สนับสนุนการทำกิจกรรม ส่งเสริมประชาธิปไตยของชาวเชียงใหม่ ร่วมกับศูนย์ประสานงานกลาง นปช.แดงเชียงใหม่

ชื่อบัญชี นปช.แดงเชียงใหม่ ธนาคารออมสิน เลขที่บัญชี 02 0012142 65 7 ( มีผู้รับผิดชอบบัญชี 3 ท่าน )

ติดต่อเรา deangchiangmai@gmail.com

ราบสวัสดี พี่น้องทุกๆท่านที่เข้ามาเยี่ยมเยือน บล็อค นปช.แดงเชียงใหม่ ขอเรียนชี้แจงสักนิดว่า เรา ”แดงเจียงใหม่” เป็นกลุ่มคนชาวเจียงใหม่ที่เคารพรัก กติกาประชาธิปไตย ต่อสู้และต่อต้านเผด็จการทุกรูปแบบ อยากเห็นประเทศชาติภายภาคหน้า มีความเจริญ ประชาชนรุ่นลูกหลานของเราอยู่อาศัยอย่างร่มเย็นเป็นสุขในประเทศของพวกเราเอง ไม่มีกลุ่มอภิสิทธิ์ชนกลุ่มใดมาสูบเลือดเนื้อ แอบอ้างบุญคุณเฉกเช่นในยุคนี้ที่พวกเราเห็น การที่จะได้รับในสิ่งที่มุ่งหวังก็ต้องมีการต่อสู้แสดงกำลังให้สังคมได้รับรู้ และเพื่อที่จะให้กลุ่มบุคคลที่มีอำนาจในปัจจุบันได้เข้าใจในสังคมที่ก้าวหน้าเปลี่ยนแปลงไป ไม่อาจฝืนต่อกระแสการพัฒนาของโลก การต่อสู้ร่วมกับผองชนทั่วประเทศในครั้งนี้ เรา “ แดงเจียงใหม่ “ ได้ร่วมต่อสู้ทุกรูปแบบ และในรูปแบบที่ท่านได้เข้ามาร่วมอยู่นี้ คือการเผยแพร่ข่าวสารต่อสังคม เรา “ แดงเจียงใหม่ “ ได้สร้างเวปบล็อคไว้ 2 ที่ คือที่นี่ “ แดงเจียงใหม่” สำหรับการบอกกล่าวในเรื่องทั่วไป และอีกที่หนึ่งคือ “ Daeng ChiangMai “ สำหรับข่าวสารที่เราเห็นว่ามีประโยชน์ต่อการรับรู้ข่าวสารในการร่วมทำกิจกรรมของพี่น้องประชาชน


เชิญร่วมสร้างขวัญ และกำลังใจให้เพื่อนพ้องน้องพี่ร่วมกันครับ
“แดงเจียงใหม่” " Daeng ChiangMai "

รักประชาธิปไตยไม่เอาเผด็จการ ต่อต้านการรัฐประหารทุกรูปแบบ สร้างขวัญกำลังใจและความสุขเพื่อปวงชน

การสังหารหมู่ที่กรุงเทพฯ : สมุดปกขาวโดยสำนักกฎหมาย Amsterdam & Peroff การสังหารหมู่ที่กรุงเทพฯ . ไพร่สู้บนเส้นทาง ๗๘ ปี ประชาธิปไตย ( ๒๔๗๕ - ๒๕๕๓ ) จรรยา ยิ้มประเสริฐ Voter's Uprising Thai

วันจันทร์ที่ 8 พฤศจิกายน พ.ศ. 2553

นายมาร์ค มุกควาย กับรัฐบาลที่ล้มเหลว!!!โดย วาทตะวัน สุพรรณเภษัช

Maquid


วาทตะวัน สุพรรณเภษัช


มื่อสัปดาห์ที่ผ่านมา ผมได้ระบุในบทความชื่อ โรดแมป (โรดมรึง!...ไม่ใช่โรดกู!!) ตอนหนึ่ง ว่า
...International Crisis Group ซึ่งเป็นองค์กรอิสระที่ไม่แสวงผลกำไร ในกรุงบรัสเซลล์ของประเทศเบลเยี่ยม ระบุว่า
ระบบการเมืองของไทยได้ล่มสลายลง และไม่สามารถแก้ปัญหาความชัดแย้งได้ และการประจันหน้ากันครั้งนี้ อาจนำไปสู่สงครามกลางเมืองที่ไม่มีการประกาศได้...

