สนับสนุนการทำกิจกรรม ส่งเสริมประชาธิปไตยของชาวเชียงใหม่ ร่วมกับศูนย์ประสานงานกลาง นปช.แดงเชียงใหม่

ชื่อบัญชี นปช.แดงเชียงใหม่ ธนาคารออมสิน เลขที่บัญชี 02 0012142 65 7 ( มีผู้รับผิดชอบบัญชี 3 ท่าน )

ติดต่อเรา deangchiangmai@gmail.com

ราบสวัสดี พี่น้องทุกๆท่านที่เข้ามาเยี่ยมเยือน บล็อค นปช.แดงเชียงใหม่ ขอเรียนชี้แจงสักนิดว่า เรา ”แดงเจียงใหม่” เป็นกลุ่มคนชาวเจียงใหม่ที่เคารพรัก กติกาประชาธิปไตย ต่อสู้และต่อต้านเผด็จการทุกรูปแบบ อยากเห็นประเทศชาติภายภาคหน้า มีความเจริญ ประชาชนรุ่นลูกหลานของเราอยู่อาศัยอย่างร่มเย็นเป็นสุขในประเทศของพวกเราเอง ไม่มีกลุ่มอภิสิทธิ์ชนกลุ่มใดมาสูบเลือดเนื้อ แอบอ้างบุญคุณเฉกเช่นในยุคนี้ที่พวกเราเห็น การที่จะได้รับในสิ่งที่มุ่งหวังก็ต้องมีการต่อสู้แสดงกำลังให้สังคมได้รับรู้ และเพื่อที่จะให้กลุ่มบุคคลที่มีอำนาจในปัจจุบันได้เข้าใจในสังคมที่ก้าวหน้าเปลี่ยนแปลงไป ไม่อาจฝืนต่อกระแสการพัฒนาของโลก การต่อสู้ร่วมกับผองชนทั่วประเทศในครั้งนี้ เรา “ แดงเจียงใหม่ “ ได้ร่วมต่อสู้ทุกรูปแบบ และในรูปแบบที่ท่านได้เข้ามาร่วมอยู่นี้ คือการเผยแพร่ข่าวสารต่อสังคม เรา “ แดงเจียงใหม่ “ ได้สร้างเวปบล็อคไว้ 2 ที่ คือที่นี่ “ แดงเจียงใหม่” สำหรับการบอกกล่าวในเรื่องทั่วไป และอีกที่หนึ่งคือ “ Daeng ChiangMai “ สำหรับข่าวสารที่เราเห็นว่ามีประโยชน์ต่อการรับรู้ข่าวสารในการร่วมทำกิจกรรมของพี่น้องประชาชน


เชิญร่วมสร้างขวัญ และกำลังใจให้เพื่อนพ้องน้องพี่ร่วมกันครับ
“แดงเจียงใหม่” " Daeng ChiangMai "

รักประชาธิปไตยไม่เอาเผด็จการ ต่อต้านการรัฐประหารทุกรูปแบบ สร้างขวัญกำลังใจและความสุขเพื่อปวงชน

การสังหารหมู่ที่กรุงเทพฯ : สมุดปกขาวโดยสำนักกฎหมาย Amsterdam & Peroff การสังหารหมู่ที่กรุงเทพฯ . ไพร่สู้บนเส้นทาง ๗๘ ปี ประชาธิปไตย ( ๒๔๗๕ - ๒๕๕๓ ) จรรยา ยิ้มประเสริฐ Voter's Uprising Thai

วันพุธที่ 22 กันยายน พ.ศ. 2553

สักวันความเจ็บปวดนี้อาจจะมีประโยชน์สำหรับพวกเราทุกคน*

โดย Peter Sri มีเฌอเ็็ป็นลูกรักณ วันที่ 16 กันยายน 2010 เวลา 17:17 น.

