พฤหัสบดี ๑๓ มกราคม ๒๕๕๔
คนที่เคยเป็นถึงรัฐมนตรีว่าการกระทรวงของไทยหลายคนออกมาแสดง
แถลงต่อสาธารณะในทำนองว่าต้องการให้ไทยปิดชายแดนด้านเขมร
อดีตรัฐมนตรีว่าการกระทรวงท่านหนึ่งถึงขนาดพูดจาว่าต้องใช้สงคราม
พระสงฆ์องค์เจ้าที่เราเคยกราบไหว้บางรูป
ท่านก็เอากะเขาด้วยเรื่องหนุนความขัดแย้งกับเพื่อนบ้าน
อยากจะเรียนนะครับ ไม่ว่าพวกท่านจะเป็นใคร อยู่ในสถานะไหน
ถ้าท่านยังคิดแต่จะหาเรื่องทะเลาะเบาะแว้งกะเพื่อนบ้าน
ผมว่าท่านเชยระเบิด เป็นไอ้พวกมนุษย์ตกโลก สร้างค่านิยมประเภท ‘ชาตินิยม’ อย่างผิดๆ
โลกในปัจจุบันทุกวันนี้ ต้องเป็นเรื่องของภูมิภาคนิยม
ไทย กัมพูชา พม่า มาเลเซีย เวียดนาม สิงคโปร์ ฟิลิปปินส์ อินโดนีเซีย บรูไน และลาว
ต้องรักกัน ต้องหาเครื่องมือทางการทูตมาสร้างสัมพันธ์และแก้ไขปัญหาความขัดแย้งร่วมกัน
คนกิ๊กก๊อกที่ไม่มีวาสนาได้เป็นแม้แต่ขี้ทูตอย่างนิติภูมิ
ชอบดูความสามารถของผู้นำของประเทศต่างๆ แก้ไขปัญหาความขัดแย้ง
ผู้นำบางประเทศไม่มีหลัก แก้ปัญหาเฉพาะหน้าไปวันหนึ่งๆ
ทว่าผู้นำของหลายประเทศจะสะสมเครื่องมือทางการทูตเพื่อเอาไว้ใช้แก้ไขปัญหา เช่น
สะสมไมตรีจิตระหว่างประเทศ หรือ Comity
คนที่สามารถงัดเอาเครื่องทางการทูตประเภทไมตรีจิตระหว่างประเทศมาใช้ได้ดี
จะต้องเป็นผู้นำที่มีแนวความคิดไม่เหยียดหยามคน
เชื่อในเรื่องความเสมอภาคกันของประเทศต่างๆ
และใช้ความถ้อยทีถ้อยอาศัยต่อกัน
สุดท้ายทั้งสองชาติรัฐก็จะมีแต่ความเอื้อเฟื้อเผื่อแผ่ซึ่งกันและกัน
ผู้อ่านท่านจะพบเห็นว่าในปัจจุบัน หลายประเทศในทวีปยุโรปใช้เครื่องมือประเภทนี้
ทั้งที่ในอดีตเคยรบพุ่งห้ำหั่นกันมายาวนานหลายร้อยปี
ผู้นำ (ทีดี+มีคุณภาพ) ของประเทศที่เคยมีความขัดแย้งระหว่างกันขั้นพื้นฐานมายาวนาน
เมื่อขึ้นมาเป็นผู้นำแล้ว
ท่านจะต้องปรับปรุงสภาวะแวดล้อมเพื่อลดความขัดแย้ง
เครื่องมือทางการทูตที่ผู้นำประเภทนี้นำมาใช้
ก็ควรเป็น Détente การผ่อนคลายความตึงเครียด
บางท่านใช้เครื่องมือ Negotiation หรือการเจรจา
เจรจาเพื่อระงับข้อพิพาทกันอย่างสันติ และเสริมสร้างผลประโยชน์แห่งชาติ
ผู้นำที่ดีต้องเก่งการด้านเจรจา ต้องรู้ว่าจะเจรจายังไงเพื่อให้ฝ่ายตนเสียประโยชน์น้อยที่สุด
แต่ในขณะเดียวกัน ผู้นำและผู้คนของอีกประเทศหนึ่งก็พอใจด้วย
เท่าที่ติดตามถามข่าวของพวกที่เหี้ยนกระหือรือฮือสร้างสงคราม
กลุ่มคนพวกนี้มีแต่ใช้เครื่องมือประเภท “ยื่นคำขาด” และ “พูดจาก้าวร้าวคุกคาม”
อะไรก็บุกเลย ปิดพรมแดนเลย โดยมีความเชื่อผิดๆ ว่าเมื่อปิดพรมแดนแล้ว
เขมรทั้งหลายจะอดตาย ซึ่งผมเรียนไปหลายครั้งแล้วนะครับ
ว่าวันนี้ แม้ไม่ต้องพึ่งไทย เขมรก็อยู่ได้อย่างปกติ