ฟังดูก็เหมือนเป็นเรื่องที่น่ากลัว แต่คนในรัฐบาลไทยที่คิดเข้าข้างตัวเอง คงจะไม่เกรงกลัวอะไรนักหนา เพราะเป็นแค่ความเห็นของฝรั่งมังค่า อยู่ไกลถึงยุโรปโน่น ห่างจากบ้านเรากว่า
ครึ่งค่อนโลก จะทำมารู้ดีอะไรกันนักหนา ก็คงแค่เสียงนกเสียงกาเท่านั้น เอาใจใส่ไปเสียเวลาเปล่า เพราะรัฐบาลไทยตอนนี้ก็ดูท่าจะง่อนแง่น จะอยู่ไม่อีกสักกี่น้ำก็ไม่ทราบได้ ที่แน่ๆคือ
ตอนกำลังอยู่ในอำนาจ ตักตวงหาประโยชน์จากการมีโอกาสเข้ามาบริหารประเทศ คงจะดีกว่ากระมัง!

แม้รัฐบาลของคนที่ผมตั้งฉายาว่า นายมาร์ค มุกควาย หรืออภิแสบ ภักดีโพเดียม จนเป็นติดปากของผู้คนไปแล้ว จะทำเป็นไม่ไม่ยี่หระกับเสียงครหาของต่างประเทศ แต่คนไทยเรากลับทั้งห่วงใยแลไม่สบายใจ กับการถูกกล่าวหาว่า
บ้านเมืองของเราเป็น รัฐที่ล้มเหลว (Fail State) ซึ่งรัฐลักษณะดังกล่าว มีคำจำกัดความ หรือคำอธิบาย ที่แตกต่างกันไป แต่พอสรุปได้ว่า
รัฐ ที่ล้มเหลว (Failed State) หมายถึงรัฐที่ไม่สามารถบริหารการปกครองได้อย่างมีประสิทธิภาพ หรือไม่สามารถดำรงรักษาไว้ซึ่งความสงบเรียบร้อยภายใน มีความขัดแย้งทางการเมืองและสังคมอย่างรุนแรง มีการเปลี่ยนรัฐบาลบ่อย รัฐบาลและกลไกรัฐขาดความมั่นคงและประสิทธิภาพ จนไม่สามารถบริหารประเทศและแก้ปัญหาต่างๆ ให้ประสบผลสำเร็จได้
ประเทศไทยของเรา นับแต่ปี พ.ศ.2475 ได้ผ่านการปฏิวัติรัฐประหาร การก่อกบฏ ที่ทำให้ประชาชนตกอกตกใจมาหลายครั้งหลายหน จำนวนของการก่อการมากกว่านิ้วมือนิ้วตีนรวมกันเสียอีก จึงถูกจัดอยู่ในประเทศที่มีความเสี่ยงสูง ว่าจะเป็นรัฐที่ล้มเหลว ในลำดับที่ 79 เป็นรองแค่ลาว อันดับที่ 44 เขมรลำดับที่ 49 ฟิลิปปินส์ อันดับที่ 53 แต่เวียตนามกลับดีกว่าเรา คืออยู่ในลำดับที่ 94 (ข้อมูล ปี 2551)

ดังนั้น แม้การที่ International Crisis Group ออกมาระบุว่าระบบการเมืองของไทยล่มสลายลง ก็ไม่ได้หมายความว่าเราเป็น
รัฐที่ล้มเหลวไปแล้วจริงๆ แต่ถึงกระนั้น ไม่น่าเชื่อว่า...
ได้มีสมาชิกพรรคประชาธิปัตย์คนสำคัญ คือม.ร.ว.สุขุมพันธ์ บริพัตร ผู้ว่า กทม. ได้ออกมาให้สัมภาษณ์หนังสือพิมพ์มติชนรายวัน ฉบับวันจันทร์ ที่ 10 พ.ค.2553 ว่า
ประเทศไทย ไม่ใช่รัฐที่ล้มเหลว แต่เป็นรัฐบาล (ต่างหาก) ที่ล้มเหลว!..
ช่างเป็นคำสัมภาษณ์ ฟังแสลงหูสำหรับนายอภิแสบฯ ทั้งยังสร้างความตื่นตกใจ ให้กับบรรดาลูกพรรคของเขาเป็นอย่างยิ่ง

