คอลัมน์ : เมืองไทยหรือเมืองใคร?
เรื่อง : ทางรอดวันนี้สีแดง (๒)
โดย : กาหลิบ
ตอน ต่อในวันนี้มาจากแรงบันดาลใจที่ได้คุยกับเพื่อนคนหนึ่งที่เคยเป็น ส.ส. และอยากจะเป็นอีกทุกครั้งที่มีเลือกตั้ง หลังจากที่เขาคนนี้ได้อ่านบทความเรื่อง “ทางรอดวันนี้สีแดง” เมื่อสัปดาห์ก่อน
เขาพูดว่า “ผมอ่านที่คุณเขียนแล้วอยากบอกว่า มวลชนเสื้อแดงมีประโยชน์แน่ เพราะสุดท้ายก็จะช่วยหย่อนบัตรลงคะแนนให้พวกเรา ทำให้เราชนะเลือกตั้งเป็นรัฐบาลได้ แต่ระยะหน้าสิ่วหน้าขวานอย่าให้แสดงออกชัดเจนนักเลย เพราะที่ผ่านมาขบวนการเสื้อแดงก็อื้อฉาว จะทำให้เรามีศัตรูมาก”
ผม มองตาเขานิ่งอยู่ชั่วอึดใจหนึ่ง พยายามจะอ่านว่าสติปัญญาตื้นเขิน อุปนิสัยมักง่าย หรือความคิดของเขามีอันตรายที่ลึกซึ้งไปกว่านั้น สุดท้ายก็ต้องพูดกับเขาในสิ่งที่จะเขียนต่อไปจากนี้ และพูดโดยไม่ห่วงว่าจะเสียเพื่อนหรือไม่ ความคิดเช่นนี้ไม่ได้เกิดขึ้นในหัวของคนๆ นี้คนเดียว ถ้าไม่ระงับยับยั้งกันไว้เสียแต่บัดนี้ ก็จะกลายเป็นพิษร้ายทำลายประชาธิปไตยได้
คุณรู้ตัวหรือไม่-ผม ว่า-วันนี้พรรคของคุณเป็นฝ่ายพึ่งพาอาศัยมวลชนฝ่ายประชาธิปไตยที่มีคนในชุด แดงเป็นสัญลักษณ์ไม่ใช่มวลชนเขาพึ่งคุณ และไม่ได้มานั่งรอให้คุณใช้เขาเครื่องมือเอาชนะเลือกตั้งเท่านั้น เพียงแต่ว่ามวลชนยังขาดการจัดองค์กร ไม่มีทั้งองค์กรนำและแผนปฏิบัติงานที่ชัดเจน จึงทำให้มวลชนต้องรวมตัวกันตามมีตามเกิด โดยยึดเอาแนวทางของแกนนำนั้นๆ เป็นหลัก หากแกนนำดีและมีประสิทธิภาพก็รวมตัวกันได้นาน ถ้าแกนนำล้าหลัง วางอำนาจ และขี้โกง ก็จะเกิดวิวาทบาดหมางกันจนกลุ่มสลายไป เช่นที่เกิดมาจนนับกลุ่มไม่ถ้วน
ปัญหาในวันนี้อยู่ที่คนแบบคุณไม่มี ปัญญาจัดตั้งองค์การนำและเป็นแกนนำที่มีจิตใจสูงพอสำหรับมวลชนที่เขาจริงจัง และจริงใจต่างหากเล่า คุณถึงได้ถูกจำกัดอยู่แค่เกมเลือกตั้ง ซึ่งเป็นโลกทั้งโลกที่คุณรู้จัก ในขณะที่มวลชนตัวจริงเขากว้างขวางลึกซึ้งกว่าโลกแคบๆ นั้นมาก
เขาย้อนถามว่าแล้วจะให้ทำอะไร
สูง สุดของงานมวลชนในวันนี้คือการจัดตั้งทางความคิด ไม่ใช่การหาเสียงหรือจัดสร้างเครือข่ายหัวคะแนน ซึ่งเป็นงานรองที่ทำในภายหลังได้เสมอ
ความคิดที่ว่านี้คือ อนาคตของระบอบการเมืองการปกครองและโครงสร้างใหญ่ของเมืองไทย ที่มวลชนเสื้อแดงส่วนใหญ่เรียนรู้จากประสบการณ์ทางการเมืองเรื่อยมาตั้งแต่ รัฐบาลประชาธิปไตยที่ได้ผล มาจนถึงเหตุการณ์ชิงอำนาจไปจากมือของประชาชนจนกระทั่งบัดนี้ หากไปถามด้วยศัพท์แสงสูงๆ แบบนักวิชาการ คงจะพูดไม่ถูกกันนัก แต่ถ้าถามความต้องการที่มันเป็นเนื้อในของภาษาเหล่านั้น เขาตอบได้ฉาดฉานกันทุกคน
คุณต้องขอร้องให้มวลชนชวนกันเข้าร่วมใน กิจกรรมทางปัญญาเหล่านี้กันมากๆ ถ่ายทอดทัศนะที่เป็นประชาธิปไตยแท้ๆ ไม่ว่าจะเป็นความเสมอภาค เสรีภาพ ความเคารพในกฎหมาย ความยุติธรรมที่บกพร่องอย่างหนัก สุดท้ายจึงชวนกันมาสู่กระบวนการเลือกตั้งภายใต้แรงกดดันทางสังคมเพื่อไม่ให้ คดโกงในขั้นตอนดำเนินการและป้องกันการบิดพลิ้วเจตนารมณ์ของผู้ใช้สิทธิ์
ไม่ ใช่ขึ้นต้นก็เลือกตั้งกันเป็นบ้าเป็นหลัง ชนิดแทบจะฉุดมือกันไป แถมยังฉุนโกรธคนที่ตักเตือน ทั้งที่คุณก็ยืนยันไม่ได้ว่าเราจะได้รับการปฏิบัติอย่างอารยะสมตามหลักการ ประชาธิปไตยหรือไม่ เมื่อ ๒๓ ธันวาคม ๒๕๕๐ ที่โดนโกงเจตนารมณ์ก็ยังไม่มีหน้าไหนวิเคราะห์ได้ว่าเหตุใดคราวนี้จะไม่เกิด การหักดิบเช่นนั้นอีก
สรุปแล้วคือ พรรคการเมืองฝ่ายประชาธิปไตยต้องทำตัวให้สมกับความเป็นเวทีสะท้อนทางการเมือง
ไม่ใช่สโมสรต่อรองผลประโยชน์หรือเฉือนคมกันในหมู่ผู้เชี่ยวชาญทางการเมือง
เดินเข้าพรรคก็อย่าให้มวลชนรู้สึกเหมือนเข้าธนาคาร ไม่มีบรรยากาศของความอบอุ่นและการแลกเปลี่ยนทางความคิดเลยแม้แต่น้อย
จัดกันแบบนั้นฮวงจุ้ยอีกห้าร้อยตำราก็ช่วยอะไรคุณไม่ได้
ผมลงท้ายกับเขาไว้ว่า ถ้าเราจัดตั้งเสื้อแดงอย่างจริงจัง เราจะเปลี่ยนประเทศนี้ได้เสมอ.
---------------------------------------------------------------------------------
เรียบเรียงโดย Nangfa
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น