“จะรักทั้งๆที่รู้ว่าผิด” กรณีระเบิดที่บางบัวทองและทุกแห่งในประเทศไทย
ตำนานประวัติที่มี ฮีโร่ของประชาชน แต่กลายเป็นคนร้าย เป็นอาชญากรของแผ่นดิน มีมากมาย
“เจสซี่ เจมส์” หนึ่งในตำนานของชนชาติอเมริกัน กล่าวกันว่าวัยรุ่นในอเมริกาสมัยนั้นเรียนแบบ “เจสซี่ เจมส์”ผู้นี้กันเกือบทุกคน ใครๆก็อยากเป็นอย่างเขา ใครๆก็รักเขาให้ความช่วยเหลือเขา ทั้งที่เขาเป็นคนนอกกฎหมายก่อกรรมทำเข็ญไปทั่ว ทั้งปล้นธนาคาร ทั้งปล้นรถไฟ ทำให้เศรษฐกิจของเมืองของรัฐ ที่ “เจสซี่ เจมส์” คนนี้เข้าปล้นต้องย่ำแย่ไปหมด
เหตุผลที่ต้องถามว่าทำไมถึงเป็นเช่นนั้น
ผู้รู้กล่าวเอาไว้ว่ามีหลายปัจจัยที่ทำให้คนอเมริกันชื่นชอบอาชญากรคนนี้
หนึ่ง ในเหตุผลนั้นก็คือ ผู้ถือกฎหมายเองรวมถึงเจ้าหน้าที่รัฐไม่ให้ความยุติธรรมกับประชาชน อันเป็นต้นเหตุให้ผู้คนที่ได้รับผลกระทบของความอยุติธรรมนั้น สะใจสมใจ เมื่อมีใครหรือคณะไดย้อนกลับมาคิดบัญชีกับคนของรัฐบ้าง
ตัวภาษี การเวนคืนที่ดินให้กับทางรถไฟ เป็นสาเหตุหลัก ที่ประชาชนมองว่ารัฐเองเป็นผู้ปล้นประชาชนไปเอง ไม่ใช่ “เจสซี่ เจมส์” ดังนั้นพวกเขาจึงรัก “เจมส์” มากกว่าประธานาธิบดี ของสหรัฐอเมริกาที่พวกเขาเลือกกันมาซะอีก
โดยสรุป นัยของเรื่องนี้ก็คือ ประชาชนสิ้นหวังกับรัฐจึงหันมาสนับสนุนใครก็ได้ที่เป็นปฏิปักษ์กับรัฐเอง มันเป็น“ทฤษฎีตีกลับ”ธรรมดาๆ เหมือนเช่นการตีค้อนกระทบทั่ง คนที่ตีจะโดนแรงสะท้อนกลับจนต้องเจ็บแขนไปเองโดยที่ไม่มีใครกระทำ
“โรบิน ฮู๊ด” เป็นอีกเรื่องหนึ่งที่เป็นตำนานเล่าขานกันมาอย่างไม่เสื่อมคลาย คล้ายเป็นหนึ่งในวีรบุรุษของโลกกันไปเลย เป็นชนชาติที่อาศัยอยู่ในหมู่เกาะอังกฤษ ที่ประชาชนหันมาสนับสนุนคนนอกกฎหมายมากกว่ารัฐ มากกว่าอำนาจของกษัตริย์
“โซโร” เป็นอีกนามหนึ่งที่กล่าวขวัญกันเป็นอย่างมากในประเทศเสปน ที่เป็นอมตะกันไปเลย เค้าโครงเรื่องจริงเป็นเช่นไรไม่มีใครทราบได้ แต่นัยของคนผู้นี้ก็เหมือนเช่นวีรบุรุษนอกกฎหมายคนอื่นๆ คือปฏิเสธอำนาจรัฐแล้วประชาชนหันมาสนับสนุน