หมายเหตุ บทความนี้เขียนขึ้นโดยผู้เขียนมีส่วนได้ส่วนเสียกับเหตุการณ์ความรุนแรงเมื่อเดือนเมษายนพฤษภาคม 2553 ที่ผ่านมา และน่าจะประกอบสร้างไปด้วยโลภะ โทสะและโมหะ จึงเหมาะสำหรับประชาชนธรรมดาผู้มีสติ ส่วนผู้รักสันติและมีวิจารณญาณสูงส่งไม่ควรอ่านด้วยประการทั้งปวง

ภาย หลังการเสียชีวิตของประชาชนผู้บริสุทธิ์ที่ออกมาเรียกร้องประชาธิปไตยบนท้อง ถนนใจกลางเมืองเทวดา ตั้งแต่เมษายน พฤษภาคม 2553 ประเทศไทยดูเหมือนจะกลับเข้าสู่ภาวะปรกติอย่างรวดเร็ว ท่ามกลางความประหลาดใจของชาวต่างชาติว่าที่นี่เกิดอะไรขึ้นกันหรือ ประชาชนตายจำนวนมากทำไมไม่มีการตรวจสอบหาผู้กระทำความผิด สื่อต่างชาติบางสำนักถึงกับประณามว่าเหตุการณ์ความรุนแรงที่เกิดซ้ำแล้วซ้ำ เล่าในประเทศไทย เป็นเพราะคนไทยไม่เคยแยแสถ้าหากว่าเหตุการณ์ความรุนแรงนั้นไม่เกิดขึ้นกับ ตัวเอง ครอบครัวหรือคนใกล้เคียง ในฐานะครอบครัวผู้สูญเสียผมคิดว่ามันน่าจะใกล้เคียง เพราะหากลูกชายคนเดียวของครอบครัวไม่เสียชีวิตผมก็สงสัยอยู่ว่าผมจะออกมาอินเตอร์แอ็คทีฟได้ขนาดนี้เชียวหรือ

แน่นอนว่าท่ามกลาง ความประหลาดใจ ย่อมเจือปนไปด้วยความเจ็บปวดเป็นระยะๆของครอบครัวผู้สูญเสีย ทั้งด้วยความไม่เจตนาหรือด้วยความต้องการแสดงออกอย่างใดอย่างหนึ่งของคนรอบ ข้าง โดยลืมหรืออาจตั้งใจที่จะละเลยสิ่งที่เรียกว่า กาละเทศผมจะลองลำดับเพียงบางเรื่องมาสู่กันฟังเผื่อว่าสักวันความเจ็บปวดนี้จะมี ประโยชน์สำหรับพวกเราทุกคนอยู่บ้าง

ความเจ็บปวดครั้งแรกๆ ของครอบครัวเราเกิดขึ้นเมื่อญาติสนิทมิตรสหายทราบข่าวการเสียชีวิตของ เฌอแน่นอนว่าส่วนหนึ่งยังนิยมใช้โทรศัพท์แสดงความเสียใจเพราะไม่ต้องลงทุนมาก มายนัก อีกทั้งโทรศัพท์บ้านเรายังไปไม่ถึงขั้น มองหน้าสบตาในระหว่างที่สนทนากัน ทำให้การใช้โทรศัพท์มักจะเป็น ทางออกที่ดีรูปแบบหนึ่ง

กรณีหนึ่งผมได้รับสายจากคนที่ผมเคยนับเป็นเพื่อน คนหนึ่ง ที่ทราบเรื่องจากการบอกต่อของกลุ่มเพื่อนว่าผมเสียลูกชายในเหตุการณ์ความ รุนแรงที่รัฐบาลกระทำต่อประชาชน คำแรกที่เธอพูดออกมาคือเฮ้ย..เสียใจด้วยนะ แต่ฉันอยู่ฝ่ายรัฐบาลว่ะก่อนจะสอบถามรายละเอียดเหมือนคนทั่วๆไป และบอกว่าจะมางานศพในวันไหน หลังจากนั้นก็แสดงความคิดเห็นทางการเมืองในฝักฝ่ายที่ตัวเองนิยม ก่อนจะร่ำลาและวางหูไปเมื่อเสร็จธุระของตัว ทิ้งให้ผมงงงวยโดยไม่มีโอกาสได้ชี้แจงใดๆอยู่เพียงลำพังว่าลูกกูตายแล้วเกี่ยวอะไรกับการอยู่ฝ่ายไหนของมันวะได้แต่ปลอบใจตัวเองว่าอย่างน้อยก็ได้ฝึกฝน การฟังของตัวเองแหละน่า เรื่องนี้จบลงที่วันฌาปนกิจเธอโทรมาให้เหตุผลที่ไม่สามารถมาร่วมงานได้เพราะ ตอนนี้ เกิดเหตุจลาจลเผาบ้านเผาเมืองไปทั่วแล้วเกรงว่าจะไม่ปลอดภัยผมรับฟังอย่างเงียบๆ ก่อนวางสายหันไปสนทนากับเพื่อนและครอบครัวที่บินตรงมาจากยะลา รวมทั้งพี่ที่เคยร่วมงานกันที่ตรงมาจากเชียงรายถึงพร้อมกันในวันสุดท้ายของ เฌอบนดาวแห่งความโหดร้ายดวงนี้