คุณชายสุขุมพันธ์ฯนั้น ไม่ได้วิพากษ์วิจารณ์พรรคตนเองอย่างไม่ไว้หน้าเป็นครั้งแรก แต่คุณชายผู้ว่า กทม. ได้เคยตำหนิพรรคตนเองสังกัดอย่างรุนแรง ทำความตกตะลึงให้กับผู้คนที่เฝ้ามองเหตุการณ์ทางการเมืองมาแล้วครั้งหนึ่ง เมื่อไม่นานมานี้เอง
การพูดของคุณชายสุขุมพันธ์ฯครั้งนั้น ไม่ได้เป็นการให้สัมภาษณ์ธรรมดา หากแต่เป็นการอภิปรายในงานเสวนา เมื่อวันที่ 8 ธ.ค.ปีกลายนี้เอง ซึ่งมูลนิธิสื่อเพื่อการศึกษาของชุมชนร่วมกับศูนย์ศึกษาการพัฒนาสังคม และโครงการหลักสูตรปริญญาโท สาขาการพัฒนาระหว่างประเทศ คณะรัฐศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย จัดขึ้นที่โรงแรมเชอราตัน หัวข้อที่เสวนาก็คือ
Thailand in transition : a historic challenge and what next?
การอภิปรายของ ม.ร.ว.สุขุมพันธุ์ ผมได้เขียนเล่าเอาไว้ในโอกาสที่พรรคดักดาน ได้บริหารงานมาครบหนึ่งปี ในคอลัมน์ที่ชื่อ
ครบ 1 ปี รัฐบาลโลซก...ต้องยก หรีดมาให้!!! จึงต้องยกมาให้ท่านผู้อ่าน ดูกันจะๆอีกครั้ง เพราะคุณชายผู้ว่าฯ ได้พูดอภิปรายถึงพรรคตัวเองไว้ อย่างชัดเจนดังนี้

1. พรรคประชาธิปัตย์ขาดจินตนาการในเรื่องเศรษฐกิจ ซึ่งรวมถึงเรื่องความเสมอภาคในเรื่องรายได้ โดยมุ่งเน้นแต่การก่อหนี้มหาศาลและใช้จ่ายสารพัดโครงการโดยไม่มีที่สิ้นสุด ซึ่งหาก เขาไม่ได้เป็นสมาชิกพรรคประชาธิปัตย์ เขาจะพูดได้มากกว่านี้
2. เขามีความกังวลเรื่องปัญหาชายแดนภาคใต้ ซึ่งเกิดขึ้นตั้งแต่ปี 2547 ที่มีผู้บาดเจ็บและล้มตายเป็นจำนวนมาก ซึ่งยังไม่นับรวมความข่มขืน-ความทรงจำที่ย่ำแย่ ตัวอย่างเช่น บางครอบครัว พ่อเสียชีวิต ก็จะส่งผลกระทบถึงทั้งครอบครัว ซึ่งไม่ใช่แค่ผลกระทบเพียงคนๆ เดียว นโยบายต่อสถานการณ์ภาคใต้ของประชาธิปัตย์น่าผิดหวัง เราบอกว่าเรารู้จักภาคใต้ แต่เราไม่รู้จะทำอย่างไร
3. ปัญหาไทย-กัมพูชา โดยเปรียบเหมือน “a storm in a teacup” ซึ่ง เขาเห็นว่า ฮุนเซนมีลูกเล่นทั้ง กระตุ้นและ กระทุ้ง” (poke and prod) ซึ่งรัฐบาลควรเรียนรู้เรื่องนี้จาก
ฮุนเซนเพราะจะเห็นได้ว่า วันหนึ่ง ฮุนเซนกล่าววิพากษ์วิจารณ์ประเทศไทยอย่างรุนแรง แต่วันรุ่งขึ้นก็มาเมืองไทย เพื่อประชุม และทำเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น ทั้งนี้ เขาเห็นว่า การตอบโต้ของรัฐบาลไทย เรื่องเรียกทูตไทยกลับ ถือว่า เป็นการตอบโต้ที่รุนแรงเกินเหตุ (Overreaction)

