คอลัมน์ เมืองไทยหรือเมืองใคร?
เรื่อง พรรคของระบอบ
โดย กาหลิบ
กรณี ศาลรัฐธรรมนูญนำเทคนิคกฎหมายมาอ้างเพื่อไม่ต้องยุบพรรคประชาธิปัตย์ เป็นประโยชน์อันยิ่งใหญ่ต่อแนวทางปฏิวัติประชาธิปไตย เพราะช่วยยืนยันวิกฤติการเมืองไทยว่าลึกซึ้งขนาดไหน โดยเฉพาะในระดับระบอบ (regime)
ใครที่วิจารณ์พรรคประชาธิปัตย์แค่ระดับพรรคจะได้รู้เสียทีว่ากำลังยืนท้าวสะเอวด่ากับแม่ค้าในตลาด ไม่ใช่กับเจ้าของตลาด
ถ้า หวังผลเปลี่ยนแปลงกันอย่างจริงจังแล้ว ต้องถือว่าเสียน้ำลายเปล่า แถมยังทำให้มวลชนฝ่ายประชาธิปไตยต้องทนทุกข์ทรมานในประเทศเยี่ยงนี้กันต่อไป อย่างไม่เห็นแสงสว่าง
ลุกขึ้นมารับความจริงดีกว่าครับ
พรรค ประชาธิปัตย์ที่รอดพ้นจากการถูกยุบในคราวนี้ ได้รับความช่วยเหลือตั้งแต่ระดับทำคดีให้หลวม มีช่องโหว่ช่องว่างมาก เพื่อนำมาใช้ประโยชน์ในยามคับขัน จากประธานและคณะกรรมการการเลือกตั้ง และได้รับความช่วยเหลือจากศาลรัฐธรรมนูญให้พ้นภัยการเมืองด้วยวิธีรับลูกจาก กกต. ซึ่งก็ออกมาตามนั้นทั้งหมด
ฝ่ายประชาธิปไตยบางคนเคยคิดฝัน เฟื่องว่าเดี๋ยวนี้เจ้าของประเทศเขาไม่เอาพรรคประชาธิปัตย์แล้ว จะเปลี่ยนคนขับรถเสียทีก็คงจะถูกยุบแน่ คราวนี้เมื่อได้เห็นการวางงานและรับลูกกันเป็นกระบวนเช่นนี้แล้ว ก็หวังว่าจะทำให้ปรับเปลี่ยนทัศนะกันบ้าง
ศัตรูของระบอบประชาชนที่ ไล่ฆ่าและทำลายพวกเรามาตลอดนั้น เขาไม่ได้เล่นเกมระหว่างพรรคหรือระหว่างบุคคลอย่างที่ท่านคิด ไม่ใช่ว่าเราเลือกเอาพลตำรวจเอกโกวิท วัฒนะ หรือพลเอกบุญสร้าง เนียมประดิษฐ์มานำพรรคเพื่อไทยแล้ว เขาจะไม่คว้าคนใต้ถุนบ้านอย่างนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะมาเป็นหุ่นกระบอกฝ่ายเขาอีกต่อไป
ถ้าจำสำนวน “เลือดข้นกว่าน้ำ” ได้ และอ่านประวัติศาสตร์ไทยย้อนหลังบ้าง ก็จะเข้าใจ
พรรค ประชาธิปัตย์เกิดขึ้นมาได้จากเหตุใหญ่ ๒ ประการคือ การรัฐประหาร ๘ พฤศจิกายน พ.ศ.๒๔๙๐ เพื่อขจัดอำนาจและอิทธิพลของ ดร.ปรีดี พนมยงค์และคณะราษฎรผู้ปฏิวัติ พ.ศ. ๒๔๗๕ อย่างเบ็ดเสร็จ จนได้คนอย่างนายควง อภัยวงศ์มาเป็นนายกรัฐมนตรีขัดตาทัพ อีกเหตุหนึ่งคือ เมื่อถูกฝ่ายทหารยึดอำนาจเราคืน ก็คิดว่าต้องสร้างฐานการเมืองของฝ่ายพลเรือนขึ้นมาคานอำนาจกันบ้าง
คำ ถามคือคานอำนาจไปทำไมและเพื่อใคร ในเมื่ออี๋อ๋อสอพลอกับฝ่ายทหารประเดี๋ยวเดียวก็ได้เกาะหางเขาเข้ามาเป็นใหญ่ แล้ว จะไปเล่มเกมอันตรายและยากลำบากอย่างนั้นทำไม
คำตอบก็อยู่ในคำถามนั่นเอง
พรรค ประชาธิปัตย์มิได้กำเนิดขึ้นมาเพื่อร่วมสร้างระบอบประชาชนดั่งเจตนาและ อุดมการณ์ของ ดร.ปรีดี พนมยงค์และคณะราษฎรเลยแม้แต่น้อยนิด แต่ถูกสร้างขึ้นมารองรับระบอบโบราณของไทยที่กำลังกลัวว่าทหารจะมีอำนาจมาก เกินไปและสามารถจะโค่นล้มตัวได้เหมือนที่เกิดกับตุรกีและอียิปต์ในขณะนั้น
ผู้ มีอาวุโสทางการเมืองเล็กน้อยจะจำได้ว่า พรรคประชาธิปัตย์เคยมีสัญลักษณ์ว่าเป็นนักต่อสู้กับเผด็จการทหาร จนได้รับความนิยมจากประชาชนว่าเป็นพรรคเก่งพรรคกล้าและเป็นแกนหลักของฝ่าย ประชาธิปไตย แต่ความจริงแล้วพรรคประชาธิปัตย์กระโดดเข้าสู้กับทหารก็ต่อเมื่อได้รับคำ สั่งจากนายเหนือหัวของตน เมื่อนายเหนือหัวนั้นรู้สึกว่าฝ่ายทหารไม่ได้เชื่อฟังตนเหมือนหมาที่คอยรับ กระดูกและเศษอาหารที่โยนให้เท่านั้น
ครับ สุดท้ายก็คืออีกตัวหนึ่งในฝูงเดียวกันนั่นเอง
นายจะใช้ให้กัดกันก็ได้ รักใครชอบพอจนถึงขั้นผสมพันธุ์กันก็ได้ เขาไม่ได้เกิดมาเพื่อรับใช้ปวงชนชาวไทยเหมือนที่หลายคนเคยเข้าใจผิด
วันนี้ ไม่ยุบพรรคประชาธิปัตย์ก็ดีแล้ว แสดงว่าเจ้าของหมาเขายังรักษาชื่อเสียงเขาได้อยู่ เพียงเขาไม่รู้เท่านั้นว่าอะไรกำลังรอคอยเขาอยู่ในวันหน้า
เขาอาจจะมีหมาเยอะ แต่มวลชนคือ “เสือ”.
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น