Tue, 2010-08-24 05:44
กฤดิกร วงศ์สว่างพานิช
เมื่อวันเกิดคณะรัฐศาสตร์ “จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย” ที่เพิ่งผ่านพ้นไปนั้น ได้มีการเชิญนาย
แน่นอนว่าตามธรรมชาติของการเกิดข้อพิพาท ต่างฝ่ายก็จะออกมาให้ข้อมูลที่เป็นประโยชน์ต่อฝ่ายตนเอง ซึ่งงานนี้จะลอง “สมมติ” ไปเลยว่าทุกสิ่งทุกอย่างที่ นาย
หากสิ่งที่นายวีระศักดิ์กล่าวไว้ทั้งหมดเป็นจริง (ตามข้อสมมติ) แล้ว นั่นแปลว่า :
- ไม่ได้มีการยื้อแย่ง หรือออกแรงอะไรมากมายเลยในการนำแผ่นป้ายมาจากทางฝ่ายนิสิต
- นิสิตไม่ได้มีการแจ้งล่วงหน้า หรือให้ดูแผ่นป้ายก่อนยกชู
- กลุ่มนิสิตดังกล่าวใช้เสรีภาพโดยเบียดบังสิทธิของนายวีระศักดิ์ ในฐานะคนจัดงานประชุม ซึ่งเป็นการใช้สิทธิเสรีภาพที่ไม่ถูกต้อง
- ไม่มีการถามประชาคม จุฬาฯ ล่วงหน้า
- การเลือกที่จะชูป้ายเฉพาะช่วงที่นายอภิสิทธิ์อภิปราย เป็นการใช้แสดงออกอย่างเลือกที่รักมักที่ชัง
- นายวีระศักดิ์ “เชื่อว่า” นิสิตกลุ่มนี้มีบุคคลอยู่เบื้องหลัง
ผมจะแสดงให้เห็น “ตรรกะเทพ” นาย
ประเด็นแรก – การยื้อแย่ง: จากที่นายวีระศักดิ์กล่าวอ้างไว้ทาง Voice TV ว่าเมื่อตนไม่ไม่ยอมให้นิสิตยกชูป้าย เพราะยังไม่เห็นข้อความในป้าย กลุ่มนิสิตจึงเดินหันหลัง และนายวีระศักดิ์ก็สามารถยึดเอาป้ายมาได้โดยไม่ได้ออกแรงอะไรเลย จะเรียกว่ายื้อแย้งมั๊ย?
ผมเห็นด้วยเลยครับ หากอิงตามข้อมูลนี้ นายวีระศักดิ์ไม่ได้ยื้อแย่งแน่นอนครับ นายวีระศักดิ์นั้นจงใจขโมยโดยเจตนาครับ นายวีระศักดิ์ได้ทำการพรากความเป็นเจ้าของของแผ่นป้ายเหล่านั้นในขณะที่ กลุ่มนิสิตที่เป็นเจ้าของแผ่นป้ายกำลังเดินหันหลัง และริบมันมาโดยไม่ได้ออกแรงใดๆ นี่คือการขโมยชัดๆ และที่เป็นเรื่องตลกอย่างร้ายแรงที่สุดก็คือ คนที่เป็นถึงอาจารย์ประจำคณะรัฐศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัยถึงกับ “กล่าวอ้างแบบหน้าตาเฉย” ราวกับการขโมยของจากมือผู้อื่นเป็นเรื่องถูกต้อง ชอบธรรม ไร้ความผิด
เช่นนั้นก็น่าสนใจนะครับ ผมขอแนะนำให้ทุกท่าน “หยิบฉวยเอาอะไรก็ได้ที่นายวีระศักดิ์เป็นเจ้าของ ขณะที่นายวีระศักดิ์หันหลัง และไม่ต้องออกแรงอะไรมากมาย” ดูนะครับ ท่านสามารถทำได้กับนายวีระศักดิ์ครับ เพราะนายวีระศักดิ์ เครือเทพมองว่านั่นไม่ใช่ความผิด ฉะนั้นหากท่านทำได้ ไม่ว่าจะเป็นกระเป๋าสตางค์, กุญแจรถยนต์, ฯลฯ ของนายวีระศักดิ์ก็น่าจะลองดูนะครับ คนๆ นี้เค้าใจดีครับ หากหยิบฉวยไปในกรณีนี้เค้าไม่ว่าอะไรครับ ท่านสามารถนำไปพูดต่ออย่างหน้าตาเฉย ในน้ำเสียงมั่นใจในการกระทำของตนต่อไปได้ด้วยนะครับ เพราะนี่คือตรรกะเทพที่คงความถูกต้องสมบูรณ์ไว้ครับ จงวางใจได้
