23 กันยายน, 2010 - 12:21 | โดย saengdao
ถ้าจะ พูดถึงเหตุการณ์อันเศร้าสลดหดหู่ของสังคมนี้ ทั้งที่ผ่านมาจนถึงปรัตยุบัน เราคงแยกออกไม่ได้จากเหตุการณ์ประวัติศาสตร์สังคมไม่ว่าจะเป็นประเทศสมมุติ ใดๆ
สำหรับประเทศไทยสมมุติอันเปลี่ยนผ่านมาตั้งแต่ยุคบุพกาล (ความจริงในยุคบุพกาลนั้นยังไม่มีประเทศดอก (แต่ขอใช้คำนี้
) ยุคทาสศักดินาอมาตยาฯ จนกระทั่งคณะราษฏร์นำโดยท่านปรีดี พนมยงค์ ทำการปฏิวัติล้มระบบสมบูรณาญาสิทธิราชเมื่อ พ.ศ.๒๔๗๕ มาถึงปัจจุบัน … เราผ่านการนองเลือดมานานแล้ว ไม่ว่าจะเป็นเหตุการณ์ ๑๔ ตุลาฯ ๑๖ , ๖ ตุลาฯ ๑๙ , พฤษภาฯ ๓๕ กระทั่งมาจนปี ๔๙ - ๕๓ … มาบัดนี้มีการแบ่งแยกสีสมมุติต่างๆ นานา เช่น เหลือง แดง น้ำเงิน ดำ และหลากสี ฯลฯ ที่มีการห้ำหั่นนองเลือดกัน …
เหลือง ก็โดนถล่ม แดง ก็โดนถล่ม ฯลฯ เลือดนองบนท้องถนนไปตามๆ กัน เป็นที่น่าเวทนานัก ทั้งๆที่เราไม่ต้องการให้มีการหลั่งเลือด อยาก ให้คนในชาติไทยสมมุติสมานฉันท์สามัคคีกัน (ทว่า จักเป็นไปได้ฤา? เมื่อสังคมมนุษย์ยังมีชนชั้น สังคมมนุษย์ประเทศสมมุติอื่นๆ ด้วย… คือมีชนชั้น ผู้กดขี่กับชนชั้นผู้ถูกกดขี่ ความจริงไม่อยากใช้คำนี้ เดี๋ยวจะว่าซ้ายจัด เอ๊า ใช้อีกคำก็ได้ คือ มีผู้มีผลประโยชน์ เป็นอภิสิทธิชน กับผู้เสียผลประโยชน์ ต่ำต้อยเป็นไพร่ราบติดดิน … ดังนั้นวาทกรรมที่ดูสวยหรูวิลิศมาหรา
จาก ชนชั้นผู้ปกครองและพวกเผด็จการทุกสายพันธุ์นั้นเป็นไปบ่ได้ดอก … แต่ เหตุการณ์ที่ผ่านมาในเร็วๆ นี้ เราอย่ามองเพียงด้านลบด้านเดียวเสมอไป เราต้องมองด้านบวกของสีเสื้อสมมุติของแต่ละสีด้วย …)
* สีเหลืองสมมุติ ก็ มีคุณูปการในการเปิดโปงรัฐบาลพลเรือนทุนนิยมสามานย์สุดโต่งในระบบทักษิณฯ ที่ทำลายธรรมชาติ รากเหง้าวิถีชีวิตของชุมชน ประชาชน ของโลกด้วย (Global warming … โลกร้อนขึ้นมาทุกทีแล้วโว๊ย … มีเสียงใครที่ไหนก็บ่ฮู้ ตะโกนตวาดมา) และรัฐบาลสมมุติทุกรัฐก็ทำลายเช่นกันดูการสร้างถนนขึ้นเขาใหญ่ที่เป็นข่าวในปัจจุบันนี้สิ … ตามความคิดเห็นของฉัน เวทีสีเหลืองที่นำโดยแกนนำบางส่วนจำเป็นต้องเชิดชู ศักดินาอมาตยาฯ ก็เพราะในหมู่มวลชนก็มีหลากหลาย ทั้งชาวบ้าน ชนชั้นกลาง พวก loyalists และพวกราชนิกูล ฯลฯ แกนนำ บางส่วนเขาก็ต้องมียุทธศาสตร์ ยุทธวิธี และรู้จักแสวงจุดร่วม สงวนจุดต่าง ที่จะโค่นล้มระบบเผด็จการพลเรือนทักษิณฯ (ที่แม้จะอ้างว่ามาจากการเลือกตั้ง แต่ก็โคตรโกง โคตรเผด็จการเหมือนกัน ไม่แตกต่างเผด็จการพลเรือนชาติชายฯ ชวน หลีกภัย สมัครฯ สมชายฯ และเผด็จการอภิสิทธิ์ – สุเทพ เทือกฯ ดอก ฯลฯ
เป็นที่รู้ๆ กันอยู่แล้วไม่ต้องสาธยาย สำหรับผู้ที่รู้เห็นถึงธาตุแท้ มิใช่มองเพียงปรากฏการณ์
