สนับสนุนการทำกิจกรรม ส่งเสริมประชาธิปไตยของชาวเชียงใหม่ ร่วมกับศูนย์ประสานงานกลาง นปช.แดงเชียงใหม่

ชื่อบัญชี นปช.แดงเชียงใหม่ ธนาคารออมสิน เลขที่บัญชี 02 0012142 65 7 ( มีผู้รับผิดชอบบัญชี 3 ท่าน )

ติดต่อเรา deangchiangmai@gmail.com

ราบสวัสดี พี่น้องทุกๆท่านที่เข้ามาเยี่ยมเยือน บล็อค นปช.แดงเชียงใหม่ ขอเรียนชี้แจงสักนิดว่า เรา ”แดงเจียงใหม่” เป็นกลุ่มคนชาวเจียงใหม่ที่เคารพรัก กติกาประชาธิปไตย ต่อสู้และต่อต้านเผด็จการทุกรูปแบบ อยากเห็นประเทศชาติภายภาคหน้า มีความเจริญ ประชาชนรุ่นลูกหลานของเราอยู่อาศัยอย่างร่มเย็นเป็นสุขในประเทศของพวกเราเอง ไม่มีกลุ่มอภิสิทธิ์ชนกลุ่มใดมาสูบเลือดเนื้อ แอบอ้างบุญคุณเฉกเช่นในยุคนี้ที่พวกเราเห็น การที่จะได้รับในสิ่งที่มุ่งหวังก็ต้องมีการต่อสู้แสดงกำลังให้สังคมได้รับรู้ และเพื่อที่จะให้กลุ่มบุคคลที่มีอำนาจในปัจจุบันได้เข้าใจในสังคมที่ก้าวหน้าเปลี่ยนแปลงไป ไม่อาจฝืนต่อกระแสการพัฒนาของโลก การต่อสู้ร่วมกับผองชนทั่วประเทศในครั้งนี้ เรา “ แดงเจียงใหม่ “ ได้ร่วมต่อสู้ทุกรูปแบบ และในรูปแบบที่ท่านได้เข้ามาร่วมอยู่นี้ คือการเผยแพร่ข่าวสารต่อสังคม เรา “ แดงเจียงใหม่ “ ได้สร้างเวปบล็อคไว้ 2 ที่ คือที่นี่ “ แดงเจียงใหม่” สำหรับการบอกกล่าวในเรื่องทั่วไป และอีกที่หนึ่งคือ “ Daeng ChiangMai “ สำหรับข่าวสารที่เราเห็นว่ามีประโยชน์ต่อการรับรู้ข่าวสารในการร่วมทำกิจกรรมของพี่น้องประชาชน


เชิญร่วมสร้างขวัญ และกำลังใจให้เพื่อนพ้องน้องพี่ร่วมกันครับ
“แดงเจียงใหม่” " Daeng ChiangMai "

รักประชาธิปไตยไม่เอาเผด็จการ ต่อต้านการรัฐประหารทุกรูปแบบ สร้างขวัญกำลังใจและความสุขเพื่อปวงชน

การสังหารหมู่ที่กรุงเทพฯ : สมุดปกขาวโดยสำนักกฎหมาย Amsterdam & Peroff การสังหารหมู่ที่กรุงเทพฯ . ไพร่สู้บนเส้นทาง ๗๘ ปี ประชาธิปไตย ( ๒๔๗๕ - ๒๕๕๓ ) จรรยา ยิ้มประเสริฐ Voter's Uprising Thai

วันเสาร์ที่ 7 สิงหาคม พ.ศ. 2553

"พินัยกรรมขงเบ้ง"...เขียนไว้ก่อนโดดน้ำโขง

http://sites.google.com/site/khirsis/phinaykrrm-khngbeng



พินัยกรรมขงเบ้ง...

