Thu, 2010-10-07 18:58
แหงนหน้าบอกฟ้า...ว่าผองเราตื่นจากหลับใหล ไม่หลงเหลือรักใด...สร่างแล้วสิ้นไร้ความรู้สึก
กระสุนทุกนัด...นั้นกัดกร่อนจิตสำนึก ท่ามกลางกองศพและซากตึก...คือรอยร้าวลึกรุนแรง
เมื่อฆาตกรปรากฏ...เราก็หมดเยื่อใย เมื่อคนสั่งฆ่าเยื้องกาย...แผ่นดินสั่นไหวทั่วหัวระแหง
เมื่อหัวใจเจ็บช้ำ...เราร้องร่ำหาการเปลี่ยนแปลง เมื่อแผ่นดินเดือดแดง...ภูเขาน้ำแข็งจักหลอมละลาย
ปีเดือนเคลื่อนผ่าน...จันทร์ดวงนั้นเก่าแก่ลง นิทานกากับหงส์...ไม่อยู่ยงคงเส้นสาย
รถโดยสารกาลเวลา...พาเราเคลื่อนขบวนมาไกล ควรมีหรือรอยอาลัย...ท่ามใบสั่งตายจากเบื้องบน
ปีศาจในดวงจันทร์...เฉกเช่นกันย่อมสั่นคลอน เพลงขับกล่อมเราก่อนนอน...กลายซับซ้อนและสับสน
สายน้ำอันชุ่มเย็น...เป็นธารสายโศกอันวกวน หยาดพิรุณนั้นร้อนรน...นั่นคือห่าฝนแห่งความตาย!
ไม่มีแล้วใช่ไหม...เทพนิยายบนฟ้านั่น ตำนานสรวงสวรรค์...เดินทางถึงวันเสื่อมสลาย
นานแล้วเรายอมให้ย่ำยี...ดั่งเราไม่มีหัวจิตหัวใจ อ้างความเป็นชาติอันเปล่าดาย...ฆ่ากันได้เป็นผักปลา
ชาตินั้นหรือ...คือดินแดนจับต้องได้ คือขอบเขตหมุดหมาย...อธิปไตยอิสระ
คือพลเมืองถ้วนหน้า...คือประชาสาธารณะ มิใช่เทพสักการะ...หรือพระประทานองค์ใด
ชาตินั้นหรือ...คือแดนดินถิ่นชีวิต ใช่รูปปั้นปูนปิด...หล่อสำริดพระปางค์ไหน
ใช่รัฐเร้นรัฐ...ลอบกัด...อำพรางกาย ใช่ปราสาทเจดีย์ทราย...ใต้น้ำมือใครประพรม
ความมั่นคงของชาติ...มิอาจเอ่ยกล่าวอ้าง หากเปล่าว่าง...พลเมืองเป็นปฐม
ดินแดนร้างไร้ความหมาย...ต่างอะไรจากสายลม มีเพียงความขื่นขม...ถูกบ่มจ่ายในโรงทาน
เพียงความมั่นคง...ของใครหรือ...จึงเข่นฆ่า ใต้ข้อกล่าวหา...ผู้ก่อการร้ายล้างผลาญ
หรือเลือดเนื้อพลเมือง...เป็นเพียงเครื่องบรรณาการ ให้ปีศาจในดวงจันทร์...คงกระพันนิรันดร์ไป
แต่ความมั่นคงหาใช่...ได้มาด้วยการกดขี่ ปลดปล่อยเราสู่เสรี...ทำเสียที...ทำได้ไหม
ทิ้งเสลี่ยงวอทอง...ลงมายืนบนผืนทราย เกิดและตาย..บนผืนดิน...เท่าเท่ากัน
เพียงคำ ประดับความ
กลุ่มกวีตีนแดง
7 ตุลาคม 2553
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น