...นี่แหละครับตรรกะอันเป็นเลิศที่สุดของเทวดาแถวสามย่าน
ประการที่สอง – นิสิตไม่ได้มีการแจ้งล่วงหน้า เรื่องการชูป้าย: เป็น คำกล่าวอ้างที่น่าฟังจริงๆ ครับ นายวีระศักดิ์ยังอธิบายเพิ่มเติมไปอีกนะครับว่า “เพื่อว่าตนจะได้เตรียมการไว้ให้” แหม...ฟังแล้วช่างดูจับใจจริงๆ นะครับ แต่ก็น่าสงสัยนะครับว่า ถ้าเช่นนั้นต่อไปนายวีระศักดิ์คงจะต้องยุ่งมากแน่นอน หากใคร จะทำอะไร ที่ไหน อย่างไรทุกอย่างเนี่ย จะต้องมาแจ้งให้นายวีระศักดิ์ทราบล่วงหน้า
ต่อไปใครอยากจะเข้าห้องสมุด พบปะอาจารย์
สิ่งที่ผมอยากจะชี้ให้เราเห็นจาก “ตรรกะเทพ” ที่สองนี้ก็คือ มันมีคนคิดว่าการที่คนเค้าจะยกมือชูป้ายกระดาษนั้น ต้องเตรียมการอะไรมากเป็นพิเศษกว่าการเข้าห้องน้ำ บางทีผู้ใช้ตรรกะเทพ ก็ต้องคิดและเข้าใจผู้เป็นสามัญมนุษย์อย่างผมบ้างนะครับว่า บางทีการที่ไม่แจ้งไปเนี่ยว่าจะมีการยกป้าย ก็เพราะว่า “มันไม่มีเรื่องห่าอะไรต้องแจ้งครับ ไม่ต่างจากการไปทำธุระหนัก-เบาส่วนตัวเลย!”
คือ ผู้เป็นสามัญมนุษย์อย่างผมเนี่ยก็คิดไม่ตกครับว่า มันจะต้องเตรียมการอะไรสำหรับการยืน และชูป้าย? พรมแดง? ทหารเดินสวนสนาม? พวงมาลัยร้อยแปดแบบจะชกมวย? ฯลฯ
หากการทำอะไรที่ธรรมดาสามัญขนาดนี้ต้องแจ้งนายวีระศักดิ์ทุกอย่างจริงๆ ผมก็อยากจะลองชวนให้ทุกท่านที่จะไปทำอะไรในคณะรัฐศาสตร์ก็ตามนะครับ จะทำอะไรก็ช่าง ก่อนอื่นวิ่งไปที่ห้องนายวีระศักดิ์ก่อนนะครับ แจ้งเค้า แล้วรอให้เค้าเตรียมการให้ทุกครั้งไปนะครับ เพราะบางทีสามัญมนุษย์อย่างเรานึกไม่ออกครับว่ามันจะต้องเตรียมการอะไรบ้าง พฤติกรรมสามัญเยี่ยงนี้เนี่ย แต่ผู้ใช้ตรรกะเทพ เค้าคิดได้ครับ
...นี่แหละครับตรรกะอันเป็นเลิศที่สุดของเทวดาแถวสามย่าน
ประการที่สาม – การใช้เสรีภาพโดยเบียดเบียนสิทธิผู้อื่น: น่าสนใจจริงๆ ครับกับตรรกะเทพชุดที่สามนี้ เมื่อคำตอบของนายวีระศักดิ์คือ การบอกว่ากลุ่มนิสิตใช้เสรีภาพแบบไม่มีขอบเขตไม่ได้ ต้องไม่ไปเบียดเบียนสิทธิของผู้อื่น โดยเฉพาะคนที่เรียนรัฐศาสตร์ยิ่งต้องเข้าใจจุดนี้เป็นอย่างดีที่สุด (คือ กลุ่มนิสิตเบียดเบียนสิทธิของนายวีระศักดิ์ในฐานะผู้จัดงาน)
น่าสนใจยิ่งครับ คือจากคำพูดของนายวีระศักดิ์เองนะครับ (ที่ตั้งสมมติฐานว่าจริงตามนั้นทุกอย่าง) หากคิดแบบสามัญมนุษย์อย่างเราๆ แล้ว ก็น่าสนใจนะครับว่าใครกันแน่หนอที่เป็นการใช้สิทธิเสรีภาพของตนโดยเบียดบัง สิทธิเสรีภาพของผู้อื่น ระหว่าง.....