หนังสือคุณธรรมสามก๊ก อัครมหาเสนาบดีในอุดมคติ

ขงเบ้งได้รับการยกย่องว่าหยั่งรู้ดินฟ้ามหาสมุทร ได้รับฉายาจากบังเต็กกงว่า "ฮกหลง" หมายถึง มังกรซุ่ม หรือ มังกรหลับ รับใช้ราชวงศ์เล่าถึง 2 ชั่ว อายุคน แม้เมื่อมีชีวิตอยู่ ขงเบ้ง ได้สร้างมาตรฐานคุณธรรมของการบริหารบ้านเมืองไว้อย่างมาก และเมื่อเสียชีวิต พินัยกรรมของท่าน ยังเป็นบทเรียน สั่งสอนคนรุ่นต่อ ๆ มา อย่างน่าทึ่ง

ในบรรดาเสนาบดีทั้งหลาย ในอดีตที่ผ่านมา ไม่มีใครสามารถปฏิเสธได้ว่า ..."ขงเบ้ง" เป็น มหาเสนาบดีที่มีสติปัญญาหลักแหลม เป็นกำลังสำคัญของพระเจ้าเล่าปี่ ในการบริหารจ๊กก๊ก อันเป็นหนึ่งในก๊กทั้งสาม ที่เกิดขึ้นในขณะนั้น

"ขงเบ้ง" เป็นปัญญาชนชาวนา มีเจตนาที่อุทิศตนถวายตัวให้กับเล่าปี่ เพื่อฟื้นฟูบ้านเมืองที่กำลังตกต่ำและเกิดวิกฤติ แบ่งเป็นฝักฝ่าย ขงเบ้งเลือกที่จะอยู่กับฝ่ายเล่าปี่ผู้ชูธงธรรมะต้านอำนาจทรราชโจโฉ ซึ่งเป็นรัฐบาลอยู่ในขณะนั้น

อัคร มหาเสนาบดี หรือนายกรัฐมนตรีผู้มีอาญาสิทธิ์นามว่า โจโฉ มิได้บริหารประเทศ ตามพระราชประสงค์ขององค์กษัตริย์พระเจ้าเหี้ยนเต้ แต่กลับบริหารประเทศเพื่อตนเอง โดยออกระเบียบแก้กฎหมายเพื่อตัวและพวกพ้องของตัว และไม่น้อมเกล้าน้อมกระหม่อมรับพระราชทานกระแสรับสั่งของพระองค์ฮ่องเต้

ต่อมาขงเบ้งรู้ตัวเองว่ากำลังจะตายเมื่ออายุ 54 ปี กลางสนามรบที่ทุ่งอู่จั้ง ขงเบ้งจึงทำพินัยกรรมถึงฮ่องเต้พระเจ้าเล่าเสี้ยน

พินัยกรรมของขงเบ้งมีความว่า...

"...ได้ยินมาว่า ความเป็นความตายเป็นเรื่องธรรมดาโลก ยากที่จะหลีกหนี ถวายชีวีเป็นราชพลี คือปณิธานของขุนพล ข้าพระองค์จูกัดเหลียง (ขงเบ้ง) ผู้กิ๊กก๊อกกระจอกด้วยปัญญา ถือกำเนิดเกิดมา ในขณะที่บ้านเมืองมีวิกฤติเกิดจลาจล แบ่งเป็นฝักฝ่าย ระส่ำระสาย จำต้องนำ พลกรีธาทัพเข้าปราบศัตรูแดนเหนือ กระทำการยังไม่สำเร็จ ต้องมาล้มป่วยเข้า ขั้นอุกฤษฏ์ สิ้นหวัง ชีวิตใกล้ถึงการดับสูญในวันพรุ่ง มิอาจบรรลุภารกิจที่ได้รับมอบหมาย เป็นที่โศกาอาดูรขื่นขมยิ่งนัก ขอให้พระองค์ทรงมีพระทัยสันโดษ ทมะขันติ รักใคร่ในอาณาประชาราษฎร์ บรรลุซึ่งกตัญญุตาธรรมต่อพระบรมชนก เป็นที่แซ่ซ้องสรรเสริญ อุปถัมภ์ค้ำชูนักปราชญ์ผู้สมถะ ใกล้ชิดขุนนางที่ทรงภูมิปัญญา หลีกห่างขุนนางฉ้อฉล ทุจริต รักษาขนบจารีต

