16 กันยายน, 2010 - 12:10 | โดย sutthida
“พี่รีบๆไปดูเถอะ ตอนนี้ยังดีอยู่ ได้ข่าวว่านายทุนเข้าไปซื้อที่ตรงนั้นไปเยอะแล้ว ไม่ช้าก็คงจะเปลี่ยนไปแน่นอน” ผู้จัดการเกสต์เฮาส์แห่งหนึ่งใน อ.ปาย บอก เมื่อถามว่า อำเภอใหม่เป็นไงบ้าง เพราะว่าดูจะไม่ไกลจากปายมากนัก และในอนาคตอาจไม่เห็นความเป็นธรรมชาติของที่นั่นแล้ว
อำเภอที่พูดถึงคือ อำเภอใหม่ล่าสุดของไทยเป็นอำเภอที่ 878 ชื่อ “กัลยาณิวัฒนา” ซึ่งชาวบ้านโดยทั่วไปรู้จักกันในนามของ “วัดจันทร์” หรือคนในพื้นที่ที่ส่วนใหญ่เป็นชุมชนชาวกะเหรี่ยงเรียกว่า “มือเจะคี”
ว่าด้วยเรื่องชื่อก็มีเรื่องที่น่าสนใจจะถกเถียงกันอยู่ไม่น้อย แต่ในที่นี้ขอละเอาไว้ก่อน เพราะประเด็นหลักที่จะแลกเปลี่ยนในคราวนี้เป็นคำถามเรื่องการพัฒนาที่จะเกิด ขึ้นในอนาคตที่หลายๆ คนเกรงว่าจะเป็นการทำลายเสียมากกว่า
ในเชิงอุดมคติผู้คนมักอยากเห็นสิ่งต่างๆ คงอยู่อย่างที่มันเคยเป็น หลายคนเวลาที่ไปเที่ยวที่ไหนก็ตามก็มักจะชอบให้ที่นั่นคงสภาพไว้เช่นนั้น เช่นเคยเห็นว่าเมื่อ
20 ปีก่อน ที่นี่เป็นอย่างไรก็อยากให้คงไว้เช่นนั้น ทว่า ไม่เคยมีสักเมืองเดียวเลยที่จะเป็นเช่นนั้นได้ เพราะจริงๆแล้ว การเปลี่ยนแปลงเป็นธรรมดาโลก แต่ที่เราจะทำได้คือต้องการเห็นมันเปลี่ยนไปไหนทิศทางใดมากกว่า
อ.กัลยาณิวัฒนา มีพื้นที่ของ 3 ตำบลคือ ต.บ้านจันทร์ ต.แจ่มหลวง และ ต.แม่แดด เดิมอยู่ภายใต้ อ.แม่แจ่ม จ.เชียงใหม่ สาเหตุที่มีการแยกออกมาเป็นอำเภอใหม่ก็เพราะว่าสภาพภูมิประเทศของพื้นที่ นี้เป็นป่าและภูเขาสูงชัน ทุรกันดาร การคมนาคมติดต่อเพื่อขอรับบริการต่าง ๆ จากหน่วยงานของรัฐ ณ ที่ว่าการอำเภอแม่แจ่ม เป็นไปด้วยความยากลำบาก การให้บริการของเจ้าหน้าที่ไม่สามารถให้บริการได้อย่างทั่วถึงครอบคลุมทุก พื้นที่ ประกอบกับพื้นที่ดังกล่าวประสบปัญหาด้านความสงบเรียบร้อย เรื่องยาเสพติด และปัญหาด้านการลักลอบตัดไม้ทำลายป่า ตั้งนั้นจึงมีการเสนอ ครม.ให้แยกพื้นที่ดังกล่าวมาจัดตั้งเป็นอำเภอใหม่ขึ้นมา
สนสามใบที่มีความอุดมสมบูรณ์ ในป่าสนบ้านวัดจันทร์ อุทยานที่อยู่ภายใต้โครงการหลวง
เมื่อสองสัปดาห์ก่อน เราได้เดินทางจากปากทางเส้น ปาย- เชียงใหม่ เลี้ยวเข้าไปเพื่อจะเดินทางไปยังวัดจันทร์ ผ่านถนนอันคดเคี้ยวระยะทาง 43 กิโลเมตร ระหว่างทางมองเห็นทิวทัศน์ ป่าที่ยังคงสภาพค่อนข้างสมบูรณ์ และ ผืนนาที่เขียวขจียามหน้าฝน รวมทั้งไร่ถั่วเหลืองตามเนินเขาที่ชาวบ้านปลูกไว้ ว่ากันว่า ที่นี้คือไร่ถั่วเหลืองที่ใหญ่ที่สุดแห่งหนึ่งของไทย แต่ระหว่างทางนั้นเองเราก็พบเห็นร่อยรองของดินถล่ม และ ทางขาดเป็นช่วงๆ เนื่องจากเป็นช่วงหน้าฝน เราเห็นร่องรอยน้ำที่สูงล้นขึ้นมาท่วมสะพานจนคอสะพานขาดไปหลายแห่ง แต่ขณะเดียวกันเมื่อมองลงไปยังแม่น้ำกลับพบว่ามีน้ำเหลืออยู่ในแม่น้ำค่อน ข้างน้อย เป็นเพียงสายน้ำตื้นแต่ไหลเชี่ยวมากเลยทีเดียว ว่ากันว่าการที่ต้องตัดไม้เพื่อเอาพื้นที่มาปลูกถั่วเหลืองเป็นอีกสาเหตุ หนึ่งที่ทำให้ดินถล่มด้วยเช่นกัน