! ) … ใน เวทีสีเหลือง ณ ลานพระพุทธรูปทรงม้า มีกวี นักคิด นักเขียน ศิลปิน นักวิชาการ ฯลฯ ขึ้นแจมด้วย (ตัวฉันเองก็ขึ้นด้วย) ไม่ว่าจะเป็นพี่เนาวรัตน์ พงษ์ไพบูลย์, พี่คมทวน คันธนู , อ้ายวสันต์ สิทธิเขตต์ , น้าหว่อง – น้าหงา-คาราวาน, น้าซูซู, น้าเศก ศักดิ์สิทธิ์ ฯลฯ ซึ่งคนเหล่านี้ในวัตรปฏิบัติของเขา เขาต้านเผด็จการอยู่แล้ว ที่เขาขึ้นเวทีเพราะเขาต้องการโค่นล้มระบบเผด็จการพลเรือนทักษิโณมิค มิได้ต้องการเชิญชวนเผด็จการทหาร คมช. มารัฐประหารดอก (ส่วนแกนนำบางคนจะเชิญชวนก็เป็นเรื่องของเขา) เราปล่อยให้เผด็จการทุกสาย พันธุ์แม่มมมมันบี้กัน ประชาชนเราก็ “อยู่บนภูดูหมากัดกัน” ก็แค่นั้นเอง แต่ก็ถูกด่าว่าทั้งในสื่ออินเตอร์เนต ตลอดจนซุบซิบนินทาเลือกข้างแบบบักเดียวสุดโต่ง ฯลฯ … ปัดธ่อ ข้าฯอยากให้เผด็จการศักดินาอมาตยาฯ และเผด็จการทุกสายพันธุ์สูญพันธุ์จะตายไป และที่พี่น้องนักคิด กวี ศิลปินที่ขึ้นเวทีเสื้อแดง เช่น อ้ายวัฒน์ วรรยางกูร, อ้ายไม้หนึ่ง ก. กุนที และการแถลงการณ์ของศิลปินกวี นักเขียน ที่ต่อต้านเผด็จการ คมช. เราก็ยังไม่ต่อว่าเขาเลย กลับคารวะเขาอีกเพราะรู้ว่าเขามีจิตวิญญาณต่อ ต้านเผด็จการทหารอันก้าวพ้นจากเผด็จการทักษิณฯ
*สีแดงสมมุติ ก็ มีคุณูปการเฉกกัน ในการเปิดโปงระบบเผด็จการศักดินาอมาตยาฯ ซึ่งก็เป็นเผด็จการอีกสายพันธุ์หนึ่ง และมีคราบของอภิมหาบริโภคทุนนิยมสุดโต่งด้วย ล้วนเป็นอภิสิทธิ์ชนเช่นกัน มีผลประโยชน์เช่นกัน ทำลายธรรมชาติวิถีชีวิตของชุมชน ประชาชนของโลกเช่นกัน ฯลฯ
- - - ตราบใด ที่มหาประชาชนเรา (รวมถึงทุกชนชั้นทุกชั้นชนที่รักความเป็นธรรมเป็นไท) ไม่ปฏิรูป - ปฏิวัติโครงสร้างสังคมในส่วนที่ห่วยแตกสามานย์อย่างแท้จริง ไม่รวมพลัง กัน ประชาธิปไตยที่แท้จริงก็มิมีวันบังเกิดขึ้นได้ (แม้ชาติหน้าตอนบ่ายๆ) จะ เป็นไปได้ไหม หากทุกสีสมมุติที่มีจุดยืนเพื่อประชาชน เพื่อประชาธิปไตยที่แท้จริง จะมาจับมือรวมพลังเปลี่ยนแปลงโครงสร้างสังคม สร้างประชาธิปไตยที่แท้จริงให้เป็นจริงจนได้ ? !!!
อย่างไรก็ตาม ความขัดแย้งในปัจจุบัน แม้จะมีการ หลั่งเลือด (ทั้งๆ ที่เราไม่ต้องการให้มีการหลั่งเลือด เนื้อของประชาชน ไม่ว่าจะเป็นฝ่ายสมมุติใดก็ตาม ล้วนเป็นสิ่งสลดหดหู่หัวใจยิ่งของสังคมนัก …) แต่ถ้าเรามองอีกด้านหนึ่ง มันก็เป็นช่วงเปลี่ยนผ่านประวัติศาสตร์ของประชาชน ณ ยุคปรัตยุบันนี้ ซึ่งเรามิอาจไป STOP กงล้อประวัติศาสตร์ได้ !
ตถาตา … มันเป็นไปเช่นนั้นเอง
อิสลามมาลากุม, อาเมน, สาธุ.
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น