ภู เชียงดาว
บันทึกจากหุบผาแดง
เขาผ่านชีวิตครูดอยมานับสิบปี ท่ามกลางความบริสุทธิ์ของธรรมชาติและผู้คนชนเผ่า
เขาขีดเขียนงานด้านบทกวี เรื่องสั้น สารคดี มาตั้งแต่ปี 2540
ก่อนผันเปลี่ยนวิถีสู่งานด้านสื่อ ”ประชาไท” ตามคำชวนของมิตรสหาย และตามเสียงเพรียกบางอย่างข้างใน
แน่นอน คอลัมน์นี้จึงเป็นเสมือนเพิงพักในทางผ่าน เพื่อเล่าเรื่องความจริงที่ประสบ ซึ่งมีอารมณ์ทั้งแง่งาม ประทับใจ ทั้งเศร้าลึก แปลบปวดร้าว เมื่อพบบางชีวิตต้องเผชิญกับชะตากรรมที่ตนเองไม่ได้ก่อ
เขาถ่ายทอดตามในสิ่งที่ดวงตาเห็น และดวงใจได้สัมผัส…ว่ายังมีอีกหลากหลายเรื่องราวบนหนทางที่เราผ่านพบ นั้นควรอย่างยิ่งกับการบันทึกเอาไว้ เพื่อจดจำและเรียนรู้...ในชีวิต.
บทอาลัย...แด่ พลอลึ...ชัยวิทย์ ศรีสฤงฆาร เขาผู้ซึ่งกำลังเดินทางไกลไปอ่านบทกวีบนฟากฟ้า
18 สิงหาคม, 2010 - 14:26 | โดย ongart
พลอลึ’เป็นนามปากกาของ ‘ชัยวิทย์ ศรีสฤงฆาร’
พลอลึ เป็นภาษาปวาเก่อญอ(กะเหรี่ยง) หมายถึง ‘ดอกไม้ สีม่วง ดอกไม้ป่า ดอกไม้ที่เติบโตและเบ่งบานในหุบเขา ขุนห้วย ซึ่งเขาชอบคำและความหมายนี้ จึงบอกกับมิตรสหายว่าขอใช้เป็นนามปากกา
พลอลึ- -ดอกไม้สีม่วง
ใน ความรู้สึกของผม นั้นช่างเหมาะและคล้ายคลึงกับชีวิตเขาเสียเหลือเกิน งามและเศร้า เหงาแล้วเบิกบานในหุบเขา เบ่งบานแล้วก็พลันร่วงหล่น ก่อนวันวัย...กระนั้น หากมองสะท้อนกลับไป เหมือนเขากำลังสื่อบอกเราให้เห็นถึงสัจจะความจริง ซึ่งไม่ว่าใครและใครก็หลีกหนีไม่พ้น
ว่าชีวิตนี้บอบบางและแสนสั้น!
จริงสิ, นอกจากเขาจะเป็นข้าราชการประจำโรงพยาบาลเวียงแหง แต่เขามีเป็นอะไรมากกว่านั้น ซึ่งมิ่งมิตรคนหนึ่งเอ่ยถึงเขาว่า...
กลางวันเขาประจำอยู่ที่ห้องทันตกรรม
แต่กลางคืนเขาคือ...กวี!
คงเป็นเช่นนั้น เขาเกิดมาเพื่อสิ่งนี้...