เด็กชายเฌอเมื่อยังเยาว์

อีก สองสามครั้ง เมื่อคุณแม่น้องเฌอเดินทางไปรับเงินช่วยเหลือจากหน่วยงานต่างๆคำพูดและท่าทีที่ไม่ระมัดระวังและแสดงความรังเกียจครอบครัวผู้สูญเสียของเจ้าหน้าที่ผู้ ปฏิบัติงานในบางหน่วยงาน ที่ภรรยามาถ่ายทอดให้ผมฟังอีกครั้งนั้นก็แสดงถึงความไม่รู้เท่าการณ์ และแสดงให้เห็นถึงอิทธิพลที่จิตใต้สำนึกที่ผลักดันการแสดงออกเช่นนี้ออกมา อย่างไม่สามารถปิดไว้ได้แม้จะมีความพยายามเช่นใด

เหตุการณ์ ลักษณะเดียวกันที่ผมมีโอกาสประสบพบเห็นโดยตรง และสามารถนำมาเล่าในเชิงรายละเอียดได้ คือ เมื่อกรมสอบสวนคดีพิเศษ หรือ DSI. จัดแถลงข่าวความคืบหน้าของการสอบสวนคดีที่เกิดจากความรุนแรงที่รัฐบาลกระทำ ต่อประชาชนในช่วงเดือนเมษายน - พฤษภาคมที่ผ่านมา คุณแม่พะเยา อัคฮาด คุณแม่ของคุณกมนเกด อัคฮาด พยาบาลอาสาที่ถูกยิงเสียชีวิตในวัดปทุมวนาราม ได้โทรมาชักชวนให้ผมไปร่วมฟังด้วยเผื่อจะมีอะไรปรึกษาหารือกันรวมทั้งครอบ ครัวญาติอีกหลายราย

ขณะที่ผมกำลังเดินทางจะถึง DSI. ที่ศูนย์ราชการถนนแจ้งวัฒนะ คุณแม่คุณเกด ได้โทรมาบอกว่า DSI. ได้ย้ายสถานที่แถลงข่าวไปที่ที่ทำการของกระทรงยุติธรรม(เดิม) ที่อาคาร Software Park แล้ว พวกเราเลยต้องดั้นด้นตามไปเพียงเพื่อจะพบว่าการแถลงข่าวได้เสร็จสิ้นลงโดย ไม่มีความคืบหน้าใดๆ สื่อมวลชนที่ลงมาจากห้องแถลงข่าวได้เล่าให้ฟังว่าสงสัยคงจะต้องการคลายความ กดดัน จากการที่รัฐมนตรีกระทรวงการต่างประเทศของญี่ปุ่นมาวางดอกไม้เคารพศพนักข่าว ชาวญี่ปุ่น บริเวณหน้าโรงเรียนสตรีวิทยาเมื่อไม่กี่วันที่ผ่านมา ทิ้งความงงงวยไว้ให้กับเหล่าครอบครัวผู้สูญเสียไว้เบื้องหลัง

วัน เดียวกัน กลุ่มเครือญาติโดยมีคุณแม่คุณเกดเป็นแกนนำ ยังได้ชักชวนให้ไปติดตามความคืบหน้าการพิจารณาเงินช่วยเหลือของสำนักงานช่วย เหลือทางการเงินแก่ผู้เสียหายและจำเลยในคดีอาญา กรมคุ้มครองสิทธิและเสรีภาพ กระทรวงยุติธรรม ซึ่งหลายรายญาติมิตรได้ผ่านการทำบุญร้อยวันโดยไม่มีการชี้แจงความคืบหน้าของ การพิจารณาแต่อย่างใด เมื่อไปถึงท่านผู้อำนวยการฯได้ตอบข้อซักถามของคุณแม่น้องเกดและท่านอื่นๆ ก่อนจะยืนยันว่าจะดำเนินการให้รวดเร็วขึ้น

