คอลัมน์ : เมืองไทยหรือเมืองใคร?
เรื่อง : เตรียมเผด็จการ
โดย : กาหลิบ
ได้ เกิดเหตุระหว่างประเทศอย่างหนึ่งที่เกี่ยวกับรัฐบาลไทย แต่เป็นเหตุเงียบๆ ที่ไม่ได้รับความสนใจจากสื่อมวลชนไทยเอาเลย แต่นี่แหละคือหลักฐานชิ้นล่าสุดที่ชี้ว่า นโยบายต่างประเทศ และผลประโยชน์ของไทยในระดับโลก กำลังถูกควบคุมและบีบคั้นราวกับตกเป็นตัวประกันจากสถานการณ์ทางการเมือง เฉพาะหน้าและประชาชนส่วนใหญ่จะตกเป็นผู้เสียหายในระยะยาว
เรื่อง นี้เกิดขึ้นเมื่อองค์กรระหว่างประเทศสององค์กร คือ สมาพันธ์ระหว่างประเทศว่าด้วยสิทธิมนุษยชน (FIDH) ซึ่งมีฐานอยู่ที่กรุงปารีส ฝรั่งเศส และคณะกรรมาธิการสิทธิมนุษยชนในเวียดนาม (VCHR) เตรียมนำเสนอรายงานเรื่อง “จากวาทกรรมสู่การกระทำ: สิทธิมนุษยชนในเวียดนาม” และตั้งใจจะแถลงข่าวต่อสื่อมวลชนล่วงหน้าในวันจันทร์ที่ ๑๓ กันยายน ๒๕๕๓ ที่ผ่านมา แต่ปรากฏว่ามีจดหมายร่อนตรงมาจากกระทรวงการต่างประเทศไทยหนึ่งฉบับ ลงนามโดยนายธานี ทองภักดี รองอธิบดีกรมสารนิเทศ ตรงไปยังสโมสรผู้สื่อข่าวต่างประเทศประจำประเทศไทย (FCCT) ห้ามมิให้จัดงานแถลงข่าวนั้น โดยความตอนหนึ่งว่า
“... เป็นจุดยืนอันยาวนานของเราที่จะไม่ยอมให้องค์กรหรือบุคคลใดมาปฏิบัติกิจกรรม ที่ส่งผลทางลบต่อประเทศอื่นๆ เราหวังว่า FCCT จะเคารพต่อจุดยืนนี้และไม่ยอมให้จัดงานนี้ในสถานที่ของท่าน...”
จดหมาย ลงวันที่ ๙ กันยายนฉบับนี้ ต่อมาถูกตอบโต้โดยผู้บริหาร FCCT ว่า ถ้ากระทรวงการต่างประเทศไทยต้องการจะห้ามกิจกรรมเรื่องสิทธิมนุษยชนของ องค์กรทั้งสอง ซึ่งเพียงมาเช่าที่ของ FCCT ในการจัดเท่านั้น ก็ให้แจ้งเขาเองโดยตรง อย่ามาใช้ FCCT เป็นคนส่งสาร
FCCT เปิดเผยด้วยว่า นอกจากไม่ให้จัดแถลงข่าวที่กำหนดไว้ล่วงหน้าแล้ว กระทรวงการต่างประเทศไทยยังประกาศงดออกวีซ่าให้กับวิทยากรและผู้ร่วมงานทุก คนที่จะเดินทางมาร่วมงานนี้ด้วย ขณะนี้เป็นที่ฮือฮาไปทั่วโลก ยกเว้นในเมืองไทยที่ปิดข่าวกันชุลมุน
งานนี้จะได้จัดหรือไม่ได้จัดคงไม่สำคัญเท่ากับภาพลักษณ์ของไทยหลังจากงานนี้ไป
การ แทรกแซงสโมสรผู้สื่อข่าวต่างประเทศคราวนี้เป็นพฤติกรรมต่อเนื่องจากการโจมตี สิทธิในการนำเสนอข่าวสารข้อมูลของสื่อมวลชนสากล ซึ่งทำมาหลายครั้ง จนถึงขั้นแจ้งความจับกุม FCCT ทั้งคณะบริหารในข้อกล่าวหาหมิ่นพระบรมเดชานุภาพมาแล้ว และทั้งหมดนี้เกิดขึ้นภายใต้กลไกการรัฐประหารทั้งสิ้น ตั้งแต่รัฐบาลสุรยุทธ์ จุลานนท์จนถึงยุคที่เชิดอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะขึ้นมาแทน ภาพจึงปรากฏชัดว่าระบอบประชาธิปไตยแท้ๆ มิได้มีอยู่ในเมืองไทยทุกวันนี้