ผมเลยบอกว่า การออกมาวิพากษ์วิจารณ์ของคุณชาย เลียน แบบหนังดังเรื่อง เตะแหลก แล้วแหกค่าย นั้น เพราะไม่รู้ว่าลึกๆในใจของผู้ว่าฯ กทม. มีความตั้งใจที่จะแหกหัก ออกจากกรงของพรรคดักดาน ซึ่งตนร่วมสังกัดอยู่หรือไม่อย่างไร?
แต่ข่าววงใน เขาซุบซิบกันว่า
การวิพากษ์วิจารณ์ของคุณชายครั้งนั้น ทำให้ผู้คนในพรรคดักดานต้องสับสนอลหม่าน แต่ไม่กล้าออกมาโต้ตอบ ได้แต่เพ่นพ่านเพราะอารมณ์พลุ่งพล่าน จนมีคนเขาแอบบอกผมว่า
คำวิจารณ์แบบล้างผลาญพรรค ของคุณชายครั้งนั้น มีผลเสมือนไปทำให้...
แลน-แตกรัง!
ขนาดนั้นเลย ทีเดียวเชียว!!
มาครั้งใหม่สดๆไม่กี่วันนี้เอง คุณชายสุขุมพันธ์อาการยังร้อนแรงคงเส้นคงวา ไม่ลดระดับ แถมยังใช้คำพูดที่น่าสะพรึงกลัวเขย่าขวัญเหล่าพลพรรคดักดาน เพราะคำพูดของผู้ว่าฯ กทม.คนนี้ แสดงให้เราเห็นชัดเจนว่า
ขนาดคนสำคัญในพรรคประชาธิปัตย์ อย่างทายาทสกุลบริพัตร ยังทนพรรคตัวเองไม่ได้ ต้องออกมาวิพากษ์วิจารณ์รัฐบาลโลซก และนายกฯมุกบัฟฟาโล่แบบ ไม่ไว้หน้าไว้ตูด
อีกต่อไปว่าเป็น...
รัฐบาลที่ล้มเหลว!!!

ตรงนี้เอง ที่ผมอยากให้ท่านผู้อ่าน ได้ลองทบทวนถึงพฤติกรรมที่ผ่านมา ของพรรคดักดานอย่างประชาธิปัตย์ เพราะเมื่อใดที่พวกเขาเข้าบริหารราชการงานแผ่นดิน ก็ประสบความวุ่นวายขึ้นในแผ่นดินมาโดยตลอด ตัวอย่างที่เห็นชัดก็คือ
โดน ปฏิวัติโค่นล้มรัฐบาลเมื่อ ปี พ.ศ.2519 ที่มีคนตายเยอะแยะ หรือจำเป็นต้องยุบสภาบ้าง เพราะพรรคร่วมรัฐบาล ไม่สนับสนุนเนื่องจากกรณีทุจริตของคนในพรรค อย่างเรื่อง ส.ป.ก. 4-01 เป็นต้น
แม้พรรคดักดานจะยืนยันในความบริสุทธิ์ แต่เมื่อมีการดำเนินคดี ศาลฎีกาก็ได้ชี้ถึงความไม่สุจริตของพวกเขา อย่างที่ไม่อาจปฏิเสธได้ แต่กว่าพี่น้องประชาชนคนไทยเรา จะได้รับรู้ถึงผลการพิจารณาพิพากษา ซึ่งระบุถึงพฤติกรรมน่าเกลียดน่าชัง ของนักการเมืองที่เอาที่ดินหลวงซึ่งมีราคาสูง ไปประเคนให้กับบรรดาพรรคพวก ก็กินเวลานานถึง 10 ปีก่อนศาลสูงสุดจะตัดสิน
เช่นเดียวกับการทุจริตในการเลือกตั้ง พรรคนี้เองก็เป็นพรรคแรก ที่ถูกศาลลงโทษในเรื่องการซื้อเสียง แต่ก็กว่าชาวบ้านจะรู้เรื่องคำตัดสิน การพิจารณาก็ต้องถึง 10 ปีเต็ม

ตรงนี้เป็นเรื่องที่ผู้คนต้องจำทน เพราะความยุติธรรมมาถึงล่าช้าเสมอ จนผู้คนลืม แต่ก็ยังดีกว่า...
ไม่มาซะเลย!