การขโมยแผ่นป้ายของกลุ่มนิสิต, การใช้สิทธิเสรีภาพในฐานะผู้จัดงานมาเบียดบังไม่ให้กลุ่มนิสิตเริ่มแม้แต่จะ ชูป้าย, การที่นายกรัฐมนตรีใช้ “สิทธิเสรีภาพ” ของตนในการกันเครือข่ายสัญญาณโทรศัพท์มือถือทั้งหมดในบริเวณนั้น, การที่เอาฆาตกรสั่งฆ่าคนหลายสิบ หลายร้อย มานั่งหน้าซื่อ ลอยหน้าลอยตาที่คณะได้โดยไม่คิดว่าเป็นการสร้างมลภาวะทางจิตใจ สายตา และการฟัง ของคนแถวๆ นั้น ฯลฯ เทียบกับ การที่นิสิตกลุ่มหนึ่งพยายามจะชูป้าย (ที่นายวีระศักดิ์ยังไม่รู้ว่ามีข้อความว่าอะไร) แล้ว เนี่ย ต่อให้ข้อความนั้นไม่ใช่คำพูดของนายอภิสิทธิ์ หรืออดีตประธานาธิบดีจอห์น เอฟ.เคนนาดี ก็ตาม เป็นอะไรที่รุนแรง และหยาบคายกว่านั้นอีกมากๆ ก็ตาม ผมผู้คิดเยี่ยงสามัญมนุษย์ก็ไม่อาจจะเห็นได้ว่ากลุ่มนิสิตเหล่านั้นใช้สิทธิ เสรีภาพของตนเบียดบังผู้อื่น มากกว่าที่นายวีระศักดิ์ หรือนายกรัฐมนตรีที่นายวีระศักดิ์พยายามปกป้องตรงไหนเลย ผู้ซึ่งสามารถมองว่านายวีระศักดิ์กล่าวถูกต้อง “สมควรแก่เหตุ” ได้ คงต้องมีตรรกะเทพ และเป็นเทวดาจริงๆ ที่ภูมิปัญญาระดับสามัญมนุษย์อย่างผมไม่อาจหยั่งถึงเป็นแน่
...นี่แหละครับตรรกะอันเป็นเลิศที่สุดของเทวดาแถวสามย่าน
ประการที่สี่ – ไม่ถามประชาคมจุฬาฯ ล่วงหน้า: ผมเพิ่งรู้แจ้ง (enlighten) เมื่อได้รับฟังตรรกะเทพที่สี่นี้เองว่าเดี๋ยวนี้ประชาคม จุฬาฯ จะกลายมาเป็น “พ่อ” ผมเสียแล้ว
ผมเรียนอยู่ที่จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัยมาเป็นเวลา 4 ปี แต่บอกตามตรงว่าไม่เคยเขาไปร่วม หรือทำอะไรอันเป็นผลทางตรงจากสิ่งที่ถูกเรียกว่า “ประชาคมจุฬาฯ” อะไรนี่เลย แต่น่าแปลกที่ผมเองก็สามารถได้รับ “ศักดิ์ และสิทธิ ในความเป็นนิสิตจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัยอย่างเต็มที่” ผมสามารถแสดงออกทางการเมือง กระทำพฤติการณ์ตามที่ผมต้องการ (ตามขอบข่ายที่กฎของจุฬาฯ กำหนด ซึ่งหมายรวมถึงการออกมาประท้วงกฎเหล่านั้นด้วย!) ผมไม่เคยทราบมาก่อนเลยว่าประชาคมจุฬาฯ มันคือห่าอะไร ใหญ่มาจากไหน แล้วทำไมต้องไปบอกอะไรมัน ฟังอะไรมัน...
