ่นดินเธอ..คนแล้วคนเล่า

เดินเข้าสู่ลานประหารแห่งยุคสมัย

คนแล้วคนเล่าแน่นิ่งไหลลงอิรวดี

นานเท่าไหร่แล้วที่ความหวาดกลัวเกาะกุมแผ่นดิน

โอ้..แม่ดอกไม้บูรพา

รอยยิ้มแห่งเธอเผยถึงอิสรภาพอันยิ่งใหญ่

การให้อภัยคือฝันร้ายของเผด็จการ

มันเสียดแทงลึกไปถึงหัวใจสีดำ

จงทำลายลวดหนาม..จงทลายกำแพง

สันติภาพอีกไม่นานสันติภาพ

บัดนี้..รุ่งอรุณกลับมาเยือนเธออีกครั้งแล้ว

แม่ดอกไม้..บูรพา

ไม้หนึ่ง ก.กุนที : สถาปนาสถาบันประชาชน


Sun, 2010-11-28 02:54

1

เราไม่ปกป้องการอภิวัฒน์

สายลมปฏิปักษ์จึงพัดหวน

การรื้อสร้างไม่อาจทำอย่างนุ่มนวล

ทุกชิ้นส่วน ต้องกล้านับ 1 ใหม่

เราไม่ปกป้องการอภิวัฒน์

ทรรศนะทางชนชั้นไม่ขยาย

'475 พริบตาเป็นอาชาไนย

แล้วก็กลับเป็นงัวควาย เหมือนๆ เดิม

เราไม่ปกป้องการอภิวัฒน์

สิทธิ์หน้าที่แจ่มชัดไม่ทันเริ่ม

ลงหมุดแล้วไม่ตอกต่อเสาเติม

เอาเครื่องเรือนไปปลูกเสริมสร้างเวียงวัง

เราไม่ปกป้องการอภิวัฒน์

ทั้งการเมือง เศรษฐกิจ จึงล้าหลัง

กรรมกรชาวนาเงินน้อยจัง

แต่สะพรั่งแน่นซองขาวในพานทอง

2

คณะราษฎร คือเด็กสาว

มีความรักเยาวัยได้ตั้งท้อง

ถ้าพวกคุณเป็นพ่อแม่ผู้ปกครอง

เลือกทำแท้งหรือจะบำรุงครรภ์

เด็กในท้อง อาจคลอดเป็นผู้แทนถ่อย

ชั่วหรือดีอยู่ที่เลี้ยงอย่างสร้างสรรค์

อดทนคอยให้เราพัฒนาการ

ย่อมเติบใหญ่สมบูรณ์งามตามเวลา

ยุทธศาสตร์ "ราษฎรยังไม่พร้อม"

คุณไม่เคยยินยอมให้เราก้าวหน้า

เฝ้าแทรกแซงแบ่งแซะเสมอมา

เป็นประชาธิปไตยใจพิการ

ใจพิการ เพราะประชาไร้อำนาจ

ความเป็นชาติอยู่ในกำมือทหาร

การตัดสินของหมู่ตุลาการ

ไม่พิพากษาในนามมหาชน

วางระเบิดระบบการศึกษา

ถึงเวลามืดบอดไม่เห็นหน

ทัศนวิสัยใบ้จำนน

ปัญญาชนบื้อพันหลักสนตะพาย

ชนชั้นกลาง กลวงว่างเปล่าสมอง

บกพร่องทำปัญญาเสื่อมสูญหาย

ชีวิตไหว เบาหวิว ปลิวสะบาย

แย่กว่าควาย..ไม่มีใครยอมไถนา !

3

เขารวมตัวคืนอำนาจให้บางคน ?

ยืนเดินนั่ง ตะโกนกันคลั่งบ้า

กู่ปาวๆ เอาประเทศไทยคืนมา

คืนมาจากกำมือประชาไทย !

