คอลัมน์ : เมืองไทยหรือเมืองใคร?
เรื่อง : ฝันเปียก
โดย : กาหลิบ
พรรค พวกเราเข้าไปเยี่ยมให้กำลังใจกันที่พรรคเพื่อไทยไม่กี่วันมานี้ เขาเล่าว่าท่านสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรและผู้ที่หวังจะได้เป็นทั้งหลายต่าง กระเหี้ยนกระหือรือที่จะได้ลงเลือกตั้งกันทั้งนั้น ขนาดใครทักถามเบาๆ ว่าเลือกแล้วจะได้ประชาธิปไตยคืนมาหรือ ก็ถึงกับตวาดว่าอย่างไรก็จะต้องมีเลือกตั้งและฉันจะลงเลือกตั้งอย่างแน่นอน ร้อยพันเปอร์เซ็นต์
มวลชนผู้ได้รับบทเรียนจากมายาของระบอบเผด็จการโบราณมาจนอิ่ม ก็ทำตาปริบๆ ไม่รู้ว่าใครกันแน่ที่โง่
ทั้ง นี้ก็มิใช่ว่าผู้คนอยากเลือกตั้งนั้นโง่ เราเป็นฝ่ายประชาธิปไตยก็ย่อมอยากได้ชัยชนะในวิถีทางอย่างนี้ทั้งนั้น เพราะเป็นปลาที่ยังว่ายอยู่ในน้ำ
คนเข้าพรรคการเมืองก็ย่อมอยากลงสมัครรับเลือกตั้ง
คนสมัครรับเลือกตั้งย่อมวาดหวังจะได้รับเลือกตั้งจากประชาชน
พรรคที่ลงเลือกตั้งก็วาดหวังได้เสียงข้างมากพอจะจัดตั้งรัฐบาลได้
เพราะคนการเมืองอยากได้อำนาจรัฐมาชี้นำบ้านเมืองตามที่ตนเห็นควร
เรื่องเหล่านี้เป็นศีลหรือความปกติของระบอบประชาธิปไตย ไม่ผิดอะไรที่ไหนเลย
แต่ ที่เรานั่งท้วงติงจนถึงขั้นฉุดกระชากลากขากันอยู่ทุกวันนี้ เพราะการวิเคราะห์สถานการณ์ยังมีปัญหาอยู่มากในหมู่คนการเมือง คนที่ไม่เข้าใจเลยนั้นมีบ้างแต่ก็เป็นส่วนน้อย ส่วนใหญ่คือคนที่เข้าใจซาบซึ้งดีว่าอะไรมันส่งคำสาปมาสู่ระบอบประชาธิปไตย อยู่ตลอดเวลาจากเบื้องหลัง แต่กลับเลือกที่จะรับมือกับปัญหาต่างกัน
บาง คนทำแกล้งโง่ ข้าก็จะทำเป็นสู้กับประชาธิปัตย์ เนวิน ชิดชอบ และอนุทิน ชาญวีรกูล โดยไม่แสดงให้โลกภายนอกรู้ว่าข้ารู้ว่าสู้อยู่กับใคร เพื่อจะได้ไม่ถูกอำนาจลึกลับเล่นงาน
บางคนทำแกล้งโง่ คิดในใจว่าเถ้าแก่คงไม่ชนะเกมการเมืองเที่ยวนี้หรอก แต่ข้าทำเป็นฟิตปั๋งล่อหลอกแกไปเรื่อยๆ เอาเงินมาใช้เลี้ยงครอบครัวและบริษัทบริวารทางการเมืองไปพลางก่อน
บาง คนทำเนียน กับสื่อมวลชนวางตัวเป็นนักเลือกตั้งไม่กระโตกกระตาก แต่กับกลุ่มมวลชนผู้ตาสว่างแกล้งทำเป็นแนวปฏิวัติ เหมือนจะเอาตำแหน่ง ส.ส. ไปพลิกฟ้าพลิกแผ่นดินอะไรทีหลังโน่น
บางคนสิ้นหวังมาจากเวที ราชประสงค์ ก็เลยไม่อยากคิดอะไรมากแล้วนอกจากเลือกตั้ง เลือกตั้ง และเลือกตั้ง เหมือนเอ่ยบ่อยๆ มันจะเป็นประชาธิปไตยขึ้นมาได้เอง ใครทักก็มักจะโกรธเพราะในใจตัวเองก็ยังไม่ค่อยเชื่อ
แต่ความอยู่รอดทางการเมืองของใครไม่ใช่ประเด็นของพรรคเพื่อไทย ปัญหาอยู่ตรงที่ว่าเห็นการเลือกตั้งเป็นยุทธศาสตร์หรือยุทธวิธีต่างหาก?
ถ้า สับสนในประเด็นนี้จะกลายเป็นอวิชชาขึ้นมากลางพรรค และอาจนำพาขบวนประชาธิปไตยทั้งขบวนตกรางเหมือนรถไฟเหาะตีลังกาที่ถลาลงสู่ พื้นดินได้
หากเลือกตั้งเป็นยุทธวิธี เอาการมีส่วนร่วมของมวลชนไปสร้างเครือข่ายและเสริมความแข็งแกร่งของระบอบ ประชาชน โดยหวังชัยชนะแท้จริงที่อยู่เหนือระบบเลือกตั้งขึ้นไป อย่างนี้พอมีหวัง
ไม่กลายเป็นปลาที่มองไม่เห็นน้ำ
แต่ ถ้ายึดมั่นถือมั่นว่าเลือกตั้งคือยุทธศาสตร์ เอาเป็นเป้าหมายสูงสุดชนิดที่ชีวิตนี้จะไม่ไปไหนอีกแล้วนอกจากรัฐสภา โดยไม่มีมาตรการใดๆ อีกเลยที่จะต่อสู้ฟาดฟันกับเจ้าของระบอบเผด็จการโบราณและอำมาตย์ผู้เป็นขี้ ข้าสามัญ ความหวังนั้นก็จะลดสภาพลงเป็นเพียงความฝัน
ฝันเปียกเสียด้วย.
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น