จนกระทั่งผมได้ทราบจากตรรกะเทพของนายวีระศักดิ์นี่แหละว่า หากมีอะไรแล้ว เราชาวจุฬาฯ จะต้องไปปรึกษาประชาคมจุฬาฯ เสียก่อน ไม่เว้นแม้แต่การจะยกสมบัติของตนขึ้นชูในเขตของจุฬาฯ ครับ ต่อไปใครคิดจะชูมือยกโทรศัพท์มือถือ, ธง, กระเป๋าสตางค์, ฯลฯ อะไรขึ้นไป ก็กรุณาปรึกษา “ประชาคมจุฬาฯ” อะไรนี่ด้วยนะครับ (ว่าแต่มันอยู่ตรงไหนให้ไปปรึกษาหนอ? นี่ถามอย่างจริงจัง เพราะสามัญมนุษย์ผู้ไม่เคยสุงสิงกับไอ้เจ้าสิ่งนี้อย่างผม ไม่เคยทราบจริงๆ ว่าจะหามันพบได้จากที่ไหน)
และผมเชื่ออย่างยิ่งว่านายวีระศักดิ์ เจ้าของตรรกะเทพนี้จะต้องปฏิบัติตามความเชื่อที่ตนว่าออกมานี้อย่างเคร่ง ครัดแน่นอน ฉะนั้นเมื่อไหร่ก็ตามที่ท่านเห็นนายวีระศักดิ์ทำอะไร แปลความได้เลยครับว่า นั่นผ่านกระบวนการให้คำปรึกษาของ “ประชาคมจุฬาฯ” เรียบร้อยแล้ว คงสามารถจะแทนสิทธิ และเสียงของชาวจุฬาฯ ทั้งหมดทั้งมวลได้กระมัง เผลอๆ อาจจะรวมถึงการให้เกรดนิสิตของนายวีระศักดิ์ ที่ก็คงจะผ่านการปรึกษา “ประชาคมจุฬาฯ” อย่างรอบคอบแล้วเป็นแน่แท้
...นี่แหละครับตรรกะอันเป็นเลิศที่สุดของเทวดาแถวสามย่าน
ประการที่ห้า – การชูป้ายอย่างเลือกที่รักมักที่ชัง: เช่น เคยครับ ผมเองก็เพิ่งได้ทราบจากตรรกะเทพของนายวีระศักดิ์นี่แหละที่ “มนุษย์เราหมดสิทธิเสรีภาพในการรักใคร่ชอบพอใคร และชิงชัง เกลียดขี้หน้าบางคนมากเป็นพิเศษ” ไปแล้ว น่าตื่นตระหนกจริงๆ
ผมเคยเข้าใจมาโดยตลอดว่าผมเองมีสิทธิที่จะรัก หรือชอบพอใครเป็นพิเศษ และเกลียดขี้หน้าบางคนมากเป็นพิเศษได้ โดยไม่ไปทำอะไรคนที่รัก หรือเกลียดนั้นเกินขอบเขตของกฎหมายนะครับเนี่ย ผมเข้าใจมาตลอดว่า ใครอยากจะชูป้ายช่วงอภิสิทธิ์ก็ได้ และชาวงจาตุรนต์พูด หากมีคนกลุ่มอื่นๆ อยากมายืนชูป้ายประท้วงด้วยก็คงจะเป็นเรื่องของพวกเค้า เป็นสิทธิของพวกเค้า ดังเช่นกองเชียร์อะคาเดมี แฟนตาเซีย (AF) ที่ต่างก็เลือกที่รัก เลือกที่ชังของตน และมีการชูป้ายแสดงอาการเหล่านั้นอย่างเด่นชัด พร้อมกับกระหน่ำโหวตให้คนที่ตนเองรักปานเป็นญาติฝ่ายแม่ตนอย่างไม่คิดชีวิต
