Sun, 2010-10-03 10:48
ใบตองแห้ง
อยากรู้จังว่าพรรคการเมืองใหม่จะกล้าส่งสมัครเลือกตั้งซ่อมที่สุราษฎร์ แข่งกับเทพเทือกหรือเปล่า อย่าอ้างนะว่ากลัวจะไปตัดคะแนนกันทำให้พรรคเพื่อไทยชนะ หัวร่อท้องคัดท้องแข็งตายเลย
ในขณะที่พันธมิตรบางคนเย้ยหยันว่าเสื้อแดงหมดท่าแล้ว ที่ไปชุมนุมราชประสงค์วันที่ 19 กันยา เป็นแค่อาฟเตอร์ช็อก เราก็ต้องถามกลับว่าแล้วพันธมิตรล่ะ เหลืออะไร คุณว่าคุณชนะแล้ว ตกลงคุณได้อะไรบ้าง ที่ไม่ใช่แค่ผลประโยชน์หรือลาภยศสรรเสริญสำหรับบางคน แต่เป็นสิ่งที่คุณสัญญิงสัญญากับมวลชนไว้บนเวที โดยเฉพาะเมื่อยึดทำเนียบ สถาปนาอุดมการณ์ “การเมืองใหม่” ในปี 2551
โอ้ การเมืองใหม่อันใสสะอาด ปราศจากทุจริตคอรัปชั่น สถาปนาระบบคุณธรรมจริยธรรมให้ยั่งยืนสถาพรในประเทศไทย
การเมืองใหม่ของเราไม่ใช่ 70-30 นะ นั่นเป็นแค่ตุ๊กตา แต่เราต้องการไปให้พ้นจากการเมืองเก่าน้ำเน่า นักการเมืองฉ้อฉลโกงกิน ฯลฯ พูดกันไปเรื่อย แต่กลับมาช่วยค้ำจุนการเมืองเก่าเน่าโคตรๆ ภายใต้ลัทธิมาร์ค-เนวิน
อ.เกษียร เตชะพีระ ชอบเล่าให้ฟังว่าน้องสาวท่านเป็นพันธมิตร ไปร่วมชุมนุมด้วยความเชื่อความหวังว่า นับแต่นี้ไปบ้านเมืองจะใสสะอาด ไม่มีทุจริตคอรัปชั่นอีกเลย มวลชนพันธมิตรที่ผมรู้จักส่วนใหญ่ก็เป็นเช่นนั้น ผู้เฒ่าผู้แก่ที่เขียนจดหมายมาคุยในไทยโพสต์ ล้วนคิดว่าพวกท่านจะทำให้บ้านเมืองมีคุณธรรมจริยธรรมสืบทอดชั่วลูกชั่วหลาน
ไม่ทราบว่าป่านนี้อกแตกกันไปหรือยัง เมื่อเห็นโผแต่งตั้งโยกย้ายตำรวจ ผู้ว่าฯ ที่สุดอัปลักษณ์ หรือ “ปลง” กันได้แล้วว่า สุดท้ายเมืองไทยก็ได้แค่นี้
คุณประสาร มฤคพิทักษ์ สว.ลากตั้ง (ผู้ต่อสู้เพื่อประชาธิปไตยมาตั้งแต่ 14 ตุลา แต่ประชาธิปไตยไม่เคยให้อะไรท่านเลย มีแต่เผด็จการที่ทำให้ได้เป็น สว.) ออกมาพูดว่าการแต่งตั้งโยกย้ายครั้งนี้เป็นเหมือนระบบ “บาเตอร์เทรด” แล้วนายกฯ จริตนิยมก็ตั้งกรรมการสอบว่าที่ปลัดมหาดไทยพอเป็นพิธี เป็นข่าวไม่กี่วัน ก็ดูท่าจะลอยนวล แล้วไม่มีใครวิพากษ์วิจารณ์อีก พวก สว.“น้ำดี” หรือนักวิชาการเครือข่ายพันธมิตรปิดปากเงียบ สื่ออาจจะตีข่าว แต่เป็นแค่ข่าวรอง หันไปพาดหัวข่าวคนโรคจิตโทรบาทเดียวขู่ระเบิดศิริราช (โดยพุ่งเป้าให้เป็นคนเสื้อแดง) หรือไม่ก็ข่าวฟิล์ม แอนนี่ สนุกกว่า
อย่าอ้างนะว่าเป็นธรรมดาที่รัฐบาลต้องกวาดล้างข้าราชการแตงโมมะเขือเทศ เพราะโผที่ออกมาตามข่าวหนังสือพิมพ์ (หัวเหลืองทั้งหลายนี่แหละ) เป็นเรื่องของเส้นใครสายมัน สุดท้าย ข้าราชการที่ไม่มีเส้น ข้าราชการที่เป็นกลาง คนดีๆ ที่ไม่เข้าข้างไหน ก็กลับกลายเป็นฝ่ายที่ถูกแป๊ก