วันนี้ขอเอาใจตัวเองออกมาพูดสักครั้ง อะไรถูกอะไรผิด อะไรดีอะไรไม่ดี ไม่รับรู้ทั้งสิ้น
จะบอกกับทุกคนว่า “ผมรักคนที่ทำระเบิด” ครับ
ไม่รู้ว่าใครคิดอย่างไรและผมก็ไม่สนใจความคิดผู้อื่นด้วย ผมคิดของผมอย่างนี้และจะพูดอกมาแบบนี้ ขอให้คนๆนั้นขอให้เป็นคนเสื้อแดงจริงก็พอแล้ว
เหตุผลก็เกินพอแล้วที่ผมจะพูดว่า “ผมรักพวกเขา” ผมรักอาชญากรของประเทศ ผมรักมือระเบิดป่วนเมือง ผมศรัทธาคนร้าย คนทำผิด
ถ้ามีใครมาถามผมว่า ใช้อะไรคิด
ถ้ามีคนมาถามผมว่า บ้าหรือเปล่า
ถ้ามีคนมาถามผมว่า มีปัญหาเรื่องสติหรืออย่างไร
ทุกคำถามที่มาถามผม ผมจะไม่แก้ตัวทั้งสิ้นและพร้อมที่จะตอบว่า “ใช่”และน้อมรับทุกคำถาม ไม่เสแสร้งไดๆ
ผม..ก็คือคนที่เกิดบนโลกใบนี้เช่นเดียวกับคนที่เกิดในอเมริกา คนที่เกิดในยุโรป
ผมเป็นมนุษย์ที่นอกจากมีร่างกายที่สมบูรณ์แล้ว ผมยังมีจิตใจที่ธรรมชาติสร้างมาให้กับผมอีกด้วย
หาก วันหนึ่ง รัฐใช้อำนาจอันป่าเถื่อนกลั่นแกล้งผู้บริสุทธิ์ มองประชาชนเป็นศัตรู ใช้กำลังเข้าทำร้าย มองคนเป็นเช่นผักปลา จะทุบหัวหรือจะสับทิ้งเมื่อไรก็ได้
แล้ววันนั้น จิตสำนึกของความเป็นคนของผมที่ธรรมชาติสร้างมามันจะทนอยู่ได้อย่างไร เพียงแค่นิ่งเฉยไม่พูดอะไรเลยก็ถือว่าผมแย่เต็มทีแล้ว เมื่อกลุ่มคนพวกนี้ได้แสดงออกได้สะใจอย่างที่ผมคิด ผมจะแสดงออกด้วยการเห็นด้วยบ้างไม่ได้เชียวหรือ
เพียงแค่จะบอกว่าผมรักเขาแค่นั้น ถ้ามันจะผิด ผมก็จะยอมผิด ณ.วันนี้ครับ
ขออนุญาตถ้าผมจะเรียกผู้ที่เสียชีวิตในวันที่ระเบิดที่บางบัวทอง ว่า “วีรชน” ในใจของผมเอง
ใครละ จะทำได้อย่างพวกเขา เสียสละทุกอย่างแม้แต่ชีวิต
ใครละ จะทิ้งทุกอย่างในชีวิตของตนเองเพียงเพื่อแก้แค้นให้กับเพื่อนให้กับพี่น้อง
ใครละ ที่ทำได้เช่นนี้อีก
ใครไม่เป็นคนๆนั้นด้วยตัวเองไม่มีทางรู้ ทำไมเขาถึงทำ
ภรรยาเขาพูดออกมาพร้อมทั้งน้ำตา ท่านนั้นกล่าวก่อนไปว่า “ให้ทำใจซะเถอะ”
นั่นแปลว่า “ชีวิตนี้เขามอบให้แล้ว ไม่เสียดายแม้ชีวิต”
ความตอนหนึ่งได้สาธยายออกมาทางสื่อหลายๆสื่อ