เดิมข้าพระองค์มีต้นหม่อนอยู่ 800 ต้น ที่นาอยู่ 50 มู่ (ไร่จีน) ทรัพย์สินเหล่านี้เพียงพอต่อการทำกินของลูกหลาน ในขณะที่ข้าพระองค์ปฏิบัติภารกิจถวายอยู่ภายนอก ข้าวของเครื่องใช้ล้วนแต่เป็นราชการโดยแท้ ไม่เคยใช้ตำแหน่งหน้าที่แสวงหาผลประโยชน์อื่นใดโดยมิชอบ

ใน วันที่ข้าพระองค์จะกราบถวายบังคมตายจาก ภายในบ้านไม่มีทรัพย์สินเงินทอง ภายนอกบ้านก็ไม่มีทรัพย์สมบัติอื่นใด อันจะเป็นการระคายเคืองต่อเบื้องพระยุคลพระบาท ซึ่งเป็นการอกตัญญูต่อแผ่นดิน"

"ขงเบ้ง" คงเป็นมหาเสนาบดีในอุดมคติ ซื่อสัตย์ต่อฮ่องเต้ อุทิศตนเพื่อบ้านเมือง ยึดมั่นคุณธรรม บางคนอาจคิดว่า คนดีๆเช่นนี้ มีอยู่จริงหรือ และมีอยู่มากมายหรือไม่...คำถามนี้ กลับตอบได้อย่างยากลำบาก เพราะคุณธรรม เป็นสิ่งสะท้อนสำนึก ซึ่งเป็นนามธรรม ไม่สามารถ ชั่ง ตวง วัด เป็นอัตราอย่างใดได้

ที่สำคัญ..."ลิ้น" ของ นักการเมือง กลับสามารถพลิกความจริงเป็นเท็จ...เท็จเป็นจริงได้อย่างง่ายดาย และปราศจากความรับผิดชอบ บ้านเมืองจะเป็นไปอย่างใดหนอ...


เล่านั้งฮ้อห่วย ทีเด็ดผู้เฒ่า...อุบายเฮงก็รวยซวยก็เจ๊ง...

...สุมาอี้คู่ปรับคนสำคัญยกกองทัพใหญ่กำลังพลสิบห้าหมื่นไล่ตามมาทันกันที่เมืองเล็กๆชื่อเสเสีย "ทหารสุมาอี้มาเป็นอันมาก ดังหนึ่งจะเหยียบเมืองเสีย" ขงเบ้งขณะนั้นมีทหารอยู่เพียงสองพันเศษล้วนแต่เป็นทหารพลาธิการมีหน้าที่หา เสบียงและพวกพลเรือน ทหารเอกฝีมือดีก็แยกย้ายไปราชการหมด ถ้าขืนสู้รบก็เห็นจะตายหมด จะหนีก็ไม่ทันการ คงจะถูกกองทัพสุมาอี้ไล่จับทีละคนเหมือนแมวจับหนู ขงเบ้งจึงตัดสินใจทำอุบายแบบเฮงก็รวยซวยก็เจ๊ง...

ขึ้นนั่งบนกำแพงแสร้งตีขิม

พยักยิ้มให้ข้าศึกนึกฉงน...

สุ มาอี้นึกฉงน...คิดอย่างลึกซึ้งว่าน่าจะเป็นกลอุบายซุ่มโจมตีแน่ มีหรือเรายกทหารมามากมายไม่ยักกะกลัว กลับเปิดประตูเมืองเชื้อเชิญ ชะดีชะร้ายจะเป็นกลลวงแบบล่อไอ้เข้ ยิ่งคิดยิ่งเสียวไส้...แล้วสุมาอี้ก็ชักม้าพาทหารถอยกลับไป


ติดสินบน...

