คอลัมน์ : เมืองไทยหรือเมืองใคร?
เรื่อง : กัมพูชาสากล
โดย : กาหลิบ
พอได้ยินข่าวว่าราชอาณาจักรกัมพูชาจัดงาน “วันโกรธแค้นไทย” เพื่อย้อนเหตุการณ์บุกเผาสถานเอกอัครราชทูตไทย ณ กรุงพนมเปญ ในช่วงต้นๆ รัฐบาลทักษิณ เราพอมีพรรคพวกบ้าง ก็สอบสวนทวนพยานทันทีว่ามันเกิดอะไรขึ้น จะราดน้ำมันลงบนกองไฟไปอีกทำไมหรือ?
แล้วก็พบว่าเป็นปาหี่สร้างข่าว ของฝ่ายสื่อใต้อำนาจรัฐไทยมากกว่าอะไรอื่น
งานนี้จัดโดยฝ่ายค้านของ กัมพูชา ซึ่งมีสมาชิกจำนวนน้อยนิดในสภาผู้แทนราษฎรของเขาจนไม่มีอำนาจจะไปกำหนด นโยบายหรือเปลี่ยนแปลงอะไรได้ ผู้คนจัดงานเบ็ดเสร็จมี ๘ คน มีคนมาร่วมงานอีกหย่อมหนึ่ง มากกว่าคนจัดนิดหน่อย
เป็นงานหาเสียงแนว หาเรื่องเพื่อนบ้าน ตามหลักคิดแบบเก่าที่ว่าคนในชาติจะได้ร่วมมือร่วมใจกันดี
รัฐบาล กัมพูชาโดยนายกรัฐมนตรีสมเด็จฮุนเซ็นก็ส่งคนไปตรวจสอบไม่ให้ทำอะไรเกินเลย เหมือนเมื่อคราวบุกเผาอาคารสถานทูต
งานก็จบลงในเวลาราวหนึ่งชั่วโมง
แต่ เห็นไหมว่า สื่อไทยนำออกมาตีประโคมเป็นข่าวราวกับว่าเขาปิดกัมพูชาทั้งประเทศกันเพื่อ จัดงานนี้
ราวกับว่ารัฐบาลกัมพูชาเป็นแม่งานนี้เอง และจัดขึ้นเพื่อหาเรื่องไทยโดยเฉพาะ
จนมีคนไทยบ้าจี้ตามหลายคน จะจัดงานตอบโต้กัมพูชาบ้าบออะไรไปโน่น
ขณะนี้รัฐบาลไทยกำลังเดินตาม ลักษณะนิสัยของเผด็จการไทยก่อนปี พ.ศ.๒๔๗๕ ทุกประการ ที่เริ่มต้นด้วยความคิดว่าข้าคือความถูกต้อง (self-righteousness) ข้าคือกฎหมาย ไปจนถึงการใช้เล่ห์กระเท่ทุกอย่างในการกวาดล้างฝ่ายตรงข้าม โดยมีสื่อและปัญญาชนฝ่ายตนเองคอยประโคมว่าทำถูกและควรทำ บนความชอกช้ำของคนธรรมดาสามัญ
การดูถูกเพื่อนบ้านรอบทิศเป็นมรดกที่ เลวร้ายอย่างหนึ่งของระบอบเก่านั้น
ไม่เฉพาะกัมพูชา รวมถึงพม่า ลาว มาเลเซีย และรัฐที่ชายแดนไม่ติดต่อกันอย่างเวียดนามด้วย
รู้ล่ะครับ ว่าโกรธเขาที่เขาไม่ก้มหัวให้เผด็จการโบราณของไทย ก็เลยต้องหาเรื่องโจมตีกันตลอดเวลาอย่างคนขาดสติ แต่รู้หรือไม่ว่าคนทั่วโลกเขาก็มองอยู่ว่า ศักดินาไทยกำลังทำตัวเป็นเด็กอนุบาลหรือเป็นผู้ใหญ่ที่ครั้งหนึ่งเขาเคยมั่น ใจว่าเราเป็นแล้ว แล้วความเสียหายมันจะเกิดขึ้นกับคนไทยที่ต้องออกไปคบค้าสมาคมกับชาวโลกเขา
เมื่อ สัปดาห์ก่อนนี้เองก็เพิ่งเห็นข่าวการซ้อมรบและการสัมมนาร่วมทางทหารใน กัมพูชา มีทหารเข้าร่วมหลายประเทศรวมทั้งไทย ข่าวว่าผู้บัญชาการทหารระดับสูงของหลายประเทศในโลกได้ถามถึงสถานการณ์ไทยใน ทัศนะของนายกรัฐมนตรีแห่งกัมพูชา รวมทั้งคณะจากสหรัฐอเมริกาด้วย
เขา พูดอะไรไม่รู้ แต่เห็นได้ชัดว่าโลกให้ความสนใจและฟังกัมพูชามากกว่าจะฟังรัฐบาลชุดนี้ของ ไทย เขาก็ย่อมมีโอกาสสูงกว่าในการชี้นำมติมหาชนโลก หรืออย่างน้อยก็ของรัฐบาลหลายประเทศ
ทำไมบทบาทชี้นำถึงหลุดจากไทยไปเป็น ของประเทศอื่น?
ก็เพราะเล่นเป็นเด็กแย่งของเล่นจากฝ่ายประชาธิปไตย อยู่นี่ไง
ใครจะไปนับถือ
ยิ่งสมเด็จฮุนเซ็นพูดชัดๆ กับรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการต่างประเทศสหรัฐอเมริกาเมื่อไม่กี่วันมานี้ ว่า ขอให้สหรัฐฯ สร้างแรงกดดันให้รัฐบาลไทยยอมรับบทบาทร่วมกับฝ่ายประชาธิปไตยและไม่ควรไล่ ล่าฆ่าฟันอย่างที่กระทำอยู่อย่างแพร่หลายในขณะนี้ แล้วสหรัฐฯ รับหลักการนั้น ต่อไปความโดดเดี่ยวของไทยก็จะยิ่งหนักข้อขึ้น
คนที่ ได้รับผลกระทบจากแรงกดดันอย่างนี้คือประชาชนคนไทยในระดับเดินดิน
เขา ไม่ได้มีบริษัทจัดการทรัพย์สินส่วนตัวเอาไว้กระโจนหนีเมื่อจวนตัวเหมือนบาง คนนี่ครับ!
--------------------------------------------------------------------------------
เขียนโดย Nangfa
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น