
คอลัมน์ : เมืองไทยหรือเมืองใคร?
เรื่อง : มือระเบิด
โดย : กาหลิบ
แล้ว เมืองไทย-เมืองพุทธก็มาถึงจุดนี้จนได้ ระเบิดที่ตูมตามขึ้นในที่ต่างๆ ทั้งที่ออกข่าวและปิดข่าวกันให้แซด กำลังทำให้ภาพลักษณ์เมืองไทยดูคล้ายตะวันออกกลางและบางประเทศในแอฟริกาขึ้น ทุกที
น่าเสียใจและน่าผิดหวังเป็นที่สุด
ฝ่ายแค้นต่างๆ ก็นำเรื่องนี้มาโจมตีกันไม่เว้นวัน ฝ่ายอำนาจเดิมบอกว่ากลุ่มฮาร์คอร์ของเสื้อแดงเดิมเป็นคนทำ ฝ่ายเสื้อแดงประชาธิปไตยก็สวนกลับว่าฝ่ายรัฐไล่ฆ่า ตามล่า จับกุมคุมขัง และยัดข้อหาอยู่ตลอดเวลาอย่างนี้ จะไปทำได้อย่างไร ฝ่ายรัฐนั่นแหละที่สร้างสถานการณ์เพื่อคงอำนาจพิเศษเอาไว้
แต่นั่น ยังไม่สำคัญเท่ากับว่า ตำรวจ ทหาร และเจ้าหน้าที่ที่มีหน้าที่สอบสวนหาข้อเท็จจริงจนบัดนี้ก็ยังไม่รู้แน่ชัด ว่าใครทำ ที่เห็นออกข่าวพาดพิงถึง พล.ต.ขัตติยะ สวัสดิผล-ผู้วายชนม์ บ้างใครบ้างนั้นคือกิจกรรมโฆษณาชวนเชื่อเพื่อผลทางการเมืองโดยแท้ ความจริงคืออะไรนั้นยังงงกันอยู่
ใครมีพรรคพวกในสำนักงานตำรวจแห่งชาติลองแอบถามดูสิครับ
ไม่รู้หรอก
นี่คือปัญหาใหญ่หลวงของเมืองไทยวันนี้
ระบอบ อำนาจเก่าเริ่มรู้หรือยังว่า การบีบคั้นทางการเมืองจนไม่มีรูหายใจแล้วปิดประตูตีแมวกันอย่างเอิกเกริก สนุกสนานนั้น สุดท้ายมันนำเมืองไทยไปสู่จุดไหน
การใช้อำนาจที่ไร้ความชอบธรรมเป็นทางลัดที่จะนำพาสังคมอารยะไปสู่ความเป็นกลียุค
ระเบิด และความรุนแรงต่างๆ นั้น ยากที่จะนำสังคมไปสู่เสรีภาพ สันติภาพ และความเสมอภาคอันเป็นพื้นฐานของระบอบประชาธิปไตย เรื่องนี้สาธุชนน่าจะรู้ดีอยู่ แต่สาธุชนรู้ด้วยหรือไม่ว่าการเข่นฆ่าทำลายล้างทางการเมืองที่ฝ่าย ประชาธิปไตยตกเป็นเหยื่ออยู่ในขณะนี้อาจทำให้คนที่มีเหตุผลที่สุดกลายเป็นคน สิ้นคิดได้
เมื่อสิ้นคิดก็สิ้นปัญญา สัมมาทิฐิก็ถึงคราวสิ้นสุดหรือเจือจางลง
ความคิดทางต่ำทางชั่วหรือมิจฉาทิฐิไหลเข้ามาแทนที่ในช่องว่างนั้น
ในที่สุดความรุนแรงในรูปแบบต่างๆ ที่ล้วนขัดแย้งต่อหลักประชาธิปไตยพื้นฐานก็เกิดขึ้นได้
ทั้ง หมดนี้ไม่ใช่เพราะจู่ๆ ก็เกิดมีคนชั่วคนเลวขึ้นมาในเมืองไทย เหมือนเชื้อโรคที่แพร่เข้ามา หากระบอบและโครงสร้างเดิมที่เคยเป็นที่พึ่งที่ระลึกของผู้คนเป็นจำนวนมาก นั่นต่างหาก ที่กลายเป็นความผิดหวังระคนสนเท่ห์
ไม่รู้จะพึ่งใครเขาก็หันหน้ามาพึ่งกันเอง
ผิดบ้าง ถูกบ้าง เขาก็ดั้นด้นกันไป
แล้ว ในที่สุดก็ต้องทำเหมือนประเทศปฏิวัติอื่นๆ คือต้องไปจนสุดทางแล้วย้อนกลับมาสมานแผลใหญ่น้อยที่เกิดขึ้นในกระบวนเปลี่ยน แปลงขั้นพื้นฐานนั้น บางทีใช้เวลาเป็นสิบๆ ปี หรือข้ามรุ่นไปเลย
เห็น ไหมว่า จากเดิมที่เขาขอเพียงมีรัฐบาลประชาธิปไตย เมื่อเขาตั้งแล้วก็อย่ามาทำลายของเขา ก็กลับทำลายอย่างทารุณโหดร้ายจนระบอบประชาธิปไตยเดินไม่ได้ เขากัดฟันเอากลับเข้ามาด้วยการเลือกตั้ง ก็ทำลายของเขาอีกเป็นครั้งที่สองที่สาม
มวลชนออกมาเรียกร้อง ประชาธิปไตยอย่างสงบสันตินานเป็นปีๆ ด้วยความอดทนอย่างยิ่งยวด ก็ฆ่าเขาทำลายเขาด้วยอาวุธสงครามที่ใช้เงินภาษีของเขาซื้อ จนเขาต้องคิดป้องกันตัวเองและโต้ตอบบ้างตามสิทธิของมนุษย์ผู้รักชีวิตของตน
ก็ เลยเอาอาวุธที่มุ่งหน้าประหัตประหารกันอย่างปืนกับพลแม่นปืนหรือสไนเปอร์มา ใช้ เพื่อฆ่าให้หมดให้สิ้น พร้อมกับโปรยคำว่า สมานฉันท์ สามัคคี ความรักชาติ ฯลฯ ออกมาให้เขาเจ็บปวดเพิ่ม
เกลียดระเบิดแค่ไหน คงไม่สงสัยกันแล้วว่าทำไมวันนี้ต้องมีระเบิด.
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น