หนังสือกลอุบายทำลายล้างอย่างสามก๊กไม่ล้าสมัย ยังใช้ได้ผล..

ฝ่ายตั๋งโต๊ะเห็นลิโป้มีฝีมือ ก็อยากได้เอามาใช้งาน ลิซก นายทหารของตั๋งโต๊ะก็รับอาสา

ข้าพเจ้า กับลิโป้อยู่บ้านเดียวกัน แล้วก็เป็นมิตรสหายวิสาสะกัน อันลิโป้นั้นกล้าแข็งก็จริง แต่เป็นคนใจหยาบช้าหารู้คุณคนไม่ โลภเห็นแต่จะได้สิ่งของอันดี ข้าพเจ้าจะขอไปเกลี้ยกล่อมลิโป้ให้มาอยู่กับท่านจงได้

ตั๋งโต๊ะจึงให้จัดของกำนัลให้ลิซกเอาไปให้ลิโป้ ทองคำพันตำลึงกับพลอยสิบยอด เข็มขัดประดับหยกสายหนึ่ง กับม้าชื่อเซ็กเธาว์

ในบรรดาสิ่งของเหล่านี้ ม้าเซ็กเธาว์เป็นสิ่งที่ลิโป้ถูกใจที่สุด

ต่อจากนั้นลิซกก็เริ่มฟังดูว่าลิโป้มีความมั่นใจกับเต๊งหงวนแค่ไหน

สามก๊กฉบับเจ้าพระยาพระคลัง (หน) ว่าไว้ดังนี้

ลิ โป้จึงให้แต่งโต๊ะ แล้วเชิญให้ลิซกกิน ขณะเมื่อลิซกเสพย์สุราอยู่นั้นจึงว่าแก่ลิโป้ว่า ท่านผู้ใหญ่นั้นอยู่แห่งใด เอ็นดูช่วยพาเราไปหา จะได้คำนับให้ท่านรู้จักไว้ ลิโป้ตอบว่า ท่านอยู่ที่ไหนไม่รู้ บิดาเราตายช้านานแล้ว ลิซกจึงว่า จงไปหาเต๊งหงวนซึ่งเป็นบิดาท่าน

ลิ โป้จึงขับคนทั้งปวงเสีย แล้วค่อยกระซิบว่า ท่านเสพย์สุราเมากระมัง เรากับท่านรู้จักบิดามารดากันมาแต่น้อย เป็นไฉนจึงว่าดังนี้เล่า ซึ่งเรามาอยู่กับเต็งหงวน ทุกวันนี้เรียกว่าบิดานั้น เพราะจำใจอยู่ดอก

เพียงเท่านี้ ลิซกก็สามารถเข้าใจความต้องการที่แท้จริงของลิโป้แล้ว จึงโน้มน้าวใจลิโป้ต่อไปว่า

ธรรมดา ก็ย่อมอาศัยป่าซึ่งมีผลไม้มากจึงเป็นสุข ประเพณีขุนนางทำราชการ ถ้าพระมหากษัตริย์ทรงทศพิธราชธรรมแล้วก็มีความสุข ซึ่งท่านว่าจำใจอยู่ด้วยเต๊งหงวนนั้นจะเอาประโยชน์อันใด ภายหน้าไปเห็นจะมีอันตราย จงผ่อนผันหาที่อยู่ให้เป็นสุขดีกว่า

เรา เล็งดูขุนนางในเมืองหลวงนั้น ซึ่งจะมีสติปัญญากล้าแข็งหาพร้อมเหมือนตั๋งโต๊ะไม่ อันตั๋งโต๊ะนั้นประกอบไปด้วยสติปัญญากล้าหาญ สัตย์ซื่อมั่นคง แล้วน้ำใจก็รักทหารปูนบำเหน็จให้มิได้รักทรัพย์สิ่งของเอาใจคนเป็นประมาณ สืบไปข้างหน้า ตั๋งโต๊ะจะได้เป็นใหญ่