เกิดมาเพื่อเติบโต งดงาม และทำความดี ท่ามกลางป่าเขา งอกงาม เบ่งบาน ให้สรรพชีวิตรอบข้างได้ชื่นชมและสัมผัส
งามนอก งามใน และจากไปอย่างเงียบๆ
หาก เขาได้ทิ้งคุณค่ามากหลายให้โลกใบนี้ได้รับรู้และเรียนรู้ ดั่งเช่นบทกวีนิพนธ์ที่เขาหมั่นเพียรบันทึกเอาไว้อย่างต่อเนื่อง ผ่านวันและคืน ผ่านมาหลายห้วงฤดูกาล เชื่อว่าเมื่อทุกคนได้อ่านงานชุดนี้ของเขา จะมองเห็นตัวตน ชีวิต และจิตวิญญาณของเขามากยิ่งขึ้น งานเขียนชุดนี้ เขาได้นำเผยแพร่ผ่านทางทางเวบไซต์ บล็อกโอเคเนชั่น เมื่อไม่กี่ปีที่ผ่านมา- -ติดตามค้นหางานเขาได้ที่ http://www.oknation.net/blog/plolee06
ใน ฐานะที่ผมเป็นเหมือนน้องชาย และเป็นเหมือนเพื่อน มิตรสหายที่คุ้นเคยกันมายาวนานหลายสิบปี ทำให้ผมมองเห็น ความจริง ความงาม และความฝันเปล่งประกายในตัวเขา เหมือนแสงตะวันยามเช้า
ภาพเก่าๆ ยังย้ำเตือนให้เห็นถึงมิตรภาพที่เรามีต่อกันอยู่ย้ำๆ
ภาพ เขาพาพยาบาลบรรจุใหม่แบกเป้พกกระเป๋ายา บนระยะทางครึ่งค่อนวัน เธอและเขาเดินดุ่มขึ้นดอยน้ำบ่อใหม่กันมาหลายสิบชีวิต ผมสอนหนังสืออยู่ที่นั่น ใช่,ทุกคนที่มาทำงานในเขตเวียงแหงนั้นทำงานไปพร้อมๆ กับการเรียนรู้ ทดสอบชีวิตของตนให้กล้าแกร่งไปในตัว
และผม ยังจำภาพเราและผองเพื่อนล่องแพไม้ไผ่จากลำน้ำแตงไหลลงเมืองคอง เชียงดาว ค่ำคืนนั้น ภาพเราขดตัวนอนหนาวบนหาดทรายริมลำน้ำใกล้บ้านลาหู่ป่ากล้วย จำได้ว่า ครั้งหนึ่งเขาเกือบจมน้ำ แต่ผมช่วยดึงเขาขึ้นมาทัน
ห้วงนั้น,เขารอดตาย เขายังมีชีวิต และเขายังมีความฝัน...
และนี่คืออีกหนึ่งความฝันของเขาและครอบครัว…เขาบอกผมว่าฝันจะทำสวนเล็กๆ ให้กลายเป็นที่พักของนักเดินทางไกล- -เขาลงมือทำในวันว่างจากงานโรงพยาบาล ช้าๆ ไม่เร่งรีบ เขาลงทุนซื้อเครื่องไม้เครื่องมือ ทำบล็อคประสาน
ทำงานไปเงียบๆ ลำพัง
ผ่านไปสิบกว่าปี ผมกลับไปเยือนหาเขาอีกครั้ง...ผมเห็นดวงตาและรอยยิ้ม แทบไม่น่าเชื่อว่า ความฝันของเขาได้ก่อร่างสร้างขึ้นมา จนกลายเป็น ‘สฤงฆาร ฮัท & รีสอร์ท’สวนสวรรค์ของนักเดินทางในยามนี้
ใช่,เขาเกิดมาเพื่อสิ่งนี้!
‘เติบโต เบิกบาน เบ่งบานในหุบเขา แล้วจากไปอย่างเงียบๆ อย่างมีคุณค่าและสร้างสรรค์’ และแน่นอนว่า แม้ห้วงขณะนี้ กายเขาจะมลายหายไป หาก ‘สฤงฆาร ฮัท & รีสอร์ท’และงานเขียน ถ้อยคำอักษรที่เขากลั่นออกมาจากจิตวิญญาณนี้จะยังคงอยู่สืบไป
ชั่วนิรันดร์.
ด้วยจิตคารวะ
ภู เชียงดาว.
https://www.suresome.com/proxy/nph-secure/00A/http/www.blogazine.in.th/blogs/ongart/post/3116
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น