เรื่อง : วีรกรรมคุก
โดย : กาหลิบ
ขอ ถามอีกครั้งกับคนที่เชื่อว่าการติดคุกเป็นวีรกรรมหรือกรรมอันกล้าหาญในการ ต่อสู้เผด็จการโบราณว่า วันนี้ยังยืนยันเช่นนั้นอยู่หรือไม่
เรื่อง นี้เป็นทัศนคติแบบฝังจิตฝังใจของนักต่อสู้เพื่อประชาธิปไตยหลายคน เชื่อว่าการติดคุกเป็นยุทธวิธีที่นำไปสู่ชัยชนะ เพราะทำให้มวลชนรู้สึกโกรธแค้น ห้าวหาญ และรวมพลังกันทลายกำแพงคุกได้ในที่สุด
บางคนมีโอกาสหลบหนีได้ก็ไม่หนี เพราะคิดว่าชีวิตนี้ขอแสดงวีรกรรมคุกสักครั้ง เพื่อให้ชีวิตคุ้มค่าและมีความหมาย
ความ จริงเรื่องจิตใจของแต่ละคน ถือเป็นเอกสิทธิ์เฉพาะตัว ใครจะโง่ฉลาดอย่างไรก็ถือเป็นสิทธิ์ ส่วนบุคคล ว่ากล่าวกันยาก แต่ขอตราไว้ตรงนี้อีกครั้งด้วยข้อเท็จจริงและความปรารถนาดีอย่างเพื่อนฝูง หรือคนในครอบครัวเดียวกัน
การติดคุกในขณะที่เรายังมิได้วางแนวทางที่ ชัดเจนว่า เราต่อสู้กับระบอบไหนในประเทศไทย ได้แต่สุ่มเสี่ยงไปโดยขาดแนวทางในการเดินไปสู่ชัยชนะนั้น สุดท้ายจะเป็นการติดคุกอันยาวนานชนิดรอวันเน่า
ติดคุกคราวนี้ต่างไปจากครั้งที่ชุมนุมปราศรัยหน้าบ้านสี่เสาเทเวศร์ครั้งแรก
ครั้ง นั้นยังไม่ชัดว่านี่คือสู้เชิงระบอบและชนชั้น ฝ่ายอำนาจเก่ายังคิดว่าฝ่ายประชาชนรู้ไม่ทันและเชื่อว่าจะย่อยสลายมวลชนได้ ด้วยกลวิธีเก่าๆ ที่ใช้มาตั้งแต่ยุคสฤษดิ์ เผ่า ถนอม-ประพาส-ณรงค์ เปรม ฯลฯ จนถึง กอ.รมน. ทั้งนี้รวมถึงวิธีตัดไม้ข่มนาม คือกระทำการข่มขู่มากกว่าจะเอาผลกันจริงจัง
แต่เมื่อเกิดพันธมิตรฯ กลุ่มสีชมพู และกลุ่มประชาธิปัตย์ที่อ้างว่าทำเพื่อเบื้องบนขึ้นมาแล้ว ขนาดยึดสนามบินนานาชาติและทำเนียบรัฐบาลของประเทศก็ทำมาแล้ว ย่อมส่อแสดงว่าผู้ที่อยู่เบื้องหลังเขาก้าวเข้ามาสั่งการชัดเจนขึ้น เหี้ยมโหดขึ้น
ยิ่งเขาเห็นฤทธิ์ของฝ่ายประชาธิปไตยในการโหวตไม่รับ ร่างรัฐธรรมนูญฉบับที่เขาสั่งทำขึ้น แถมด้วยชัยชนะของพรรคไทยรักไทยเดิมเมื่อวันที่ ๒๓ ธันวาคม ๒๕๕๐ ด้วยแล้ว ความบ้าคลั่งของเขาก็พุ่งสูงขึ้นเป็นทวีและตรีคูณ
มาระเบิดเอาที่ทำเนียบรัฐบาล ผ่านฟ้า และราชประสงค์ ระหว่างเมษายน ๒๕๕๒ ถึง พฤษภาคม ๒๕๕๓
สั่งยิงหัวและหน้าอกของประชาชนแล้ว คิดได้อย่างไรว่าเขาจะเอาแกนนำและมวลชนไปติดคุกขู่เฉยๆ
นอกจากจะหวังทำร้ายที่ตัวแล้ว คดีต่างๆ จะเพิ่มสูงขึ้นจนไม่มีวันที่ออกจากคุกได้โดยง่าย
นี่ ก็ได้แล้วอีก ๑ คดี คือคดีร่วมกันก่อความไม่สงบและก่อเหตุวุ่นวายขึ้นในราชอาณาจักร ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา ๑๑๖ และ ๒๑๕ ที่มีผู้ต้องหารวม ๑๗ ราย ทั้งที่อยู่ในเมืองไทยและที่หลบหนีออกนอกประเทศ
ต่อไปก็จะได้รับของขวัญชั้นสูงเช่นนี้เพิ่มขึ้นเรื่อยๆ
พูด อย่างนี้ก็มิใช่ซ้ำเติมพรรคพวกและคนในครอบครัว แต่อยากบอกกับพวกเราที่ยังมีโอกาสอยู่นอกคุกว่า อย่าไปดิ้นรนติดคุกในระบอบนี้เลยครับ
ทางเลือกที่ดีกว่าคือออกมาวาง แผนกอบกู้ฟื้นฟูประชาธิปไตยกันเสียที่นอกประเทศ ใครรู้จักใครประสานมา มองกันไม่ทั่วถึงก็อย่าไปน้อยใจหรือไปด่าเงียบๆ อยู่ที่มุมไหน ลืมอดีต แล้วมุ่งมั่นต่อสู้เพื่ออนาคตกันเถิด
เพื่อจะย้อนกลับไปช่วยพวกเราที่เป็นเหยื่อคุกอยู่เมื่อถึงเวลาอันควรได้
ติดคุกยุคนี้คือเวรกรรม ไม่ใช่วีรกรรมครับ.
---------------------------------------------------------------------------------
เขียนโดย Nangfa ที่ 13:34:00
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น