ลิโป้ยังลังเลอยู่ กล่าวว่า เราก็คิดอยู่จะหาที่พึ่งดังนี้ แต่หาช่องซึ่งจะไปนั้นยังมิได้

ลิซกจึงเอาทองกับพลอยและเข็มขัดหยกมาตั้งไว้ บอกว่า

ตั๋งโต๊ะมีน้ำใจรักใคร่ท่านเป็นอันมาก จึงให้เราเอาม้าและของทั้งหมดนี้มาให้ท่าน

ลิ โป้เป็นคนโลภ ครั้นเห็นของก็มีความยินดีนัก จึงตอบว่า ซึ่งตั๋งโต๊ะมีใจรักเราให้เอาม้าและสิ่งของมาให้เราทั้งนี้ เราจะมีสิ่งอันใดไปสนองคุณท่าน ลิซกจึงตอบว่า แต่ตัวเราฝีมือเป็นประมาณ ตั๋งโต๊ะยังมีใจรักช่วยเสนอความชอบให้เราจึงได้เป็นทหาร และตัวท่านมีฝีมือรบพุ่งกล้าหาญยิ่งกว่าเรา ถ้าไปอยู่ด้วยเห็นจะได้เป็นขุนนางใหญ่ขึ้นกว่านี้ ลาภสการความสุขก็จะมีเป็นอันมาก

ลิ โป้จึงถามว่า เราจะเอาความชอบอันใดไปกำนัลตั๋งโต๊ะ ลิซกจึงตอบว่า ถ้าท่านจะเอาความชอบนั้นก็ได้ง่าย เกรงอยู่แต่ว่าท่านจะไม่ทำ ถ้าท่านทำแล้วก็จะได้ลัดนิ้วมือเดียว ลิโป้ได้ยินก็นั่งคิดอยู่ แล้วตอบว่า อันจะเอาความชอบสิ่งใดไปนั้นก็ไม่มี และเต๊งหงวนกับตั๋งโต๊ะผิดใจกันอยู่ เราจะตัดศีรษะเต๊งหงวนไปเป็นกำนัลตั๋งโต๊ะเห็นจะควรหรือไม่ควร ลิซกจึงตอบว่า ถ้าท่านทำดังนี้ความชอบจะมีแก่ท่านเป็นอันมาก และซึ่งการจะคิดทำนั้นก็อย่านอนใจ ถ้าช้าเกลือกจะเสียท่วงที

ลิโป้จึงรับคำว่า ท่านไปบอกแก่ตั๋งโต๊ะเถิด พรุ่งนี้เราจะตัดเอาศีรษะเต๊งหงวนไปให้ตั๋งโต๊ะ ตัวเราก็จะอยู่ทำราชการด้วย

วิดีโอ YouTube

นานาทัศนะ...ต่างมุมมอง"สามก๊ก"

ผมมี dvd สาม ก๊ก ฉบับสมบูรณ์ ซื้อมาเป็นสมบัติส่วนตัว ยกทั้งชุดกล่องสวยงามสี่พันแก่ๆเกือบห้าพัน เก็บรักษาไว้อย่างดี กะจะให้เป็นมรดกตกทอดถึง ลูก หลาน เหลน โหลน ล ะ ลาน ลิ ลี ลึ ลือ ลุ ลู โล๊ะ โล เลาะ ลอ เละ เล เลอะ เลอ...ทอดยาวไกลไปโน่น......