“บาเตอร์เทรด” ของคุณประสาร ไม่ทราบว่ารวมถึงการที่นายตำรวจคนสนิทของสนธิ ลิ้ม ได้เป็น ผบช.ภ.5 ด้วยหรือเปล่า แต่ไม่เป็นไร เพราะเป็นพล.ต.ต.มาหลายปีดีดักแล้ว นายตำรวจท่านนี้เคยเป็นข่าวถูกพรรคพลังประชาชนร้องเรียน เมื่อเข้ามาเป็นฝ่ายสืบสวนสอบสวนของ กกต.ในการเลือกตั้งปี 2550
นั่นทำให้ผมนึกขึ้นได้ถึง “ฮีโร่” สม้ยเลือกตั้งปี 2550 อดีตรองผู้ว่าฯ ประธาน กกต.จังหวัด ผู้สร้างวีรกรรมแจกใบแดง “เด็กเนวิน” ผู้สมัครพรรคพลังประชาชน 3 คน จนเป็นที่แซ่ซ้องของบรรดาสื่อ นักวิชาการ และพันธมิตรในขณะนั้น
“สังคมวันนี้ต้องมีเกษม วัฒนธรรม” เถ้าแก่เปลวของผมเขียนบทความไว้ วิทยุผู้จัดการ รายการสภาท่าพระอาทิตย์ เชิญท่านไปออกรายการ ชื่นชมว่าท่านเป็นข้าราชการตัวอย่างในพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว แผ่นดินไม่สิ้นคนดี คนดีแห่งยุคสมัย ฯลฯ
แล้วสังคมวันนี้ เกษม วัฒนธรรม อยู่ที่ไหน นู่นครับ รองผู้ว่าฯ น่านปู๊น 4 ผ่านไปก็ยังเป็นรองผู้ว่าฯ อยู่ ทั้งที่เป็นซี 9 อาวุโสลำดับสอง โดนเด้งกระดอนไปมา จากรองผู้ว่าฯ ชลบุรี ถูกส่งไปร้องเพลงล่องน่าน
ได้ยินว่าท่านจะเกษียณอายุปี 2555 ยังไงๆ ก็ฝาก ปชป.ช่วย “บาเตอร์เทรด” ให้คนดีของแผ่นดินได้เป็นผู้ตรวจฯ ก่อนเกษียณด้วยนะครับ
คุณเกษมเคยให้สัมภาษณ์มติชนว่า ท่านเป็นข้าราชการในพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว “เมื่อเห็นคนดีลุกขึ้นสู้แล้ว ก็อย่าปล่อยให้คนดีต้องสู้อย่างโดดเดี่ยว แล้วคอยยืนให้กำลังใจห่างๆ แต่อยากให้พลังเงียบต้องลุกขึ้นมายืนสู้ แล้วช่วยกันคนไม่ดี คนคดโกง ไม่ให้มีอำนาจในการปกครองบ้านเมือง”
ซึ้งมากเลย แต่วันนี้คุณเกษมคงซึ้งแล้วว่าความโดดเดี่ยวเป็นไง แล้วถามว่ามีข้าราชการซักกี่คนอยากเป็นฮีโร่อย่างคุณเกษม เห็นตัวอย่างอยู่ทนโท่ ถ้าขืนทำไป เพื่อนฝูงก็จะด่าเป็นไอ้โง่ ระบบราชการไทย มีแรมโบ้มากี่คนแล้ว จุดจบก็เห็นๆ อยู่
ถ้าลูกหลานผมรับราชการ ผมก็จะสอนให้ดูตัวอย่างผู้ว่าฯ หนุ่มที่สุดในประเทศดีกว่า เพิ่งอ่านในมติชน พบว่าเป็นรุ่นน้องสุดเลิฟของชานนท์ สุวสิน คนสนิทพจมาน และเป็นเพื่อนเรียน ร.ร.นายอำเภอกับศักดิ์สยาม ชิดชอบ เป็นหัวหน้าสำนักงานรัฐมนตรี ยุค พล.อ.อ.คงศักดิ์ วันทนา (ที่สมัยนั้นพูดกันว่าเมียเป็นเพื่อนพจนมาน) แล้วก็อยู่มาได้แม้จะเปลี่ยนเป็นอารีย์ วงศ์อารยะ มาจนพ่อไอ้ปื๊ด กระทั่งได้เป็นผู้ว่าในยุค “ร.ร.เนฯ”
