คอลัมน์ เมืองไทยหรือเมืองใคร?
เรื่อง ฆาตกรต่อเนื่อง
โดย กาหลิบ
ในสังคมที่วิปริตผิดเพี้ยนจากธรรมชาติของ มนุษย์มากๆ มักจะเกิดการทำลายชีวิตของคนอื่นๆ ด้วยเหตุผลอันวิปริตผิดเพี้ยนเช่นกัน เราได้ยินอยู่เสมอว่า ในยุโรปและสหรัฐอเมริกา มีนักฆ่าคนที่ไม่ค่อยจะได้พบเห็นกันนักในสังคมตะวันออก นั่นคือฆ่าโดยไม่ได้อาฆาตโกรธแค้นผู้ตายเป็นการส่วนตัว ไม่ต้องการเงินทองทรัพย์สินของเขา หรือไม่ได้บันดาลโทสะใดๆ เลย แต่เป็นการฆ่าคนตามปมผิดเพี้ยนบางอย่างในใจของเขาเอง เช่น เคยหิ้วโสเภณีไปนอนแล้วติดโรค จึงออกไล่ล่าฆ่าโสเภณีเป็นสิบๆ ศพ บางคนเคยถูกเพื่อนนักเรียนกลั่นแกล้งรังแก ก็เลยล่อลวงคนที่มีความประพฤติคล้ายกัน หรือมีบุคลิกคล้ายคลึงกันไปฆ่าเสีย เป็นต้น
เนื่องจากการฆ่าแบบนี้มักจะเกิดขึ้นต่อเนื่องเป็นชุด บางครั้งกินเวลายาวนานหลายสิบปีก็มี จึงเกิดศัพท์บัญญัติสำหรับพฤติกรรมปาณาติบาตเยี่ยงนี้ว่า การฆาตกรรมต่อเนื่อง หรือ serial killings
เล่ามานี้เพื่อจะ บอกว่า เมืองไทยแทบจะไม่เคยผ่านประสบการณ์แบบนี้ เพราะความที่ครองวิถีพุทธ (ถึงจะมีศาสนิกอื่นด้วย) มาเนิ่นนาน ความผิดเพี้ยนเช่นนี้จึงไม่เกิดมากนักในระดับประชาชน
แต่กลับ ปรากฏว่าไปเกิดมากในชนชั้นปกครองของไทย โดยเฉพาะตัวผู้ปกครองหลักผู้มีความวิปริตผิดเพี้ยนมาตั้งแต่คนไทยส่วนใหญ่จำ ความได้ เพียงแต่ไม่กล้าพูดดังไปกว่าเสียงกระซิบ
ล่าสุดคือการส่ง สัญญาณให้ยุบพรรคประชาธิปัตย์ ที่ถูกร้องเรียนว่ารับเงินบริจาคทางการเมืองและใช้เงินบริจาคนั้นอย่างผิด กฎหมาย
ย้อนกลับไปในช่วงก่อนการปราบปรามประชาชนในช่วงเดือน เมษายน-พฤษภาคม ๒๕๕๓ ไม่มีสัญญาณใดๆ ว่าพรรคประชาธิปัตย์อาจจะถูกยุบ
ยัง ไม่มีหน้าไหนออกมาเดือดร้อน
นายชวน หลีกภัยยังไม่ต้องกระโดดออกมาร่ายรำ
แต่เมื่อฆ่าผู้บริสุทธิ์แล้ว จนรัฐบาลขี้ข้าธรรมดากลายเป็นรัฐบาลขี้ข้ามือเปื้อนเลือด เหตุการณ์ก็เริ่มจะเปลี่ยนไปสำหรับพรรคประชาธิปัตย์
ไม่ใช่ ว่าผู้ทรงอำนาจเมืองไทยคนไหนเกิดดวงตาเห็นธรรมจนต้องการลงโทษพรรคประชา ธิปัตย์ในบาปกรรมที่ก่อขึ้น แต่เป็นเพราะการบริหารจัดการปัญหาตามใบสั่งอย่างชุ่ยๆ จนเรื่องลุกลามไปถึงคนสั่งและครอบครัว ความชอบธรรมของประชาธิปัตย์ในฐานะมือปืนรับจ้างของฆาตกรตัวจริงจึงหมดไป
หมด แล้วเขาก็ไม่รู้จะเก็บไว้ทำเจ้าอะไร สัญญาณกำจัดกวาดล้างจึงเกิดขึ้น
คน สั่งเขารู้ดีว่า พรรคอย่างประชาธิปัตย์นั้น ยุบแล้วก็ตั้งใหม่ได้เหมือนตุ๊กตาล้มลุก แต่สิ่งที่เขารู้ดีว่าจะเกิดขึ้นควบคู่กันไปคือ การเปลี่ยนแปลงอำนาจในพรรคเมื่อโครงสร้างปัจจุบันต้องพังพาบลง
พูด ง่ายๆ ว่ากำจัดนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะและนายสุเทพ เทือกสุบรรณได้ง่ายที่สุดด้วยวิธีนี้ ตัวนายชวนหัวหรือนายหัวชวนเขาก็พร้อมเสียบแทนอยู่แล้ว
พร้อมกันนั้น ก็สร้างการแข่งขันขึ้นในพรรคประชาธิปัตย์ ระหว่างค่ายต่างๆ ที่ขับเคี่ยวกันอยู่ว่า ใครจะเสนอกรรมวิธีกำจัดศัตรูและรักษาผลประโยชน์ต่างๆ ได้ดีกว่าคนอื่นๆ คนนั้นก็จะได้ขึ้นมาแทนในนามพรรคใหม่
หรือถ้าผู้บริหารปัจจุบันปรับ ตัวทัน รีบเร่งเสนอผลประโยชน์ในสัมปทานชีวิตในครั้งนี้จนถูกใจผู้เฒ่า พรรคก็อาจจะไม่ถูกยุบ รัฐบาลก็ยังดำรงสภาพต่อไปได้จนถึงการสอบแข่งขันครั้งใหม่ที่เขาจะกำหนดขึ้น มา
ชะตากรรมของลูกน้องเผด็จการทรราชมันก็เป็นเช่นนี้
ใครที่ ไม่เคารพประชาชน ดูถูกพลังของปวงชน และเอาใจแต่ผู้มีอำนาจซึ่งมีจิตใจวิปริตผิดเพี้ยนเอาแต่อำนาจอันล้นพ้นของ ตัวเองเป็นหลัก ในที่สุดก็จะจบชีวิตทางการเมืองแบบนี้
ตราไว้ตรงนี้ นะครับ ถึงพรรคประชาธิปัตย์จะถูกยุบทิ้ง ก็ไม่ได้แปลว่าเมืองไทยของท่านมีความงามและความดีขึ้นมาในระบอบการเมืองที่ พิกลพิการ สิ่งที่เกิดขึ้นเพียงแสดงว่ารีโมตคอนโทรลเมืองไทยอยู่ในมือของใครเท่านั้น เอง
ใครเป็นเหยื่อและใครเป็นฆาตกร เป็นเรื่องที่ต้องสังเกตให้ดีครับ.
--------------------------------------------------------------------------------
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น