ในที่สุดก็เข้ามาถึงตัวอำเภอที่ผู้คน หวาดหวั่นกันเหลือเกินว่า ต่อไปนี้ธรรมชาติของที่นี่จะหลงเหลืออยู่หรือไม่ สิ่งที่เห็นในขณะนี้คือ ยังคงมีสภาพความเป็นธรรมชาติอยู่มาก ป่าสนสามใบที่สวยงามก็อยู่ที่นี่ เป็นแหล่งท่องเที่ยวทางธรรมชาติที่เรียกได้ว่าสมบูรณ์ยิ่ง ไม่มีตึกรามบ้านช่องมากนัก มีร้านค้าอยู่เล็กน้อย เรียกได้ว่ามีสภาพที่เรียกว่าเป็นชุมชนตาม “บ้าน นอก” หรือ หมู่บ้านในชนบทโดยปกติทั่วไปในประเทศไทย มีสิ่งที่เริ่มเปลี่ยนแปลงคือ มีการก่อสร้างเพิ่มขึ้น มีร้านค้าหรือร้านอาหารเพิ่มขึ้น
ธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์ ( ธกส) เตรียมพร้อมให้บริการ สังเกตว่าอาคารจะใช้ไม้สัก
แม้อาจมีคนจำนวนไม่น้อยที่ไม่ต้องการ เห็นความเปลี่ยนแปลง แต่จากสภาพพื้นที่ดังกล่าวผู้คนที่อาศัยอยู่ที่นั่นมานานๆ อาจพบว่าเป็นความจำเจไปแล้วก็ได้ และก็ไม่น่าแปลกใจอะไรที่เจ้าของที่ดินแถวๆ นั้นจะตื่นเต้น ที่อยู่ๆ ก็มีคนมาให้ราคาที่ดินแก่เขาแพงๆ หรือยินดีที่จะมีความเจริญหลั่งไหลเข้ามาในชุมชน เพราะใครต่อใครก็อยากให้พื้นที่ที่ตนอยู่อาศัยมีความสะดวกสบายเหมือนที่ อื่นๆ เปรียบเทียบกับตัวเราเองก็ได้ว่าทำไมเรามีสิทธิใช้อินเตอร์เน็ตความเร็วสูง แล้วหากผู้คนที่นั่นจะอยากมีบ้างก็ไม่น่าจะผิดอะไร ใช่หรือไม่
โบสถ์ใส่แว่นตาดำ อันเลื่องชื่อของวัดจันทร์วัดเก่าแก่อันเป็นที่มาของชื่อชุมชนแห่งนี้
ทว่า สิ่งที่กำลังจะเกิดขึ้นนี้เองก็ทำให้เกิดเสียงสะท้อนว่า “สงสัย อีกหน่อยจะเหมือนปาย” โดยที่ให้ความหมายว่า “ปายน่ะเละไปแล้ว มีแต่ใครต่อใครเข้ามาเยอะไปหมด คนจากที่อื่นเข้าไปทำมาหากิน และไม่สงบเหมือนเมื่อก่อนแล้ว”
เราลองย้อนกลับมาดูที่ปายกันสักเล็กน้อยว่า จริงๆ แล้วปายแย่ขนาดนั้นเลยหรือ
เสียงสะท้อนที่ว่านั้นก็ทำเอาคนทำธุรกิจอยู่ที่ปายจำนวนหนึ่งสะเทือนใจอยู่ไม่น้อยว่า “เป็นอย่างไรหรือ เหมือนปายแล้วเสียหายตรงไหน”
คุณวลัยพร เรืองนิติกุล ประธานชมรมท่องเที่ยวปาย บอกว่า จริงๆ แล้ว ไม่ว่มีอะไรเปลี่ยน ปายก็มีเสน่ห์ของมันอยู่ ซึ่งก็ขึ้นอยู่กับคนชอบ “พูด ง่ายๆ ว่า ใครอยากมาเที่ยวก็มา ใครชอบที่นี่ก็มา ถ้ามาแล้วไม่ชอบก็ไม่ต้องมาอีกก็ได้ แต่ถ้ามาแล้วชอบก็อยากให้มาอีกและช่วยกันทำให้น่าอยู่ ปายก็จะน่าอยู่เหมือนเดิม”