มื่อสัปดาห์ที่ผ่านมา ผมเห็นว่ามีสัญญาณที่ดี และน่าจับตามองเป็นอย่างยิ่ง คือการตื่นจากหลับใหลของสหรัฐอเมริกา ซึ่ง
เป็นผู้นำในโลกเสรี และเป็นมหามิตรกับประเทศไทย
ชาติของเราเองนั้น มีความสัมพันธ์ยาวนานกับสหรัฐ และสมัครสมานสามัคคีเป็นอันดี กับมหาอำนาจชาตินี้มาแทบทุกยุคสมัยของรัฐบาล แต่เมื่อมีการรัฐประหาร 9 ก.ย.2549 เสรีชนคนไทยทั้งหลายกลับตั้งข้อกังขาว่า...
ทำไม สหรัฐกลับทำเป็นนอนหลับไม่รู้คุดคู้ไม่เห็น กับพฤติกรรมของ ไอ้บัง กบฏกับพวก ที่ใช้กำลังทหารเข้ายึดอำนาจ ขณะที่นายกทักษิณ กำลังไปปฏิบัติภารกิจเพื่อชาติบ้านเมืองนอกประเทศ
การที่สหรัฐไม่ขยับตัว ออกมาต่อต้านหรือตำหนิการรัฐประหารครั้งที่ผ่านมานั้น ทำให้คนไทยมองมหามิตร ด้วยความเคลือบแคลงสงสัยว่า
รู้เห็นหรือเป็นใจ กับการยึดอำนาจด้วยกำลัง ใช่หรือไม่?
ข้อสงสัยก็คือ หลังการรัฐประหาร นายพลสนธิ หรือ
ไอ้ บัง กบฏยังสามารถเดินทาง เข้า-ออกสหรัฐ ได้อย่างสบายใจ รวมทั้งพวกพันธมาร ที่มีข่าวว่าตำรวจเสนอออกหมายจับกรณี เข้ายึดสนามบินสุวรรณภูมิ ซึ่งเป็นสนามบินนานาชาติอีกด้วย
สหรัฐฯน่าจะใครครวญในเรื่องนี้เสียใหม่ เพราะการปล่อยให้ผู้ที่จุดชนวนความปั่นป่วนให้กับชาติไทย จนยับเยินมากระทั่งวันนี้ ยังสามารถคงเข้า-ออก สหรัฐ ได้โดยสะดวกโยธิน แถมยังมีการไปพบปะอภิปรายกับเหล่าคนไทย ที่อาศัยบนประเทศผู้นำโลกเสรี หรือจะให้คนไทยเข้าใจว่า
มหามิตรอย่างสหรัฐ หลับหูหลับตาและงอมืองอตีน ในการต่อต้านผู้ทำลายประชาธิปไตยของไทย?

มาวันนี้ สหรัฐเริ่มเปลี่ยนท่าทีใหม่ โดยเริ่มเปิดปากพูดถึงเหตุการณ์ปัจจุบัน โดยสถานทูตสหรัฐอเมริกาประจำประเทศไทย เพิ่งจะออกแถลงการณ์ เรียกร้องรัฐบาลไทย ให้เร่งเจรจาหาข้อตกลงขั้นสุดท้ายกับผู้ชุมนุมประท้วง โดยย้ำว่า

ความแตกต่างทางการเมือง ควรได้รับแก้ไขด้วยการเจรจาอย่างสันติ มิใช่การใช้ความรุนแรงบนท้องถนน!
สหรัฐคงตระหนักในเรื่องความจำเป็น ที่จะต้องเพิ่มบทบาทมากขึ้น เพราะคงเห็นว่า
ในภูมิภาคนี้ ไทยนั้นเป็นจุดยุทธศาสตร์สำคัญ หากประเทศไทยมีความวุ่นวายในประเทศ ทำให้การเมืองไม่เสถียร อาจทำให้เครื่องบินสหรัฐ ลงจอดในสนามบินของไทยไม่ได้ อีกทั้งยังมีฐานทัพเก่าอย่าง อู่ตะเภาซึ่งมีสิ่งอำนวยความสะดวกทางทหารเป็นอย่างดี และกำลังพลของอเมริกาเอง ก็มีความคุ้นเคยกับประเทศไทยและมีการฝึกร่วมทางทหารมาโดยตลอด
สหรัฐเองก็อาจต้องประสบอุปสรรค และความยากลำบากในการส่งกำลังรบ รวมทั้งสิ่งอุปกรณ์ (สป.) สนับสนุนการรบ ไปยังภูมิภาคต่างๆของโลกในย่านนี้ และภูมิภาคอย่างต่อเนื่องได้ หากสถานการณ์ในประเทศไทย ยังคงร้อนระอุอย่างทุกวันนี้