ทุกทีที่พรรคประชาธิปัตย์เป็นรัฐบาล
เหตุการณ์ระหว่างไทยกับเพื่อนบ้านจะแย่ทุกครั้ง
เมื่อก่อนตอนเป็นรัฐบาลครั้งที่แล้ว ในสมัยนายสุรินทร์ พิศสุวรรณ เป็นรัฐมนตรีต่างประเทศ
ไทยกะพม่าก็มีปัญหามาก
ความสัมพันธ์ระหว่างไทยกับเขมรแย่
ปัญหากะเวียดนามในสมัยนั้นก็เยอะ กับเพื่อนบ้านทางใต้อย่างมาเลเซียนี่ก็มี
แม้แต่เพื่อนบ้านในกลุ่มอาเซียนที่ไม่มีพรมแดนประชิดติดกับเราอย่างอินโดนีเซีย
ไทยก็ยังอุตสาห์ไปมีปัญหากะเขา
เรื่องเป็น ๑ ในผู้ยุยงส่งเสริมให้มีการแยกจังหวัดติมอร์ตะวันออก
ให้กลายมาเป็นประเทศเอกราชชาติใหม่
ทันที่รัฐบาลประชาธิปัตย์ลงจากเวทีบริหารประเทศ
รัฐบาลใหม่ต้องหันมาใช้เครื่องมือทางการทูตประเภท Rapprochement
การฟื้นสัมพันธไมตรี ทุกที เพราะยุคประชาธิปัตย์
ไทยกับเพื่อนบ้านมักจะเป็นปฏิปักษ์ต่อกัน หมางเมินห่างเหินกัน มองหน้ากันไม่ติด
ได้ฟังสมาชิกกลุ่มคนไทยหัวใจรักชาติพูดจาปราศรัยผ่านสื่อแล้ว
ผมรู้เลยว่าอะไรเป็นแรงจูงใจให้ท่านทำการดังกล่าว
สิ่งหนึ่งซึ่งซ่อนเป็นก้อนแข็งอยู่ใต้สมองของคนที่แสดงออกอย่างที่ว่าก็คือ
“ความรู้สึกว่าพวกเราดีกว่าพวกเขา” หรือ Ethnocentrism
คนพวกนี้มีความรู้สึกว่า พวกตนดีกว่าคนอื่น
สัจธรรมของตนดีกว่าของคนอื่น
ความงามของพวกตนก็เป็นความงามสูงสุด
หลักศีลธรรมจริยธรรมของพวกตนก็เป็นหลักศีลธรรมจริยธรรมที่สูงกว่าของใครๆ
ความยุติธรรมของพวกตน ของชาติตน เป็นความยุติธรรมสูงสุด
ประเทศชาติบ้านเมืองของตนไม่มีการปฏิบัติใดที่เป็นไปอย่างสองมาตรฐาน
และอีกสิ่งหนึ่งซึ่งเราจับได้จากคำพูดจาปราศรัยของคนพวกนี้ ก็คือ
“การใช้ปัจจัยทางเศรษฐกิจตีความประวัติศาสตร์”
เมื่อได้ยินการปราศรัยโจมตีกัมพูชาในกรณีที่กัมพูชาจับ ส.ส. ไทยและคณะ
เราก็จึงถึงรู้เลยว่าใต้สมองของคนที่พูดจาปราศรัยมีความเป็นคอมมิวนิสต์ซ่อนอยู่
คอมมิวนิสต์มีทฤษฎีหนึ่งซึ่งเรียกว่า Economic Interpretation of History
แปลเป็นไทยก็คือการใช้ปัจจัยทางเศรษฐกิจตีความประวัติศาสตร์
พวกนี้เชื่อว่าระบบเศรษฐกิจขั้นพื้นฐาน (ปัจจัยการผลิตของสังคม) เป็นตัวกำหนด
โครงสร้างพื้นฐานทางการเมือง ศีลธรรม กฎหมาย วัฒนธรรมฯลฯ
เมื่อเขมรมีเศรษฐกิจที่แย่กว่าเรา เขมรจึงด้อยกว่าเราทุกด้านด้วย
ซึ่งผมขอแย้งว่าไม่ใช่นะครับ
ส่วน ฯพณฯ อดีตรัฐมนตรี....
ที่จับไมโครโฟนตะโกนด่าผู้นำเขมรว่ามีพฤติกรรมสองมาตรฐานนั้น
ท่านกำลังอ้างชื่อสมเด็จฮุนเซ็นด่า ‘ใคร’ ในประเทศของท่านอยู่หรือเปล่า?
http://www.nitipoom.com/th/article1.asp?...&ipagenum=
http://www.internetfreedom.us/thread-9180.html
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น