ท่านผู้อำนวยการฯ ยังได้ยกตัวอย่างความกรุณาของท่านในการให้ความช่วยเหลือผู้สูญเสียและผู้บาด เจ็บให้ฟังว่า มีคนหนึ่งหูหนวกแล้วก็พูดไม่ได้ มันจะเดินไปทำงานก็เดินตามคนอื่นๆที่ซอยรางน้ำจะไปขึ้นรถที่อนุสาวรีย์ฯ พอเริ่มมีการยิงกันคนอื่นก็วิ่ง ไอ้นี่ไม่รู้เรื่องไม่ได้ยินอะไร เห็นคนวิ่งก็วิ่งตาม แล้วคุณคิดดู คนเยอะแยะยิงโดนใครไม่โดนดันมาโดนไอ้หนวกนี่ แล้วโดนที่ไหนไม่โดนดันโดนไข่อีก ผมก็เลยอนุมัติเงินช่วยเหลือให้มันไป 15,000 บาท สงสารมันน่ะหูหนวกแล้วยังซวยอีกแล้วท่านก็หัวเราะด้วยความสนุกสนาน เป็นอีกครั้งที่ีผมได้ฝึกการข่มกลั้นพร้อมนึกถึงคำพระที่ว่ามารไม่มีบารมีไม่เกิด

ล่าสุด และเป็นสาเหตุที่ผมคิดว่าคงต้องถ่ายทอดอะไรออกมาบ้างก่อนที่จะช้ำในตายโดย ไม่มีใครทราบสาเหตุ นั่นคือกรุงเทพมหานครได้ติดต่อให้ไปรับเงินช่วยเหลือเยียวยา ครั้งแรกผมยืนยันกับเจ้าหน้าที่ว่าครอบครัวมีทะเบียนบ้านอยู่ในจังหวัด นนทบุรีและไม่มีความเกี่ยวข้องสัมพันธ์ใดๆกับทางกรุงเทพมหานคร แต่ปลายสายยืนยันว่าทางผู้ว่าการฯยินดีให้ความช่วยเหลือทุกคน โดยไม่แบ่งว่าเป็นคนจังหวัดไหน ผมจึงแจ้งชื่อยืนยัน

ผมและ ภรรยาไปถึงศาลาว่าการกรุงเทพมหานครค่อนข้างล่าเลยเวลานัดหมายพอสมควร แต่แถวของญาติที่กำลังลงทะเบียนก็ยาวมิใช่น้อย ขณะที่เรากำลังหันรีหันขวาง เจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยได้เข้ามาถามและเมื่อทราบว่าเป็นครอบครัวผู้ เสียชีวิตจึงให้ไปรวมที่ห้องประชุมใหญ่เพื่อรอเรียก พอเราเข้าไปพบว่ากำลังมีการแถลงข่าว มหกรรมสินค้าและผลิตภัณฑ์ชุมชนเลยกำลังจะถอยออกมา แต่พบว่ามีกลุ่มญาติ 10 เมษา อยู่ในนั้นด้วย ตอนหลังเลยถึงบางอ้อ เมื่อพี่ๆกลุ่มญาติ 10 เมษาฯ บอกว่ากรุงเทพมหานครให้มารอในห้องไปก่อน เพราะไม่มีที่รอด้านนอก หลังจากนั้นก็มีการแถลงข่าวมหกรรมสินค้าและผลิตภัณฑ์ชุมชน ท่ามกลางความงงงวยอีกครั้งของกลุ่มญาติว่าตัวเองมาผิดงานหรือเปล่า

พี่ ผู้หญิงท่านหนึ่งซึ่งมาถึงก่อนเปรียบเปรยให้ฟังด้วยโทสะภายหลังงานแถลงข่าว ว่า มันเอาหุ่นไทยมารำต่อหน้าต่อตาเรา เหมือนจะย้ำว่าพวกคุณมันก็แค่หุ่นเชิดนั่นแหละถึงตอนนี้ผมไม่แน่ใจว่าเราโชคดีหรือเปล่าที่เดินทางมาถึงค่อนข้างล่าช้า