เป็นข้าราชการต้องให้มันได้อย่างนี้ ต้องรู้จักสนองนโยบาย เหมือนอ่านประวัติธาริต เพ็งดิษฐ์ เพิ่งรู้นะเนี่ยว่าแจ้งเกิดเพราะหมอมิ้งดึงมาช่วยงานสมัยรัฐบาลทักษิณ ก่อนโอนย้ายไปกรมสอบสวนคดีพิเศษ
ข้าราชการที่น่าสงสารอีกรายคือคุณจาดุร อภิชาตบุตร หัวหน้าผู้ตรวจราชการกระทรวงมหาดไทย นายกสมาคมข้าราชการพลเรือน ผมเคยสัมภาษณ์ท่านสมัยคัดค้านไชยา สะสมทรัพย์ เด้งหมอศิริวัฒน์ ทิพธราดล เลขา อ.ย. ท่านเป็นคนที่ยกย่องชื่นชม อ.ป๋วย อึ๊งภากรณ์ เป็นแบบอย่างของสมาคมฯ
คุณจาดุรเป็นรองปลัดสำนักนายกฯ ควรจะได้เป็นปลัด แต่ถูกรัฐบาลสมัครเด้งมาเป็นหัวหน้าผู้ตรวจมหาดไทย ฟ้องศาลปกครองแล้ว ชนะคดีแล้ว เปลี่ยนรัฐบาลแล้ว ก็ยังไม่ได้กลับ คราวก่อนคุณจาดุรออกมาแฉว่ามีการซื้อขายเก้าอี้ในกระทรวงมหาดไทย แต่โทษที ม.ร.ว.ปนัดดา ดิศกุล เหลนกรมพระยาดำรงฯ ที่จะไปเป็นผู้ว่าเชียงใหม่นี่แหละ ออกมาปกป้องนักการเมืองว่าไม่จริ๊งไม่จริง ไม่มีการซื้อขายตำแหน่ง
โผย้ายตำรวจอาจอื้อฉาวน้อยกว่ามหาดไทยนิดนึง เพราะปลัดมหาดไทยพุ่งพรวดมาจากผู้ว่าบุรีรัมย์เมื่อ 2 ปีก่อน ขณะที่ ผบ.ตร.มาจากนายตำรวจราชสำนัก ซึ่งพ้นจากวงจรวิ่งเต้นเส้นสายรับส่วย มาตั้งแต่สมัยท่านยังเป็นนายตำรวจเด็กๆ (ว่าแต่มีอำนาจแล้วจะทันเกมพวกเขี้ยวลากหรือเปล่า)
แต่ถ้าดูโผระดับผู้บัญชาการ ก็รู้กันให้แซ่ดว่าตรงไหนคนของใคร “บาเตอร์เทรด” อย่างไร นายตำรวจหลายคนไม่ใช่คนแปลกหน้า เป็นพวกนกมีหู หนูมีปีก สนองนโยบายได้ตั้งแต่ยุคทักษิณจนยุคปัจจุบัน บางคนก็เป็นนักปั้นคดี สามารถหาพยานมาเอาคนเข้าคุกได้โดยคดีไม่มีมูล บางคนก็ถูกร้องว่าชื่อไปอยู่ภาคใต้เพื่อเอาอายุราชการทวีคูณ แต่ตัวจริงไม่ได้ไป กระนั้นโผก็ยังผ่าน (ไม่อายดวงวิญญาณวีรบุรุษ “จ่าเพียร” มั่งหรือไง)
โผเซอร์ไพรส์ที่สุดคือ ผบช.น.ไปเป็นจเรตำรวจ โห ตำรวจมะเขือเทศยังไม่โดนขนาดนี้เลย ตอนแต่งตั้งเมื่อปีที่แล้วก็ว่ากันว่าเป็นเด็กเทพเทือก แถมยังเป็นเพื่อน ผบ.ทบ.คนใหม่ ไหงโดนเล่นแรงซะขนาดนี้ ไม่มีปี่มีขลุ่ย ไม่บอกเหตุผล
หลังมีโผย้ายแล้วจึงมีตำรวจบุกจับบ่อน พบรายชื่อส่งส่วย “น.1” กลั่นแกล้งกันหรือเปล่า ถ้ากลั่นแกล้ง เทพเทือกก็ต้องให้ความเป็นธรรม ถ้าไม่ผิดแล้วไปย้ายเขาทำไม แต่ถ้าไม่กลั่นแกล้งล่ะ ถ้าของจริงล่ะ เทพเทือกต้องรับผิดชอบไหมที่เอามาเป็น ผบช.น.