แล้วก็อย่ามา อ้างว่าทำเพื่อเวียดนามผู้เป็นเพื่อนบ้าน เพราะไม่มีหลักฐานว่าทางการของเขาเข้ามาเกี่ยวข้องร้องขออะไรในเรื่องนี้เลย เวียดนามเขากำลังฟื้นฟูความสัมพันธ์กับหลายชาติตะวันตกที่ชูเรื่องสิทธิ มนุษยชน ไม่มีเหตุผลที่เขาจะขวางลำให้มันเสียบรรยากาศ น่าเชื่อว่างานนี้รัฐบาลไทยชงเองดื่มเองมากกว่า
เป็น การวางหลักการล่วงหน้าเตรียมไทยให้เป็นรัฐเผด็จการสมบูรณ์แบบ แต่ก็ทำแบบคนขลาดคือสร้างภาพให้คนทั่วโลกเขานึกว่าทำเพื่อคนอื่น ไม่ใช่เพื่อตน เพียงแต่ว่าทั่วโลกที่ว่านั้นเขาไม่ได้กินแกลบ เขาก็รู้ชัดแจ้ง
การเมืองภายในที่ส่งผลต่อนโยบาย ระหว่างประเทศเป็นสิ่งที่นักรัฐศาสตร์เคยสรุปไว้ในทฤษฎีที่เรียกว่า Linkage Politics ขณะนี้เห็นตัวอย่างชัดในประเทศไทย และเป็นแผนที่ตัวอย่างว่ารัฐหนึ่งๆ ที่หมกมุ่นกับความอยู่รอดของชนชั้นนำผู้ถือครองอำนาจสูงสุดของรัฐนั้น ถึงเวลาเขาก็ขุดหลุมฝังตัวเองได้จนมิด โดยไม่รู้เลยว่ากำลังฆ่าตัวตายอย่างช้าๆ และไร้เกียรติยศ
ใน ข้อ ๒ ของพินัยกรรมของ ท่านผู้หญิงพูนศุข พนมยงค์ ท่านประกาศไม่รับเกียรติยศใดๆ ที่ผู้ที่อยู่ในฐานะของท่านพึงจะได้รับ เราก็ซาบซึ้งในเกียรติยศอันสูงของท่านผู้หญิงกันมาแล้วทั่วกัน เราคิดว่าท่านเขียนไว้เช่นนั้น เพราะท่านไม่อยากแสดงความใยดีใดๆ กับครอบครัวคนชั่วที่ครอบงำเมืองมาตั้งแต่ช่วงที่ท่านอาจารย์ปรีดียังมุ่ง หน้าอภิวัฒน์อยู่
แต่เมื่อดูพฤติกรรมของชนชั้นนำ ไทยในวันนี้ เราเข้าใจลึกซึ้งอีกขั้นหนึ่งว่าท่านประกาศไว้เช่นนั้นเพราะท่านรู้ว่าชน ชั้นนำเหล่านี้ไม่สามารถมอบเกียรติยศให้กับใครได้
เพราะไม่มีเกียรติกันทั้งตระกูลของตัวเองและลูกน้อง.
--------------------------------------------------------------------------------
ข่าว SMS ของฝ่ายประชาธิปไตย เชิญสมัครสมาชิก SMS-TPNews โดยทีมงานเสื้อแดง เที่ยงตรง ไม่บิดเบือน ส่งตรงถึงมือถือทุกวัน สมัครวันนี้ ใช้ฟรี 14 วัน พิมพ์ PN ส่งมาที่เบอร์ 4552146 ทุกระบบ เพียง 29 บาท/เดือน Call center: 084-4566794-5 (จ.- ศ. 9.30-17.30 น.)/e-mail : tpnews2009@gmail.com บล็อก : wwwthaipeoplenews.blogspot.com
เรียบเรียงโดย Nangfa
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น