เวลา บ่ายโมง เมื่อเหล่าครอบครัวผู้เสียชีวิตประมาณ 102 รายจากกว่า 80 ครอบครัวลงทะเบียนครบแล้ว กรุงเทพมหานครก็พาเครือญาติทั้งหมดนั่งรถบัสสามคันพาไปที่ราชประสงค์ ทั้งที่ห้องประชุมใหญ่กรุงเทพมหานครก็ว่างไม่ได้ใช้งานแล้ว และถ้าจะจัดซ้อนกันก็น่าจะได้ เพราะช่วงเช้ายังให้กลุ่มญาตินั่งในงานแถลงข่าวได้เลย ผมคิดในใจว่ากรุงเทพมหานครอาจจะมี Gimmick อะไรมาให้ญาติรู้สึกดี หลังจากที่เคยเจ้ากี้เจ้าการ หลอกประชาชนผู้บริสุทธิ์มาร่วมทำลายหลักฐานคดีสังหารหมู่ที่ราชประสงค์ ชนิดที่นางพรทิพย์ โรจนสุนันท์ ผู้อำนวยการสำนักงานนิติวิทยาศาสตร์ไม่ออกมาโวยวายอะไรเลย จะบอกว่าเธอรู้เห็นเป็นใจในฐานะที่อธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษผู้บังคับบัญชา เป็นกรรมการศูนย์อำนวยการแก้ไขสถานการณ์ฉุกเฉิน หรือ ศอฉ. ก็ไม่น่าจะใช่ เพราะดูเธอมีบุคลิกลักษณะของคนที่ซื่อสัตย์ ถือคุณธรรมเป็นที่ตั้งออกอย่างนั้น

ขณะที่ผ่านวัดปทุมวนารามพี่นรีที่ลูกชายถูกทหารยิงเสียชีวิตก็พูดขึ้นมาว่าทำไมมันไม่จัดที่วัดปทุมฯไปเลยวะ ไปทำไมราชประสงค์ทำเอาทั้งรถเงียบกันไปหมด เมื่อรถวิ่งไปถึง Urban Space ข้างนารายภัณฑ์ ฝั่งตรงข้าม Ground Zero ราชประสงค์ ผมเริ่มรู้สึกแปลกๆว่าทำไมพิธีมอบเงินถึงมีการตบแต่งสถานที่ออกมาได้หลากสี ขนาดนี้ หรือว่ากรุงเทพมหานครขอยืมสถานที่เขามาจัดงาน แต่เมื่อลงไปพบว่ากรุงเทพมหานครพาเรามาร่วมงานแถลงข่าว Bangkok Shopping Week และพิธีมอบเงินช่วยเหลือผู้ประสบภัยในการชุมนุมทางการเมือง

เริ่ม งานผู้ว่าการกรุงเทพมหานคร ซึ่งอาจารย์สุลักษณ์ ศิวลักษณ์เคยให้สัมภาษณ์ทำนองว่า ถ้าไม่มีปฏิวัติ 2475 คนนี้จะเป็นบุคคลที่สำคัญมากๆได้กล่าวถึงวัตถุประสงค์การจัดงาน Bangkok Shopping Week เพื่อให้ผู้ประกอบการที่ประสบภัยจากการชุมนุมทางการเมืองได้มีที่จำหน่าย สินค้า โดยได้เงินบริจาคมาตั้งกองทุนช่วยเหลือในครั้งนี้ ซึ่งในรายชื่อส่วนใหญ่จะเป็นผู้ประกอบการห้างสรรพสินค้าขนาดใหญ่ รวมทั้งผู้มีจิตศรัทธาอื่นๆ เช่น ASTV และมูลนิธิยามเฝ้าแผ่นดิน ฯลฯ และถือโอกาสนี้มอบเงินช่วยเหลือให้กับครอบครัวผู้เสียชีวิตและบาดเจ็บ ทุพพลภาพ ตามเกณฑ์พิจารณาที่กรุงเทพมหานครได้ตั้งไว้