แวดวงนักข่าวเขาลือสะพัดว่า ช่วงที่ผ่านมา บ่อนใน กทม.ต้องจ่ายส่วยแพงขึ้นระยับ แต่นั่นแหละ จะกลั่นแกล้งกันหรือเปล่า ต้องทำให้ชัดเจน
โผแต่งตั้งโยกย้ายข้าราชการยุคนี้ อัปลักษณ์ไม่น้อยกว่า-หรือมากกว่ายุคทักษิณที่เคยวิพากษ์วิจารณ์กันด้วยซ้ำ ถามว่าสื่อ นักวิชาการ สว. พันธมิตร ผู้ร่วมกันไล่ทักษิณมา วิพากษ์วิจารณ์ไหม ก็วิพากษ์วิจารณ์ครับ แต่พูดไปก็เท่านั้น เพราะพวกคุณสร้างเขาขึ้นมา สร้างและค้ำจุน “ระบอบอภิสิทธิ์” ด้วยความเกลียดกลัวผี “ระบอบทักษิณ” ลึกๆ พวกคุณก็ยอมรับ ว่าต้องให้พรรคประชาธิปัตย์และพรรคภูมิใจห้อยวางกลไกตำรวจผู้ว่าฯ เพื่อเอาชนะพรรคเพื่อไทยในการเลือกตั้ง ซึ่งถึงเวลาเลือกตั้ง พวกคุณก็เชียร์เขา เหมือนเลือกตั้งซ่อม พรรคภูมิใจห้อยลงแข่งกับพรรคเพื่อไทย รู้ทั้งรู้อยู่เต็มอกว่าอะไรเป็นอะไร พวกคุณก็สะใจที่พรรค “เพื่อแม้ว” มันแพ้พรรคการเมืองที่ “ปกป้องสถาบัน สงบ สันติ สามัคคี”
นี่คืออาการปากอย่างใจอย่างของพันธมิตร สื่อ นักวิชาการ และแกนนำภาคประชาสังคมทั้งหลายที่จะ “ปฏิรูปประเทศไทย” แก้ปัญหาให้ชาวมาบตาพุด แก้ปัญหาชุมชนที่นั่นที่นี่ คุยว่าจะลดความเหลื่อมล้ำไม่เป็นธรรมทางเศรษฐกิจ แต่ปล่อยให้มีการซื้อขายตำแหน่ง เก็บส่วย ตั้งพวกพ้อง หรือให้ทหารเอางบประมาณมหาศาลไปซื้ออาวุธอย่างไม่โปร่งใส เพื่อเป็น “ค่าตอบแทน” ของการไล่ทักษิณและต่อต้านโลกาภิวัตน์
ถ้าผมเป็นเนวิน ผมจะแยแสพวกคุณไปทำไม นี่คือช่วงเวลาของการเก็บเกี่ยวและสร้างฐานอำนาจ โดยที่พวกคุณก็ได้แต่ตีโพยตีพาย ถึงที่สุดก็ต้องพึ่งเนวินสู้ทักษิณอยู่ดี
พักหลังๆ ผมชักชอบบทบาทของเนวินด้วยซ้ำ เพราะเนวินคือสัญลักษณ์แทงใจดำของชนชั้นนำ ผู้ลากมากดี ผู้อวดอ้างว่ามีศีลธรรมจรรยาสูงส่ง ชนชั้นกลางจริตนิยม มวลชนเฟซบุค ที่แห่กันออกมาสนับสนุนระบอบอภิสิทธิ์
ทำไมจะต้องเกลียดเนวิน เพราะเนวินก็คือเนวิน พวกที่น่าเกลียดกว่าเนวิน คือพวกจริตจะก้านมารยาปากถือศีลที่ยอมสมสู่กับเนวินต่างหาก
