Posted: Wed, 27 Oct 2010
คอลัมน์ : เมืองไทยหรือเมืองใคร?
เรื่อง : น้ำท่วมและนองเลือด
โดย : กาหลิบ
มิลาน คุนเดอร่า เคยเขียนเอาไว้ว่า “การต่อสู้ระหว่างมนุษย์กับอำนาจคือการต่อสู้ของมนุษย์ที่จะไม่ลืมเลือน”
อ่าน แล้วก็จับใจเสียจริงๆ อุปสรรคขัดขวางอย่างหนึ่งของการพัฒนามนุษย์และสังคมคือความคิดที่จะลืมความ ทรงจำอันเลวร้ายเสีย เพราะคิดแล้วมันเจ็บปวด เจ็บใจ กินไม่ได้นอนไม่หลับ ความลืมง่ายนี่เองที่ทำให้มนุษย์เป็นล้านๆ คนผ่านปัญหาสำคัญมามากมายโดยไม่ได้คิดจะแก้ไขสำหรับคนรุ่นต่อไป
การกระตุ้นความทรงจำจึงเป็นหนทางหนึ่งที่มนุษย์จะก้าวหน้าและพ้นจากความดักดานเช่นที่เป็นอยู่ได้
เรื่อง นี้ทำให้คิดถึงเมืองไทยของเราเป็นอันมาก โดยเฉพาะความทรงจำในคืนวันอันเลวร้ายแห่งปี พ.ศ.๒๕๕๓ ทั้งในเดือนเมษายนและพฤษภาคม ที่หลายคนในฝ่ายตรงข้ามกำลังพยายามทำให้เราลืม
เริ่ม ต้นด้วยคำสั่งห้ามแสดงภาพใดๆ ที่เกี่ยวกับการฆ่าหมู่ประชาชนผู้บริสุทธิ์ในครั้งนั้น จนถึงการสร้างประเด็นข่าวใหม่ๆ มากลบ กรณีล่าสุดเรื่องน้ำท่วมนี่ก็เป็นกิจกรรมหนึ่ง
ความจริงน้ำท่วมปีนี้ หนักหนาสาหัสและพี่น้องประชาชนก็เดือดร้อนจริง คนไทยที่มีหัวใจทุกๆ คนควรเข้าช่วยเหลือในทุกทางที่จะทำได้ แต่คำถามคือ การตีฆ้องร้องป่าวของรัฐบาลอย่างที่ทำกันทุกช่องทุกคลื่นในขณะนี้ แต่ไม่มีแนวคิดใหญ่ๆ ที่จะแก้ไขปัญหาอย่างเด็ดขาดเลยนั้น คือวิธีแก้ปัญหาที่ตรงกับเรื่องแล้วหรือ?
น้ำท่วมซ้ำซากก็ยังท่วมแทบทุกปี นักการเมืองทุกค่ายก็ดาหน้าหาเสียงกันไปโดยไม่ได้แก้ปัญหาที่ต้นตอ
ผลคืออะไร
ข่าว การฆ่าหมู่ประชาชนนับร้อยกลางเมือง ถูกสื่อมวลชนส่งข่าวอื่นๆ มากลบทับจนเงียบหายไปจากความรับรู้สาธารณะ สมประโยชน์ของคนบางคนที่อยากให้สังคมไทยลืมเหตุการณ์เลือดเมื่อเดือนเมษายน -พฤษภาคมปีนี้เสียเหลือเกินและจะเสนอแต่ข่าวดีข่าวมงคลของเขานับตั้งแต่นี้ ไปโดยอ้างเหตุฉลองใหม่
นี่ล่ะครับเมืองไทย
คนไทยใช่ว่าไร้ ปัญญา ใช่ว่าขาดอารมณ์ความรู้สึก และมิใช่คนตายด้านทางความคิดเป็นแน่ แต่กลไกถมทับความทรงจำเก่าทั้งหลายเพื่อให้ยอมตัวเป็นทาสกันต่อไปอย่างสัตว์ ที่ผูกไว้จนสยบยอมและเชื่องนั้น มันมากและไหลท่วมทับคนไทยเร็วเสียยิ่งกว่าน้ำท่วมในปีนี้
กลไกที่ทำ ให้คนไทยขี้ลืม ความทรงจำสั้น และไม่เอาบทเรียนในอดีตหมาดๆ มาปรับใช้เพื่อการพัฒนา เป็นวิถีทางอย่างหนึ่งของรัฐในการควบคุมทางสังคม
ถ้า จะพูดด้วยภาษาของ มิลาน คุนเดอร่า ก็ต้องบอกว่า การทำให้ลืมเป็นการทำให้มนุษย์ที่เรียกตนเองว่าไทย ไม่อาจลุกขึ้นต่อสู้กับอำนาจอันล้นพ้นได้ เพราะการต่อสู้ครั้งนี้มีความจำเป็นต้นทุนแรกเริ่ม
คนเสื้อแดงมาก มายออกมาต่อสู้ครั้งนี้เพราะเขายังจำไม่ลืมในสิ่งที่คนบางคนในเมืองไทยทำกับ เขาในเหตุการณ์โหด ๖ ตุลาคม พ.ศ.๒๕๑๙ หรือแม้แต่ในเหตุการณ์พฤษภาคม ๒๕๓๕ ที่คำนวณเวลาออกมาเป็นพระเอกหลังจากที่ปล่อยให้คนตายเกลื่อนถนนราชดำเนิน เสียก่อน
พลังการต่อสู้เที่ยวนี้จึงเกิดจากความทรงจำในอดีต
มาร่วมกันเผยแพร่ข้อเท็จจริงของเมืองไทยสวนกระแสกลไกการทำให้เราลืมกันเถิดครับ.
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น