ดังนั้น เมื่อสหรัฐอเมริกาเริ่มเห็นว่า ความวุ่นวายในประเทศไทย จะสงบลงได้ยาก จึงมีเป็นความจำเป็นที่หลีกเลี่ยงไม่ได้ ทำให้ลูกพี่ใหญ่ของไทยอย่างลุงแซม ต้องเพิ่มบทบาท
ของตัวเองให้มากขึ้นนั่นเอง
เราจึงได้เห็นในการที่ นักการเมืองคนสำคัญของรัฐบาลของประธานาธิบดีโอบามาร์อย่าง นายเคิร์ท แคมเบลล์ (Kurt Campbell) ผู้ช่วยรัฐมนตรีต่างประเทศสหรัฐ ต้องลงมาเล่นเอง ด้วยการพบปะกับผู้นำ ฝ่ายตรงข้ามกับรัฐบาลไทย อย่างนายจาตุรนต์ ฉายแสง และนายนพดล ปัทมะ อดีตรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศของไทย และทนายความประจำตัว
ของนายกฯทักษิณ
น่าเชื่อว่า ฝ่ายรัฐบาลของนายมาร์ค มุกควาย กลับแสดงความคับแคบ ไม่ยอมส่งเจ้าหน้าที่ของรัฐ อย่างนายปณิธาน วัฒนายากร โฆษกรัฐบาล (ซึ่งมีกำหนด จะร่วมพบปะด้วย) ไปร่วมสนทนา ตามคำเชิญของฝ่ายอเมริกัน
กระแสข่าวบอกว่า รัฐบาลไทยออกอาการงอน ดีดดิ้นจน
น่าตบ เหตุเพราะสหรัฐไปให้เครดิต กับพรรคพวกของนายกทักษิณมากเกินไป ทั้งๆที่เครดิตของรัฐบาลโลซก และตัวนาย
อภิแสบฯเองนั้น ก็แทบจะไม่หลงเหลืออยู่แล้ว แถมกลายเป็นทั้ง
ตัวตลกและ รัฐบาลอำมหิตในสายตาของต่างชาติไปแล้ว

ผมเองนั้นเชื่อว่า สหรัฐอเมริกาต้องมีข้อมูลลับ ที่เกี่ยวข้องกับรัฐบาลปัจจุบันมากมาย โดยเฉพาะเรื่องการทุจริตของรัฐบาลไทย ในยุคที่นายอภิแสบ ภักดีโพเดียม เป็นนายกรัฐมนตรี
จากนั้นสหรัฐจะต้องล่วงรู้ถึงความลับต่างๆ ที่รัฐบาลไทยไม่เคยเปิดเผยกับประชาชน เช่น
ความลับเกี่ยวกับข้อมูลทั้งหลาย ที่เก็บในฮาร์ดดิสก์ของคอมพิวเตอร์สภาความมั่นคงแห่งชาติ และถูกรื้อถอนออกไปโดยฝ่ายพันธมาร เมื่อครั้งยึดทำเนียบอยู่นานวัน (จนปลูกข้าวและเก็บเกี่ยวได้) ซึ่งสร้างความเสียหายอย่างใหญ่หลวงกับชาติบ้านเมืองว่า
บัด นี้ฮาร์ดดิสก์สำคัญนั้น ตกอยู่ในมือใคร หรือผู้ใดนำไปหาประโยชน์ ซึ่งไม่เกินขีดความสามารถของหน่วยสืบราชการลับของมหาอำนาจชาตินี้ ที่จะค้นหารายละเอียด
นอกจากนั้น สหรัฐซึ่งมีดาวเทียมสอดแนมทหาร คงจะต้องมีข้อมูล เกี่ยวกับปฏิบัติการ อันไม่ชอบธรรมของรัฐบาลโลซก ที่ใช้กำลังทหารก่ออาชญากรรม บุกสังหารประชาชนบนท้องถนน เมื่อ 10 เม.ย.2553 และถูกตีโต้ตอบ จนแตกย่อยยับอปราไปในที่สุด
ฐานสำคัญๆเหล่านี้ อาจนำมาซึ่งความจริง ในการสอบสวนหาตัวผู้กระทำผิด ในการสังหารหมู่ประชาชน ค่ำคืนวันอันน่าโศกสลดของชาติไทยได้
ผมเชื่อว่า
ต่อไปนี้ สหรัฐอาจต้องดำเนินการ รุกทางการทูต และไม่ช้านาน และคงจะมีข้อมูลแปลกๆ ที่ไม่เคยได้รับทราบกันมาก่อน หลุดรอดออกมา กระจายในวงการข่าวสารบ้านเมืองของเรา
ให้ผู้คน...ตกตะลึงกัน!

