คอลัมน์ เมืองไทยหรือเมืองใคร?
เรื่อง ซ่อมเลือกตั้ง...ไม่ใช่เลือกตั้งซ่อม
โดย กาหลิบ
ผล การเลือกตั้งซ่อมห้าเขตปรากฏผลออกมาแล้ว พรรคเพื่อไทยได้รับเลือกตั้งเพียงที่นั่งเดียวในจังหวัดขอนแก่นด้วยคะแนน เสียงที่น่าประทับใจ แต่อีกสี่ที่นั่งล้วนเป็นพรรคในเครือข่ายรัฐบาลทั้งสิ้น
หนังสือพิมพ์บางฉบับไปไกล ขนาดพาดหัวข่าวในทำนองว่า เนวินชนะทักษิณ
นาย
ข่าว ที่กระฉ่อนกันมากก่อนจะถึงวันเลือกตั้งคือทุนหนาหนักที่ส่งตรงลงมาจากที่สูง โดยที่ไม่ต้องไปกล่าวถึงระบบราชการที่ไม่เอื้อต่อฝ่ายประชาชนในทุกมิติเลย แม้แต่น้อย บวกกับความวูบวาบของพรรคการเมืองสายประชาชนเองที่ไม่แน่ใจว่าจะสู้แค่ไหน เท่าใดจึงมีกั๊กมีขยัก ทำให้ผู้สังเกตการณ์ที่รู้น้อยที่สุดยังเข้าใจได้ว่าเกิดอะไรขึ้นในระบบ เลือกตั้งขณะนี้
ผลการเลือกตั้งครั้งนี้ตอบคำถามว่าเหตุใดเผด็จการ ตัวพ่อของระบอบโบราณจึงมีทีท่าสนับสนุนการเลือกตั้งอยู่เสมอทั้งที่ใจไม่เคย ศรัทธาหรือยอมรับในครรลองประชาธิปไตยเอาเลย
เขายอมให้บริวารจัดการ เลือกตั้งเป็นระยะๆ ทั้งเลือกตั้งทั่วไปและเลือกตั้งย่อย เพราะเขารู้ดีว่านี่คือระบบที่เขาควบคุมได้ค่อนข้างสมบูรณ์
เมื่อคุม ได้จนใช้เป็นเครื่องมือและข้ออ้างในการรักษาอำนาจเหนือระบบของตัวเองได้แล้ว ก็อ้างกับประชาคมโลกว่าราชอาณาจักรไทยเป็นประชาธิปไตยเหมือนนานาอารยประเทศ โดยใช้กระทรวงการต่างประเทศไปโฆษณา
คงไม่ช้าเกินไปที่จะพูดใหม่อีกสักครั้งว่า เลือกตั้งตามระบอบของใคร ก็ย่อมจะเป็นผลประโยชน์ของคนๆ นั้น
ประโยชน์ทั้งในการรักษาอำนาจโดยตรงและการรักษาภาพลักษณ์ว่าตัวเองมิได้เป็นเผด็จการตัวใหญ่ของโลก
ระบบ เลือกตั้งขณะนี้มิได้อยู่ในระบอบของประชาชน แต่อยู่ในระบอบอภิสิทธิ์ชนที่มีคนใหญ่ที่สุดคอยอุปถัมภ์ค้ำชู จะให้ผลเลือกตั้งเป็นประโยชน์ต่อประชาชนอย่างไร
ปัญหาคือพูดอย่างนี้ สักพักก็จะมีคนตะโกนขึ้นมาว่า ขี้แพ้ชวนตี แพ้เขาแล้วมาบ่นโวยวายว่าการเลือกตั้งขาดความเป็นธรรม เพื่อให้เกิดความเจ็บใจแค้นเคือง
เถียงกลับก็ลำบากเพราะดันไปเข้า ระบบของเขาจริงๆ เหมือนผีพนันที่ไม่รู้เล่ห์กลของเจ้ามือหรือเจ้าของบ่อน ถึงเวลาหมดตัวเดินกลับบ้านอย่างซังกะตาย บ่นไปตลอดทางว่าโดนมันโกงก็คงไม่มีใครเขาสนใจรับฟัง หรือฟังก็ไม่เห็นอกเห็นใจ
การตัดสินใจว่าจะเข้าระบบใดเพื่อพิสูจน์ตน เองนั้น จึงต้องพิจารณารอบด้านเสียก่อนว่าระบบนั้นอยู่ในกรอบและกลไกแบบใด เพราะหลวมตัวเข้าไปแล้วติดกับ จะอ้างได้ยากว่าเรากลายเป็นเหยื่อของความอยุติธรรมเสียแล้ว เหมือนการเลือกตั้งซ่อมในครั้งนี้
ถามว่าพูดอย่างวัวหายล้อมคอกมันจะดีหรือ ทำไมไม่ให้กำลังใจกันแทนที่จะซ้ำเติม
ตอบ ทันทีว่าประโยชน์ใหญ่ของงานนี้คือการทำลายฝันกลางวันและความละเมอเพ้อพกของ คนที่กำลังเชื่อว่าจะได้ระบอบประชาชนคืนมาด้วยกลไกของระบบเลือกตั้ง
วันนี้ยิ่งต้องช่วยกันจี้ความพลาดพลั้งขนาดเล็กกันให้มากๆ เพื่อจะไม่ต้องพบความล้มเหลวในวันต่อสู้ครั้งใหญ่
นั่นคือการเลือกตั้งทั่วไปหลังยุบสภา หรือเมื่อสภาผู้แทนราษฎรชุดนี้หมดวาระ
ถ้า ไม่เปลี่ยนยุทธศาสตร์และปรับยุทธวิธีเสียตั้งแต่บัดนี้ ทุกๆ พรรคในฝ่ายประชาธิปไตยจงอย่าได้คิดร่วมเลือกตั้งเป็นอันขาด ใครที่กำลังเร่งเลือกตั้งก็ควรจะหยุดยั้งการกระทำของตน เงินทองหาได้ด้วยวิธีอื่น อย่าหวังซบกลไกการเลือกตั้งเพียงเพื่อจะเลี้ยงลูกเมียและบริวารทั้งหลายเลย เพราะอาจจะพาลงเหวกันทั้งหมดได้
หันมาจัดตั้งมวลชนลุกขึ้นสู้กับตัวกลไกมันเสียเลยครับ.
http://www.democracy100percent.blogspot.com/
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น