หลังจากที่เข้าไปที่ปายและพูดคุยกับทั้งผู้คนที่เป็นคนในพื้นที่ และได้เที่ยวชมด้วยตัวเองแล้วก็ให้คิดได้ว่า ความจริงแล้ว “ปา ย” ยังคงเป็นที่ท่องเที่ยวที่ให้ทางเลือกแก่นักเดินทางได้หลายแบบ แต่ตัวนักท่องเที่ยวนั้นต้องตั้งคำถามกับตัวเองก่อนว่าจะไปปายทำไม จะมา เที่ยวชม มาใช้ชีวิต หรือมาปลีกวิเวก
ถ้าจะมาเที่ยวชม เพื่อว่าตัวเองจะได้กลับไปบอกกับคนอื่นได้ว่า เคยไปปายมาแล้ว ไม่ตกเทรนด์ ก็คงไปได้ไม่ต้องคิดอะไรมาก ไปเที่ยวแล้วก็ค่อยตัดสินใจเองว่า ชอบหรือไม่ชอบ ซึ่งตรงนี้คงขึ้นอยู่กับรสนิยมของคนๆนั้นเอง แต่ถ้าจะมาใช้ชีวิตก็ต้องเลือกดูว่าจะเอาชีวิต “แบบ มันๆ เมามาย” หรือเต็มที่กับชีวิตในทางโลก ถ้าเลือกแบบนี้ ในกลางเมืองปายเต็มไปด้วยผับ บาร์ และอาหารการกิน รวมทั้งสินค้านานามาจำหน่าย คนที่ไปเที่ยวเพื่อจะสร้างความบันเทิงให้กับตัว เองก็คงชอบที่ปายมีสิ่งเหล่านี้ไว้ให้ และเมื่อกลับไปแล้วก็น่าจะบอกได้ว่าชอบปาย หรือหากจะใช้ชีวิตแบบบ้านๆ ก็ลองออกไปอยู่ในชุมชนที่เขาอยู่กันจริงๆ ที่ไม่ใช่ชุมชนนักท่องเที่ยวก็ได้ แต่หากตั้งใจว่าจะไปปลีกวิเวก หรือหาที่อยู่สงบๆ ที่นั่นในช่วงที่อากาศดีๆ ก็แน่นอนก็ออกไปนอกเมือง ที่ติดภูเขาอีกมากมายที่สามารถจะให้บริการได้
ดังนั้น คนที่บอกว่าไม่ชอบปายอาจต้องตั้งคำถามกับตัวเองว่าจะมาปายทำไม และควรเข้าใจความจริงที่ว่า ปายเป็นแค่เมืองเล็กๆ ไม่เหมาะกับการรับนักท่องเที่ยวขนาดใหญ่ ไม่เหมาะสำหรับรถทัวร์ขนาด 80 ที่นั่ง บทเรียนที่ปายได้รับคือ การที่บ้านเมืองขยายไปอย่างรวดเร็ว มีผู้คนหลั่งไหลเข้ามาท่องเที่ยวอย่างมากมาย สิ่งที่ตามมาคือ ขยะ น้ำเสีย หรือตึกรามอาคารที่สร้างกันอย่างตามใจ ทำให้เป็นการเติบโตอย่างไร้ทิศทาง ปัญหาเร่งด่วนของปายนั้นไม่เพียงแค่การ ควบคุมการก่อสร้าง แต่จะต้องวางผังเมืองให้ชัดเจนว่า การเติบโตของเมืองนั้นจะไปทางไหน แค่ไหน ต้องมีการวางแปลนสิ่งก่อสร้าง การรองรับ เช่น ระบบบำบัดน้ำเสีย ระบบกำจัดขยะที่ดีเพียงพอ เพื่อรับมือสถานการณ์ทั้งในปัจจุบันและอนาคต
กลับมาดู อำเภอใหม่ “กัลยา ณิวัฒนา” ที่ผู้คนกำลังหวั่นวิตกว่า จะเป็นปาย 2 หรือไม่ แน่นอนว่าไม่ใช่เรื่องที่วิตกกันไปจนเกินจริงหากมองจากประสบการณ์ที่ผ่านมา ในเรื่องการพัฒนาของไทย ที่มักจะเป็นไปแบบไร้ทิศทาง แต่คำถามคือ วัดจันทร์ ซึ่งกลายเป็นอำเภอใหม่ ยังจะต้องประสบกับปัญหาเช่นเดียวกันนี้ด้วยหรือ ในเมื่อบทเรียนเราก็มีให้เห็นแล้ว เราไม่คิดจะแก้ไขความผิดพลาดกันบ้างเลยหรือ