ท่านผู้อ่าน ที่เคารพครับ
การที่นายอภิแสบฯกับพรรคพวก ช่วงชิงอำนาจทางการเมืองโดยมีฝ่ายทหารสนับสนุนอย่างแข็งขัน จนมีโอกาสเข้ามาบริหารบ้านเมือง แทนที่เขาจะดูแลพี่น้องประชาชน ให้ได้รับความสุขสบายตามสมควรอัตภาพ
แต่กลับไม่ทำ อย่างที่ควร!
มิหนำซ้ำ รัฐบาลของเขายังตกเป็นข่าวฉาว ไม่เป็นมงคล โดยเฉพาะเรื่องการทุจริตคิดมิชอบ กอบโกยหาผลประโยชน์ โดนสื่อมวลชนทั้งหลาย นำออกมาเผยต่อสาธารณะอย่างต่อเนื่อง จนเป็นที่อิดหนาระอาใจกับพี่น้องประชาชน ซึ่งผมเขียนจารนัยไว้นับสิบคอลัมน์ แต่รัฐบาลหนังหนาของมิสเตอร์มุกควาย ก็ไม่โต้ตอบว่าไม่เป็นความจริง กลับนิ่งเฉยตามสันดานของพรรคโลซก คือหากเถียงสู้ไม่ได้ หรือจำนนด้วยหลักฐาน ก็วางเฉยเสีย
ให้เรื่องร้ายๆ...เลือนหายไปเอง!!

มาถึง พ.ศ.นี้ บ้านเมืองเราโชคร้าย ที่ต้องตกอยู่ภายใต้การบริหารงานราชการแผ่นดิน ของพรรคประชาธิปัตย์กับพวก ได้เกิดประวัติศาสตร์ซ้ำรอย คือความไม่สงบได้กลับมาเยือนชาติไทยเราอีกครั้ง
คราวนี้ถึงขั้นการนองเลือด ซ้ำกับปี พ.ศ.2519 ก็จริง แต่ได้เกิดขึ้นอย่างไม่จำเป็นเลย ทั้งยังเป็นการฆาตกรรมหมู่อย่างน่าสังเวช จนนายมาร์ค มุกควาย และพรรคพวกร่วมรัฐบาลของเขา ได้ถูกกล่าวหาจากสังคมโลกว่า
ใช้ทหารไทยเข่นฆ่า ประชาชนของตนเอง โหดเหี้ยม ดั่งทมิฬหินชาติ ไร้มนุษยธรรม และฝ่ายทหารเองก็ตกเป็นเครื่องมือของรัฐบาล แทนที่จะเป็นรั้วของชาติอย่างมีศักดิ์ศรี กลับปล่อยรัฐบาลโลซกถอนรั้วที่ทรงคุณค่า สำหรับการรักษาแผ่นดิน เอาออกมาเป็นอาวุธ ไล่ตีกับพี่น้องประชาชน แต่เคราะห์ซ้ำกรรมซัดวิบัติเป็น ไม้รั้วดีๆที่เสือกถอนมา ถึงกาลหักป่นปี้เสียหายไปหลายท่อนอีกด้วย

น่าอนาถแท้ๆ!