เออ ผมเข้าใจมาตลอดนะเนี่ยว่านี่ต่างหากที่เป็นการใช้สิทธิเสรีภาพ และอย่างอิสระด้วย แน่นอนว่าความรู้ของสามัญมนุษย์อย่างผมคงจะต้องผิดเป็นแน่ ในเมื่อนี่คือตรรกะเทพของนายวีระศักดิ์แล้ว “มันย่อมต้องถูก อย่างห้ามไปสงสัย ไม่ต้องตั้งคำถาม แค่เชื่อไปเลยครับ”
ต่อไปหากจะเลือกตั้งกรุณากากากบาทเลือกทุกเบอร์นะครับ เพราะตรรกะเทพบอกเราว่าเราต้องแสดงออกทางสิทธิเสรีภาพของเราอย่าง “ไม่เลือกที่รักมักที่ชัง”, ต่อไปก็ขอให้รักลูกใครก็ไม่รู้ให้มากพอๆ กับลูกท่านเอง, รักน้องเมีย มากประหนึ่งเมียตนเอง (และกรุณาแสดงออกอย่างเท่าเทียมกันด้วย), ฯลฯ เพราะนี่คือตรรกะเทพครับ ท่านจงเชื่อมัน อย่าได้เผลอคิดต้าน อย่าได้เผลอตั้งคำถามครับ มันคือ “สัจจะ นิรันดร์ (Absolute Truth)” ครับ
...นี่แหละครับตรรกะอันเป็นเลิศที่สุดของเทวดาแถวสามย่าน
ประการที่หก – เชื่อว่ากลุ่มนิสิตมีผู้อยู่เบื้องหลัง: อ่าว ฉิบหายแล้ว...ผมจะทำอย่างไรดีเนี่ย หากตรรกะเทพเกิดขัดกันเองขึ้นมา? ในเมื่อผมบอกว่าให้เชื่อตรรกะเทพอย่างไม่ต้องสงสัย แต่มันคงเป็นเรื่องตลกที่ตรรกะเทพมันจะเกิดขัดกันเองขึ้นมา (หรือเพราะมันเทพเกิน เกินกว่าความเข้าใจของเราไปก็เป็นได้ คือ แท้จริงแล้วมันไม่ได้ขัดกันเอง แต่ด้วยภูมิปัญญาต้อยต่ำแห่งสามัญมนุษย์อย่างผม เลยผิดพลาดเข้าใจว่ามันขัดกันไปซะงั้น)
ไม่ว่าจะเป็นเพราะเหตุใด แต่เอาเป็นว่า ด้วยเหตุใดไม่ทราบได้ อยู่ดีๆ นายวีระศักดิ์ผู้ถือครองตรรกะเทพ อันเป็นสัจจะนิรันดร์นั้น เกิด “ความรู้เฉียบพลัน” ขึ้นมา ที่ทำให้นายวีระศักดิ์เชื่อ และแสดงสิทธิเสรีภาพในการแสดงออกของตนออกมาอย่างชัดเจนว่า “ตนเชื่อว่านิสิตกลุ่มนี้มีคนอยู่เบื้องหลัง” ไม่รู้จะเรียกว่านายวีระศักดิ์เลือกที่รักมักที่ชังดี หรืออคติดี แต่ที่แน่ๆ จงอย่าตั้งคำถามใดๆ กับตรรกะเทพนะครับ เพราะมันเป็นสิ่งประเสริฐอันสูงสุดแล้ว ไม่ฟังไม่ได้ แม้สามัญมนุษย์อย่างเราจะรู้สึกว่ามันขัดกันปานใดก็ตาม
...นี่แหละครับตรรกะอันเป็นเลิศที่สุดของเทวดาแถวสามย่าน
ปัจฉิมลิขิต: ถึงกรณีที่นาย
https://www.suresome.com/proxy/nph-secure/00A/http/www.prachatai3.info/journal/2010/08/30821
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น