แกนนำพันธมิตรเคยอ้างกับผมว่าอุดมการณ์ของพันธมิตรคือต่อต้านการทุจริต คอรัปชั่น (จนไม่ใช่เพื่อประชาธิปไตย เพราะเชื่อว่าระบอบอภิสิทธิ์ชนจะทุจริตคอรัปชั่นน้อยกว่านักการเมืองที่มา จากการเลือกตั้ง) มวลชนพันธมิตรต่างบอกว่าพวกเขาต่อสู้เพื่อจรรโลงคุณธรรมจริยธรรม ให้คนชั่วได้รับการลงโทษ ให้คนดีได้รับการยกย่อง (และปกครองบ้านเมือง)
ไม่ทราบว่าคนเหล่านี้หายไปไหนหมด ชนะแล้ว? ยุติบทบาท ปลง? หายบ้า? คิดได้แล้วว่าในที่สุดมันก็แค่นี้ แต่ยังกลับไปนอนกอดวีรกรรม หลอกตัวเอง หลอกลูกหลาน ว่าหลังจากยึดทำเนียบยึดสนามบิน บาดเจ็บล้มตายไปหลายคน อย่างน้อยเราก็ไล่ทักษิณและร่างทรงสำเร็จ ไม่งั้นทักษิณจะล้มสถาบัน ทักษิณจะขายชาติ ทักษิณจะนำบ้านเมืองไปสู่หายนะ ฯลฯ
ไอ้ที่สุดขั้วสุดโต่งกันมาว่าจะทำบ้านเมืองให้ใสสะอาด ลืมไปหมดแล้ว หรือรู้แล้วว่าแค่หลอกขายฝันกันไปวันๆ ถึงวันนี้ก็พับอุดมการณ์ใส่เก๊ะ ใส่กุญแจล็อกไว้อย่างดี ไม่ให้มันผุดมาหลอกมาหลอน แล้วกลับไปทำมาหากินตามปกติ
ถ้าจะปลงก็ไม่เป็นไร แต่ไม่ให้ความเป็นธรรมกับคนที่ถูกพวกคุณทำลายล้างบ้างเลยหรือครับ ซึ่งมันไม่ใช่แค่ทักษิณ แต่รวมถึงนักการเมือง ข้าราชการ และประชาชนที่ถูกพวกคุณสมคบกับอำมาตย์ปล้นชิงอำนาจ
ข้าราชการดีๆ เก่งๆ หลายคนถูกเล่นงาน เพราะความสุดขั้วสุดโต่งจะตามล่าตามล้างเอาผิดทักษิณให้ได้ ทั้งที่เขาไม่ผิดก็ต้องผิด พลิกระเบียบทุกตัวอักษรให้มีความผิด ตัวอย่างชัดๆ เช่นคุณศุภรัตน์ ควัฒน์กุล อดีตปลัดคลัง แล้วถามว่าตอนนี้เหลืออะไร ก็เหลือแต่พวกนกมีหูหนูมีปีก พวกตามน้ำ หรือพวกที่รู้จักวิ่งเต้นเส้นสาย เกาะขาขั้วอำนาจใหม่
พันธมิตร สื่อ นักวิชาการ ผู้นำภาคประชาสังคม ที่ค้ำจุนระบอบอภิสิทธิ์ ไม่ได้จรรโลงคุณธรรมจริยธรรมอย่างที่พวกเขาพูด เพราะสิ่งที่พวกเขาทิ้งไว้ให้สังคม คือสัจธรรมใต้บรรทัด ที่รู้กันในสังคมไทยตั้งแต่สมัยโบราณ ว่าเมื่อเปลี่ยนขั้วอำนาจใหม่ ใครมีอำนาจเราต้องวิ่งเข้าหาคนนั้น ไม่ว่าจะเป็นข้าราชการ ชาวบ้าน นักธุรกิจ ที่ต้อง “จิ้มก้อง” ทุกยุคทุกสมัย
คนขับแท็กซี่รายหนึ่ง จึงคุยกับผมว่า บ้านเมืองเราก็เท่านี้ ใครล้มเหยียบ ใครใหญ่เลีย
นี่ต่างหากคือสัจธรรมที่จะประจักษ์ไปชั่วลูกชั่วหลาน
ใบตองแห้ง
3 ต.ค.53
...............................
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น