สุดท้าย คุณโก้ ธีรศักดิ์ พันธุจริยา เจ้าของครีมหน้าเด้งซึ่งกิจการในห้าง Zen ถูกเผาได้รับความเสียหายและเหล่าเพื่อนดาราได้มอบช่อดอกไม้และกล่าวขอบคุณ ท่านผู้ว่าการฯ ที่ได้จัดงานนี้ขึ้นมา หลังจากนั้นพิธีกรจึงให้ญาติผู้เสียชีวิตเข้าแถวรอรับมอบเงินช่วยเหลือ ผมค่อนข้างจะเห็นใจท่านผู้ว่าการฯที่ขณะมอบเงินไปก็ต้องซับเหงื่อให้ตัวเอง ไปด้วย ท่านจะรู้หรือไม่ว่าห้องประชุมใหญ่แอร์เย็นๆที่ศาลาว่าการกรุงเทพมหานครไม่ มีคนใช้

ภายหลังงาน ครอบครัวผู้สูญเสียต่างแยกย้ายกันไปเงียบๆ มีบางส่วนที่ต้องเดินทางกลับศาลาว่าการฯ บรรยากาศเต็มไปด้วยความเงียบที่น่าอึดอัด หลายคนคงนึกไม่ถึงว่าจะถูกกระทำซ้ำเช่นนี้ และด้วยความเคารพผมว่าบางคนที่ไม่ทราบว่าคนที่เรารักจากไปด้วยความเจ็บปวด ขนาดไหนคงเริ่มตระหนักเมื่อพิธีครั้งนี้สิ้นสุดลง

เมื่อไม่ นานมานี้ ผมได้อ่านงานเขียนวิจารณ์อาจารย์นิธิ เอียวศรีวงศ์ กรณีรับเป็นกรรมการปฏิรูปของอาจารย์สมศักดิ์ เจียมธีรสกุล ผมนึกถึงคำภาษาอังกฤษที่อาจารย์สมศักดิ์ใช้และหาคำแปลที่ลงตัวในภาษาไทยไม่ ได้ นั่นคือคำว่า decency เมื่อมาประสบเหตุการณ์ที่ก่อให้เกิดความเจ็บปวดตอกย้ำซ้ำเติม ผมรู้สึกได้ถึงความหมายและสัมผัสของคำๆนี้ แต่ก็ยังนึกถึงคำแปลไม่ออกอยู่ดี แต่ที่แน่ใจ นั่นคือสิ่งที่อาจารย์สมศักดิ์เรียกว่า ความจริงใจที่มีอยู่ในตัวตนของกรุงเทพมหานครและท่านผู้ว่าการฯ ที่ดูจะไม่แตกต่างจากปัญญาชนบริการทั้งหลายเท่าไรนัก

ในฐานะ ที่เป็นประชาชนธรรมดาคนหนึ่งในจำนวนครอบครัวผู้เสียชีวิต ผมไ่ม่สามารถรับประกันได้ว่าเหตุการณ์ความรุนแรงทางการเมืองที่รัฐบาลกระทำ ต่อประชาชนและทำให้มีผู้เสียชีวิตจำนวนมากจะไม่เกิดขึ้นอีก แต่เครือญาติเริ่มหาทางรวมตัวเพื่อทวงถามความยุติธรรมให้กับผู้เสียชีวิต ผู้บาดเจ็บ และผู้ที่อาคารบ้านเรือนถูกทำลายเสียหาย แน่นอนว่าระหว่างทางแห่งการค้นหาความจริงนี้ พวกเราคงต้องเผชิญหน้ากับความเจ็บปวดที่คงกรีดลึกลงไปในแผลเดิมซ้ำแล้วซ้ำ เล่า แต่ผมหวังว่าสักวันความเจ็บปวดนี้อาจจะมีประโยชน์สำหรับพวกเราประชาชนธรรมดา ทุกคน ไม่ว่าเราจะชอบมันหรือไม่ก็ตาม

หมายเหตุ Bangkok Shopping Week จะเริ่มกิจกรรมช็อปกระหน่ำในวันเสาร์ที่ 18 กันยายน ยาวจนถึงวันจันทร์ที่ 11 ตุลาคมนี้ ที่ Urban Space ราชประสงค์ ถ้าว่างก็แวะไปจับจ่ายใช้สอยหน่อยครับ

* ชื่อบทความนำมาจากชื่อภาพยนตร์ “Someday This Pain Will Be Useful to You” อ่านรายละเอียดได้ในนิตยสาร Bioscope ฉบับที่ 106 กันยายน 2553 ปกอินทรีแดงเดือด! หน้า 11

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น