สามก๊ก dvd ชุดนี้ผมหวงยิ่งกว่าจงอางหวงไข่ เจ้าลูกชายโทนของผมมันนินทาให้ผมได้ยินตอนยกโขยงเพื่อนๆมาติวก่อนสอบที่บ้าน..."เฮ้ย! กล่องบนหิ้งนั่นอย่ายุ่ง ทองเชียวนะมึง พ่อกูหวงยิ่งกว่าเมียซะอีก(ก็แม่ของมันนั่นแหละ) เวลาดูยังไม่เอาลงมาดูเลย" แล้วตามติดมาด้วยคำถาม..."อ้าวแล้วเก็บไว้ทำไมล่ะ?"

ก็ ผมหวงของผม เก็บรักษามันยังกะไข่ในหิน แผ่นงี้เงาวับไม่มีริ้วรอยให้รกตา ก็เพราะราคามันแพงหูฉี่นี่แหละ...ผมจะก๊อปเก็บไว้ดูชุดนึง ใช้แผ่น dvd-r 4.7gb ตั้ง 17 แผ่นรวม 84 ตอนเชียวนะ เพื่อนฝูงคนรู้จักมักคุ้นจะหยิบยืมผมก็ให้ชุดนี้ไป แต่มีข้อแม้...ต้องไม่จับแผ่นตรงๆ ให้จับขอบแผ่นทุกครั้งที่จับมันยัดใส่เครื่องเล่น รับปากรับคำยังงี้ก็โอเค...

ว่างๆ ก็งัดเอาสามก๊กชุดนี้แหละออกมาดู ถ้าอยากจะเห็นความตอแหลเจ้าเล่ห์เพทุบายของขงเบ้ง ให้ดูตอน ขงเบ้งไปเคารพศพจิวยี่ นั่นล่ะชัดเลย ดูวนไปวนมาตั้งแต่ซื้อมานับได้ 10 รอบแล้วมั้ง ไหนใครว่าอ่าน/ดูสามก๊กครบ 3 รอบคบไม่ได้ไง แต่...ผม 10 รอบแล้วยังคบหาสมาคมกันได้อยู่นะครับ...อิอิ

วิดีโอ YouTube

ตอน อ่านครั้งแรก เล่าปี่พระเอก ส่วนโจโฉรับบทผู้ร้าย ก็ไม่รู้เหมือนกันว่าทำไมเขาถึงเขียนให้เล่าปี่มีบุคลิกเป็นพระเอก โจโฉถึงมีบุคลิกเป็นผู้ร้าย

ใครรู้ตอบหน่อย เพราะผมเชื่อแน่ว่าคนอ่านสามก๊กครั้งแรกก็คิดเหมือนผม

*

เพราะ ลักษณะเด่นของแต่ละคนไงท่าน ไม่ว่าตามประวัติศาสตร์แต่ละคนจะเป็นจริงตามที่ท่านหลอ เขียนแค่ไหน แต่ที่เห็นเพียงผิวเผินและเป็นจริงคือ โจโฉเป็นคนแย่งยึดอำนาจจากพระเจ้าเหี้ยนเต้ รอบจัด และเก่งกาจ แถมยังกุมอำนาจทั้งหมดไว้ ก็เหมาะยิ่งที่จะเขียนให้เขาเป็นตัวร้ายใส่สีซะหน่อย มันก็น่าสนุก แม้ว่าอาจจะไม่ร้ายจริงก็ตาม

เล่า ปี่ บุคลิกอ่อนน้อม มีคุณธรรม แม้ว่าอาจจะมีอะไรแอบแฝงหรือไม่ ท่านหลอเห็นว่า พระเอกต้องเป็นประเภท ได้ใจประชาแต่ไม่มีอำนาจ แรกๆ สู้ตัวร้ายไม่ได้ต้องหนีไปเจอคนเก่งอย่างขงเบ้ง แล้วตั้งตัวกลับมาต่อกรกับโจโฉจึงจะมันส์