อันที่จริง เราอาจต้องมาพิจารณาเรื่องนี้กันอย่างเป็นรูปธรรมและแบบที่เป็นจริงอย่างที่ ไม่ใช่เป็นอุดมคติว่า แม้เราอยากอนุรักษ์ทุกสิ่งให้คงเดิมไว้แค่ไหนก็ตาม แต่การเปลี่ยนแปลงย่อมต้องเกิดขึ้นแน่นอน ดังนั้น การเพียงแค่มานั่งหวาดหวั่นว่าจะมีอะไรมาเปลี่ยนแปลงหรือการพัฒนาที่เข้ามา อาจจะทำลายธรรมชาติอันงดงามของ มือเจะคี หรือวัดจันทร์ เพียงอย่างเดียวนั้นคงไม่ช่วยอะไร สิ่งที่ควรทำในขณะนี้คือ ทั้งทางการและคนในชุมชนหรือประชาชนที่อาศัยอยู่ที่นั่นควรจะมาร่วมกันคิดว่า อยากจะเห็นชุมชนพัฒนาไปในทิศทางไหน ทั้งนี้ ความเห็นแบบเร็วๆที่ต้องการจะนำเสนอในที่นี้ก็คือ อาจแบ่งการพัฒนาออกเป็นสองประเด็นคือในเชิงกายภาพและในเชิงจิตใจหรือนามธรรม ทั้งนี้ วิสัยทัศน์ของทางการและคนในชุมชนที่จะมองการพัฒนานี้เป็นเรื่องสำคัญยิ่ง
การพัฒนาในเชิงกายภาพนั้น ควรต้องมามองว่า ในส่วนของผังเมืองเตรียมไว้หรือยังว่า จะให้บ้านเมืองมีรูปลักษณ์แบบไหน สิ่งก่อสร้างที่จะเกิดขึ้นต้องมีลักษณะอย่างไร และเตรียมการสำหรับการขยายตัว การเติบโตที่จะตามมาในอนาคตของเมืองหรือยัง เช่น มีระบบสาธารณูปโภคพื้นฐานต่างๆ อย่างเพียงพอ มีการจัดวางตำแหน่งให้ไม่ขัดขวางต่อความงามทางธรรมชาติและความเป็นอยู่ของ ผู้คนดั้งเดิม การกำจัดขยะหรือการกำจัดน้ำเสีย การรักษาความสะอาดในชุมชนควรเป็นอย่างไร การฝึกจิตสำนึกเรื่องการรักชุมชนอย่างถูกทาง หวงแหนทรัพย์สินและร่วมกันดูแลรักษาทำชุมชนให้น่าอยู่ด้วยกัน เหล่านี้ล้วนเป็นภาระและวิสัยทัศน์ที่ทางการควรจะวางไว้โดยให้ชุมชนมีส่วน ร่วมในการเตรียมการรับมือกับสิ่งใหม่ที่จะเกิดขึ้นนี้
ส่วนในทางจิตใจหรือนามธรรม อาจต้องมีการปลูกฝังจิตสำนักในเรื่องของวินัย ความซื่อสัตย์ ไม่เห็นแก่ประโยชน์ส่วนตน และการถือเอาประโยชน์ส่วนรวมเป็นที่ตั้ง การเสียสละต่อชุมชน หรือไม่คิดแต่จะเอาเปรียบนักท่องเที่ยวหากจะมีเข้ามาในอนาคต และเนื่องจากการเกิดเป็นอำเภอขึ้นมาใหม่ ก็คงไม่แปลกอะไรที่จะมีคนจากท้องถิ่นอื่นย้ายเข้ามาอาศัยอยู่ หรือเข้ามาทำมาหากินในพื้นที่แห่งนี้ อันเป็นลักษณะปกติทั่วไปของบ้านเมืองที่มีเสรีภาพในการย้ายถิ่น ทว่า ประเด็นที่สำคัญก็คือ ทำอย่างไรถึงจะให้คนในพื้นที่เดิมและคนที่เข้ามาอยู่ใหม่สามารถอยู่ร่วมกัน ได้อย่างมีความสุข และพร้อมที่จะร่วมมือกันสร้างสรรค์เมืองที่มาอยู่ร่วมกันให้เป็นเมืองที่น่า อยู่ทั้งกับคนในพื้นที่และผู้มาเยือน
หากได้นำประเด็นเหล่านี้มาพิจารณานับเป็นเรื่องสำคัญที่จะบอกว่า ที่สุดแล้ว อำเภอใหม่ล่าสุดลำดับที่ 878 นั้นจะเดินไปทางปาย หรือ ทางไหน
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น