เขา เป็นคนหนึ่งที่เป็นผู้เข้ามาชุมนุมด้วยตั้งแต่วันแรก เขาถูกยิงได้รับบาดเจ็บเมื่อวันที่10เมย.ในการปะทะกับทหารครั้งแรกบริเวณสี่ แยกคอกวัว ในขณะที่เขาเห็นเพื่อนๆของเขาต้องแดดิ้นไปกับตา เหมือนปลาถูกทุบหัวคนแล้วคนเล่า
ตัวเขาเองแค่โชคดีแค่โดนยิงที่อื่นจึงไม่ถึงกับแดดิ้นตรงนั้น
เมื่อ เขาออกจากโรงพยาบาลมาได้ เขาไม่ไปไหนตรงดิ่งไปที่แยกราชประสงค์อีกครั้ง แต่ครั้งนี้หนักกว่าเก่า ประสาทแทบหลอน เสียงร้องไห้ระงม เสียงอึกทึกจากรถยานเกราะ เสียงขู่คำรามจากเสียงปืนนานาชนิด
เพื่อนซ้ายมือล่วงผล็อยไปกับตาสมองกระจาย
ขวามือ สตรีท่านหนึ่งชักกระเด็กๆมือคุมอยู่ที่หน้าท้อง
เด็กตัวน้อยๆที่วิ่งอยู่ข้างหน้า นั่งยองยองเกาะแขนแม่ต้นเอง เขย่าแม่ไปมา ปากก็ตะโกน “ช่วยแม่หนูด้วย” ขณะที่แม่ของเธอกำลังกระเสือกกระสนเอามือมาประคองลูกไว้ พยายาม ดึงลูกเอามาไว้ในอก เพื่อปกป้องลูกตนเอง ไม่ให้ถูกลูกกระสุนปืนไปด้วย
ทหารผ่านมาแล้วก็เลยไป ซักนิดที่จะเหลียวมองเอาแม่เด็กส่งโรงพยาบาลก็หาทำไม่
ตัว เขาเองต้องหนีเอาตัวรอดเหมือนกัน วิ่งเข้าไปในวัดสระปทุม นึกว่าปรอดภัยแล้ว ที่ไหนได้ภาพที่เห็นจะจะ ชัดยิ่งกว่าชัด ผู้หญิงแท้ๆ ไม่ได้มีอาวุธไดๆทั้งสิ้นแถมชุดที่ใส่ก็เป็นชุดพยาบาลสนาม มองด้วยตาเปล่าก็รู้แล้วเธอเป็นใคร แต่ร่างเธอก็โดนยิ่งร่วงไปกับตา เฉยๆแบบนั้น
ทั้งที่รพ.ตำรวจอยู่ไกลออกไปไม่ถึง100เมตร คนเจ็บทั้งหมด นำตัวเข้าไปรักษาไม่ได้ ออกไปก็โดนยิงสวนออกมาจากใครที่ไหนอีกละ ที่ต้องตายในเวลาต่อมาอีก6ศพ
ทั้งที่เห็นด้วยตาตนเองไม่ได้ดูคลิปไม่ได้ฟังใครเล่าให้ฟัง
แต่ทหารลูกผู้ชายแต่งเครื่องแบบเต็มยศออกมาพูดหน้าจอทีวีอย่างหน้าตาเฉย “ทหารไม่ได้ยิงประชาชน”
เขาถูกเรียกขานต่อไปว่า “พวกป่วนบ้านป่วนเมือง พวกเผาบ้านเผาเมือง”
ใครที่ไหนจะอดใจอยู่ รู้ทั้งรู้ กระบวนการยุติธรรมมันพึ่งไม่ได้
ใจของเขา มันมีที่พึ่งที่ไหนให้เขาได้บ้าง
ระเบิดมันจึงปรากฏมาอย่างต่อเนื่อง ที่ปรากฏตอนนี้จะเป็นฝีมือใครผมเองก็ไม่รู้
เขาเป็นใครผมไม่รู้จัก แต่พวกเขาทั้งหมดได้ใจ ผมไปแล้ว
ผมรักพวกเขาครับ “วีรชนในใจของผม”
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น