อย่า ว่าแต่ท่านหลอเลยท่าน เป็นเราเลือกถ้าจะแต่งนิทานซักเรื่อง ก็ต้องเลือกตัวละครอย่างนี้ แต่ผิดตรงที่ตัวละครที่ท่านหลอเขียน เป็นบุคคลและเรื่องราวจริงในประวัติศาสตร์ ไม่ควรเขียนให้เกินจริง เลยทำให้คนในปัจจุบันต้องมานั่งวิพากษ์วิจารณ์กันมันส์ปาก...น่าสงสาร วีรบุรุษสามก๊ก ยิ่งนัก

*

เหมือน กันเลยครับ ตอนที่ผมอ่านสามก๊กแรกๆ มโนภาพของผมได้จินตนาการว่า เล่าปี่เป็นพระเอก คุณธรรมสูงส่ง ส่วนโจโฉนั้นเป็นผู้ร้ายก่อกบฏต่อแผ่นดิน แต่เมื่อโตขึ้นได้อ่านข้อมูลหลายๆด้าน ทำให้ความคิดนี้เปลี่ยนไป ในโลกของความจริงมันไม่ได้เหมือนกับในนิยาย คำว่าความดีหรือความชั่วหาได้มีเส้นขีดแบ่งอย่างชัดเจนไม่ แต่ขาวกับดำได้ผสมรวมกันเป็นสีเทาอย่างลงตัว ดังนั้นไม่ว่าจะเป็นเล่าปี่ ซุนกวนหรือโจโฉ สำหรับผม พวกเขานั้นคือบุรุษในตำนานผู้ถูกเล่าขานมานานนับพันปีซึ่งผ่านการเสริมเติม แต่งจนไม่สามารถแยกได้ชัดเจน ว่าขาวหรือดำ

น้ำแยงซีรี่ไหลไปบูรพา

คลื่นซัดกวาดพาวีรชนหล่นลับหาย

ถูกผิดแพ้ชนะวัฏจักรเวียนว่ายตาย

สิงขรยังคงตะวันยังฉายนานเท่านาน

*

ผู้ชนะเท่านั้นที่เขียนประวัติศาสตร์ในตรงนี้ คงพอเข้าใจ บวกกับ เเรกเริ่มวงจรชีวิตเล่าปี่มันคล้ายๆ Drama น่าติดตาม บวกกับ ล้มลุกคลุกฝุ่นมามากมาย

ส่วนโจโฉ พอฆ่า แปะเฉีย เท่านั้นเเหละครับ คนเเต่งจะบวกความร้ายกาจให้โจโฉยังไง ก็เท่ากับสุมฟืนในกองไฟเเล้วละครับ

*

หล่อ กว้านตงได้เป็นผู้เรียบเรียงสามก๊กฉบับเจี่ยชิ่ง โดยเอาเรื่องราวทางประวัติศาสตร์มาแต่งเป็นวรรณกรรม ซึ่งมีโครงเรื่องเกี่ยวกับการต่อสู้ระหว่างฝ่ายดีกับฝ่ายชั่ว และนักประวัติศาสตร์ได้ออกความเห็นว่า หลอกว้านตงเข้าข้างเล่าปี่อย่างเห็นได้ชัด (เล่าปี่เป็นฝ่ายธรรมมะ กอบกู้ราชวงศ์ฮั่น โจโฉเป็นฝ่ายอธรรม โจรขบถล้มราชวงศ์ฮั่น)

ส่วน สามก๊กที่พวกเราอ่านกันนั้นมีต้นแบบมาจากสามก๊กจี่อิ่งหงี แต่งโดยสองพ่อลูกตระกูลเหมา(เหมาหลุน เหมาจ้งกัง) ซึ่งทั้งสองได้ปรับปรุงมาจากต้นแบบของหล่อกว้านตงอีกทอดหนึ่ง สามก๊กฉบับนี้แต่งเข้าข้างเล่าปี่อย่างสุดขั้ว และแต่งให้โจโฉเป็นผู้ร้ายอย่างเต็มตัว