ความก้าวหน้าปรากฏในชนชั้นล่าง

การเลือกตั้ง ปี 50 ยืนยันได้

กองทัพยึดเบ็ดเสร็จกุมกลไกล

ไม่สามารถบล็อกโหวตทหารเกณฑ์

เพราะว่าคุณ ประมาทราษฎร

ทุกครั้งเคยเขย่า คลอนหัวเล่น

เราเอียนรสคุณธรรม ทนลำเค็ญ

เลือกประชาธิปไตยเส้นทางทุน

เหนื่อยอาภัพ หยาบกร้านมานานนัก

ข้าวปลาผักเธอว์ปรุงกินกันหอมกรุ่น

แต่ตอบแทนเราด้วยเนรคุณ

กินไม่อิ่ม นอนไม่อุ่นเสมอมา !!!

4

การเมืองไทยก้าวหน้าไปมาก

แม้แต่ นายสมัครฯ ก็ยังมีความก้าวหน้า

แสงแห่งทุนกระตุ้นเหล่าศักดินา

เร่งผูกขาดค้าขายขยายคลัง

การเมืองไทยก้าวหน้าไปมาก

คนรากหญ้ายิ่งไม่ยอมอยู่ล้าหลัง

ชัดเจนสิทธิ์หน้าที่มีกำลัง

เริ่มก่อสร้างยุคศรีอาริย์ด้วยมือตัว !

5

เสรีชน แพร่ลามเหมือนแบคทีเรีย

แทะนรกสวรรค์กัดดีชั่ว

เหลือเพียงพุทธปรัชญาขับมืดมัว

บัว 4 เหล่ารกทุกชั้นฐานันดร

6

นับปีผ่าน จาก 17 สู่ 40

รัฐธรรมนูญพัฒนาครึ่งมาค่อน

แม้หมกเม็ดแทรกซึมบางบทตอน

เช่นองค์กรอิสระของบางใคร ?

แต่ก็ถือว่าเกือบจะเต็มใบอยู่

ถ้าสังคมเติมความคิดที่สดใหม่

ล้างงมงาย ชนชั้นนำโบราณภัย

ฝ่าตีนใหญ่สุมหัวเลอะฝุ่นละออง

การรุกคืบของอำนาจประชาชน

ปฏิปักษ์ สานเล่ห์กลขึ้นปกป้อง

สามัคคีให้คนดีรุมปกครอง

สมองหวาน ปรองดองเพื่อแผ่นดิน

7

แผ่นดินหรือแท้คือประชารัฐ

ทับถมร่างเปื่อยเป็นชาติคลอบคลุมสิ้น

เลี้ยงพืชพันธุ์ธัญญาก่อชีวิน

เกิดฟอสซิ่ล ทอง เพชร นิล จินดา

ธาตุกระดูกสามัญชนซึมรากข้าว

สร้างข้าวเจ้า ข้าวเหนียวอุดมค่า

สุกทิพย์ทองผ่องทุ่งปรุงท้องนา

เลี้ยงขุนศึกศักดินาเนรคุณ !!!

แผ่นดินหรือคือสมบัติไทยทั้งชาติ

เลี้ยงเจ้าทาสมูลนายมาทุกรุ่น

อภิวัฒน์แล้วสิ้นฤทธิ์สิทธิ์สมบูรณ์

คุณเกิดด้วยราษฎรการรุณ นะภูมี

8

แต่คุณแทบเป็นหุ้นส่วนทุกบริษัท

ผลกำไร ไม่จำกัดทุนวิถี

กินล้นเหลือเจริญเกินอ้วนพี

ขณะผองคนมากมายไม่มีกิน

เหงื่อทั้งปวงที่คุณเปลืองพลัง

แค่ละอองชนชั้นล่างทั่วท้องถิ่น

เรายากจน ทนทุกข์ ขลุกโคลนดิน

คือตัวจริงผลิตสินสมบัติเมือง

9

ประชาชนของคุณคือคนไหน ???

คนสมบูรณ์หน้าใส ใส่เสื้อเหลือง ?

คนเสื้อแดงมอมแมม แสนฝืดเคือง ?

คนเซื่องซึมจรจัดขาดอาภรณ์ ?

ความเป็นชาติของคุณอยู่ที่ไหน ???

สิเนรุอำไพเผือกสิงขร ?

เราคือฐานพีระมิดประชากร !

กัดกร่อนเราเร่งคุณล้มลงระยำ !!!