วันพฤหัสบดีที่ 1 กรกฎาคมพ.ศ. 2553
คอลัมน์ เมืองไทยหรือเมืองใคร?
เรื่อง ความตายของน้ำหวาน
โดย กาหลิบ
เขาตายอย่างฉับพลันบนถนนที่พลุกพล่าน มอเตอร์ไซด์ที่เขาซ้อนท้ายมาถูกชนกลางลำโดยรถกระบะลึกลับ จนเจ้าตัวและคนขี่กระเด็นกระดอนไปคนละทาง
เหตุ เกิดบนถนนสายลำลูกกา-ธัญญบุรี ในบริเวณคลอง ๗ ท่ามกลางผู้คนที่สัญจรไปมามากมาย แต่จนบัดนี้ตำรวจได้แต่ลงบันทึกประจำวันไว้แต่เพียงว่า เป็นรถกระบะที่ไม่ทราบสีและป้ายทะเบียนรถ ทำท่าจะกลายเป็นคดีชนแล้วหนีที่เตรียมแขวนผลเอาไว้ล่วงหน้าว่าไม่อาจสรุปคดี ได้
เขาคือ ธนพล แป้นศรี หรือ น้ำหวาน ผู้หน้าที่เป็นผู้อารักขาคุณ
นอกจาก อ้วน บัวใหญ่ ผู้ใกล้ชิดกับแกนนำอย่าง อดีต ส.ส. สุภรณ์ อัตถาวงศ์ และผู้ใกล้ชิดแกนนำพัทยาและศรีสะเกษตามที่ปรากฏเป็นข่าวแล้ว บัดนี้ก็ต้องเพิ่มชื่อ น้ำหวาน เข้าไปอีกหนึ่ง
เช่น เดียวกับการ์ดจำนวนหลายสิบคนที่ขณะนี้หายตัวไปอย่างลึกลับ จะคิดว่าหลบซ่อนตัวก็นานเกินเวลาอันสมควรและควรหาทางติดต่อกลับมายังผู้ดูแล ของแต่ละคนได้แล้ว แต่ก็ไร้วี่แวว
มวลชนฝ่ายประชาธิปไตยได้ข่าวนี้แล้ว ก็รู้ทันทีโดยไม่ต้องรอฟังถ้อยคำโกหกมดเท็จจากฝ่ายรัฐว่า การไล่ล่าเอาชีวิตฝ่ายประชาธิปไตย โดยเน้นวิธีฆาตกรรมอำพราง ทำให้ดูประหนึ่งว่าเป็นอุบัติเหตุและอื่นๆ ที่ไม่ใช่การฆาตกรรมโดยตรง บัดนี้คือครรลองหลักของการอยู่ร่วมกันในราชอาณาจักรที่มีชื่อว่าไทยไปแล้ว
พร้อม กับที่รัฐบาลออกมาดัดจริตเรื่อง “ปรองดอง” อยู่ทุกสื่อ
ครับ นอกจากมายาเรื่องปรองดองและความอำมหิตของฝ่ายที่เกลียดชังประชาธิปไตยแล้ว ขณะนี้ต้องสงเคราะห์ว่าไม่มีสาระใดๆ ที่เกี่ยวกับประเทศไทยเลย
อ้อ มีสารคดีเฉลิมพระเกียรติที่ออกบ่อย ออกมาก และออกหลายครั้งเพิ่มขึ้นมาอีกส่วนหนึ่ง
ส่วนความลำเค็ญทางเศรษฐกิจและสังคมของคนไทยส่วน ใหญ่ของประเทศนั้น แทบไม่มีใครพูดถึง เหมือนไม่มีความสำคัญใดๆ อีกแล้ว
เพราะ มันจะเสียบรรยากาศความชื่นมื่นของผู้ปกครองที่สำคัญว่าตนกำลังได้รับชัยชนะ เหนือหัวมวลชน
การตายของ น้ำหวาน จึงถูกจัดรวมอยู่ในประเภทความตายของมวลชนชั้นล่างหรือรากหญ้า ไม่คู่ควรกับการเป็นข่าวใหญ่และไม่มีความสำคัญ
การตาย รอบราชประสงค์ก็ไม่สำคัญ
การตาย คาวัดปทุมวนารามก็ไม่สำคัญ
การตาย ในคุกหรือที่คุมขังก็ไม่สำคัญ
ความ ตายอันลึกลับเป็นปริศนาก็ไม่สำคัญ และไม่มีใครในภาครัฐกล้าติดตามต่อเนื่องให้รู้ชัดว่าเกิดอะไรขึ้นในบ้าน เมืองนี้
เหตุการณ์ ที่เกิดขึ้นกับ น้ำหวาน ในฐานะที่เป็นรายล่าสุด แต่ไม่ใช่รายสุดท้าย เป็นการยืนยันว่าแกนนำที่ตัดสินใจหลบหลีกภัยอันตรายออกนอกราชอาณาจักรแห่ง นี้ไปนั้น ตัดสินใจถูกต้องที่สุดแล้ว ถ้าอยู่ต่อไปก็ถูกฆ่าหรือถูกขัง บั่นทอนความมั่นใจและกำลังใจของมวลชนไปทุกๆ วัน
ผู้ที่ จะสู้ต่อได้ต้องอยู่อย่างเสรีชน รวบรวมความพร้อมทางศีลธรรม จริยธรรม และอื่นๆ เพื่อกลับมาลุกขึ้นสู้ในเวลาอันควร
ต้องทำ ให้ความตายของ น้ำหวาน มีค่าและเป็นประวัติศาสตร์เช่นนั้น.
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น