อยาก บอกไปถึง นายทหารตัวเด่นทั้งหลายว่า มันไม่คุ้มกันเลย ที่พวกท่านลดฐานะอันมีเกียรติ จากการเสารั้วหลักของชาติ ในการปกป้องอริราชศัตรูจากนอกราชอาณาจักร ที่จะมารุกรานบ้านเมืองของเรา แต่ทหารอย่างพวกท่าน กลับลดตัวลงมา เป็นเพียง ไม้กันหมาให้กับรัฐบาลโลซก ที่มีพฤติกรรมส่อไปในทางไม่สุจริต ซึ่งเขาชักจูงให้พวกท่าน ประกอบอาชญากรรมร้ายแรงต่อมนุษยชาติ
ที่เป็นคนไทยด้วยกันแท้ๆ!
จึงเป็นเรื่องที่น่ารังเกียจ และเสื่อมเสียต่อศักดิ์ศรีของทหารไทยเป็นอย่างยิ่ง ที่ต้องถูกตราหน้าจากทั้งไทยและเทศ ว่าเป็น ฆาตกรซึ่งไม่เคยปรากฏมาก่อนเลย ในประวัติศาสตร์ของชาติเรา

ท่านผู้อ่าน ที่เคารพครับ
ท่านคงเห็นพ้อง กับคำกล่าวของ ม.ร.ว.สุขุมพันธ์ บริพัตร ผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร และสมาชิกคนสำคัญ ของพรรคประชาธิปัตย์ว่า รัฐบาลของนายมาร์ค มุกควาย ที่ยังหน้าด้านบริหารบ้านเมืองอยู่นั้น เป็น...

รัฐบาล...ที่ล้มเหลวจริงๆ!!!

...................


ท้ายบท ผมได้เขียนไว้ในบทความ เป็นหลักเป็นฐาน ถึงความไม่โปร่งใสของคนในพรรคดักดานนี้ ซึ่งท่านผู้อ่านเปิดย้อนดูได้ แค่ชื่อคอลัมน์ ก็สำแดงฤทธิ์แดก ของพรรคเก่ากะลา ได้เป็นอย่างดี เช่น
- “พรรคประชา (แดก) ปลาเน่า” ...เน่าทั้งข้อง-ทั้งป๋อง!!!?
- DNA ในสันดานประชาธิปัตย์ ยังไม่เปลี่ยนแปลง!!!
- พวกมัน ?หิวโหย?...กันแค่ไหน!?
- ประชาธิปัตย์...ฤา ห่ามันลงแดกเมือง!!!?
- “อภิสิทธิ์กับ รัฐบาล-โลซกยื่น นรกให้คนไทย!!!
- ไอ้รัฐบาล...สุดโสโครก!
- ประชาธิปัตย์...ผวกหมึ้งไม้หรู่จั้กอับ จั้กอายกันเล่ย!!!
- รัฐบาล... จังไรไม่พอเพียง!
- เศรษฐกิจ เชิงทุจริตของประชาธิปัตย์!!!
- ถูกทั้งหวย ชุมชนพอเพียง’- หวย ไทยเข้มแข็งแล้วนี่!!!
- ความประหยัดของในหลวง-ความสุรุ่ยสุร่ายของรัฐบาลโลซก!

พอประชาธิปัตย์บริหารมาครบ 12 เดือน ผมก็เขียนบทความขึ้นมารวบรวมพฤติโกงชื่อ
ครบ 1 ปี รัฐบาลโลซก...ต้องยก หรีดมาให้!!!

เห็นเฉพาะแค่ชื่อคอลัมน์เท่านั้น ยังไม่ต้องลงไปอ่านรายละเอียด ผู้คนก็คงจะทราบได้ทันทีว่า
ผู้เขียนต้องพูดถึงเรื่องการทุจริต ไม่โปร่งใส ในการบริหารราชการงานแผ่นดินของพรรคดักดานเป็นแน่แท้
เป็น กรรมของประเทศไทยเราจริงๆ!
ผมจะรวมรวมคอลัมน์ที่บอกข้างต้น เป็นภาคต่อของ
นินทาประชาธิปัตย์แจกแจงสันดานของพรรคดักดาน ออกมาอีก 1 เล่ม เพื่อขยายความรู้ของท่านผู้อ่าน
อาจให้ชื่อหนังสือว่า

ประชาธิปัตย์- ดักดาน-แดกดุ!!!

คอยติดตาม อ่านกันให้สนุก นะคร้าบบบบบบบบบ!!

http://www.tfn3.info/board/index.php?PHPSESSID=52b2fe70e9d9a5064f38f782e8d2e182&topic=15381.0#lastPost

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น