*

ประวัติ ศาสตร์สามก๊กถูกเรียบเรียงโดยเฉินโซ่ว และเฉินโซ่วก็ถูกวิจารณ์จากนักประวัติศาสตร์ว่า เขียนเข้าข้างโจโฉและมีอคติกับขงเบ้งครับ

*

ผม เองคิดว่า ตัวร้ายที่เเท้จริง ไม่ใช่โจโฉ ไม่ใช่เล่าปี่ หรือเเม้เเต่ซุนกวน เเต่ผู้ร้ายที่เเท้จริงก็คือ คนป้ายสียุคหลัง นั้นเอง หรือถ้าจะพูดให้ดีอีกนิดหนึ่งก็คือว่า "สงคราม ไม่เเบ่งเเยก ดี-ชั่ว สงครามมีเพียงสนองความต้องการของคนๆหนึ่ง หรือบุคคลกลุ่มหนึ่งในลักษณะใดๆก็ตาม พวกที่อยู่กับโจโฉล้วนว่าพวกเล่าปี่เลว ขณะเดียวกันพวกที่อยู่กับเล่าปี่เองก็ว่าพวกโจโฉเลว ทั้งสองฝ่าย ล้วน เหมือนขาวดำ สลับกัน อยู่ที่เราจะทําให้ฝ่ายไหนเป็นขาว ฝ่ายไหนเป็นดำ

เเต่ท ั้งที่จริงเเล้ว อาจดําทั้งสองฝ่าย ก็ตามที เเต่สิ่งสําคัญที่จะกำหนดว่าสิ่งไหนเป็นขาว สิ่งไหนเป็นดำก็คือ ประวัติศาสตร์นั้นเอง เเต่ทั้งนี้ ถ้าประวัติศาสตร์เอง เป็นกลางมันก็เป็นเรื่องที่ดี ไม่บิดเบือน เเต่ประวัติศาสตร์ในที่นี้ล้วนไม่เป็นกลางเอี้ยงเอนไปทางผลประโยชน์ต่อฝ่าย หนึ่ง จึงทําให้ผู้คนยุคปัจจุบัน คล้อยตามเข็มทิศทางประวัติศาสตร์ ที่มีคนลิขิตไว้เเล้วนั้นเอง"

*

ก็ เป็นธรรมดาของทุกคนมั้งครับ เพราะแม้แต่จะก่อนอ่านก็คงจะได้ยินเรื่องราวประมาณว่า เล่าปี่พระเอก ส่วนโจโฉตัวร้าย ตอนผมอ่านครั้งแรกก็ไม่ถึงกับจับผิดอะไรเล่าปี่ได้หรอกครับ เหมือนเด็กอ่านนิยายทั่วไป ก็เข้าใจตามที่ตัวอักษรเขียน เวลารบกันจริงๆก็แอบเชียร์เล่าปี่อยู่เสมอ เพราะขงเบ้งและเหล่าขุนพลสุดยอดมาก

แต่ พออ่านถึงตอนโจโฉตาย...ผมก็ได้เลือกตัวละครที่ผมชอบที่สุดในเรื่องนี้ไว้ แล้ว ก็คือโจโฉนั่นเองครับ ไม่ว่าจะบอกว่าเป็นตัวร้ายหรือไม่ใช่ก็ตาม และมาคิดแบบจริงจังอีกที ผมก็แทบจะหาข้ออ้างของเบื้องหลังการกระทำโจโฉได้แทบทั้งหมด ยิ่งมารู้เรื่องจริงประวัติศาสตร์บางตอนที่ไม่ถูกบิดเบือนยิ่งชอบโจโฉเข้าไป ใหญ่เลยครับ

*

"สงคราม ไม่มีพระเอก และผู้ร้าย" ผมชอบคำนี้จัง แต่ก็จริงนะ ส่วนมากคนเขียนประวัติศาสตร์ คือ ผู้ชนะครับ ไม่ใช่คนแพ้

นานาทัศนะ จาก...thaisamkok.com

วิดีโอ YouTube




ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น