อ่างขาง : ปีพศ.2554 จะเป็นปีแห่งจุดจบของตุลาการอัปรีย์ คอยดูกันไป

ก่อนจะสิ้นปี2553 มีข่าวอยู่ข่าวหนึ่ง
ในวงการกีฬาฟุตบอลเป็นที่ฮือฮามากและเป็นข่าวที่สะเทือนใจคนไทยที่รักกีฬาเป็นอย่างย​ิ่ง
นั่นก็คือ กรรมการโดนแฟนบอลนครปฐมรุมกระทืบจนเกือบเอาชีวิตไม่รอด ในการแข่งขันฟุตบอลระหว่างทีม นครปฐม กับ ทีมศีรษะเกศ

รายละเอียดเบื้องหน้าเบื้องหลังเป็นอย่างไร เราๆท่านๆอาจจะรู้ไม่หมด รู้เพียงข่าวที่นำเสนอออกมาทางสื่อเท่านั้น

ยังไม่มีใครวิเคราะห์เรื่องนี้กันอย่างจริงจัง อะไรคือสาเหตุให้คนดูกองเชียร์ทีมนครปฐมถึงได้กระทำเช่นนั้น และทำไมต้องมาทำร้ายกรรมการด้วย ทั้งๆที่คู่ต้อสู้ของตนเองไม่ใช่กรรมการ

ทำไมไม่ไปทำร้ายคู่แข่งขันกันเองเหมือนเช่นอดีตที่มีการแข่งขันฟุตบอลเหมือน ทุกครั้ง​ที่เกิดเรื่อง นักฟุตบอลคู่แข่งเป็นคู่กรณีกันเองทั้งนั้น ไม่เคยมีเรื่องที่เกี่ยวถึงกรรมการเลยสักครั้งเดียว

คนดูผู้ชมจำนวนมหาศาล กลายเป็นคนเลว เป็นอันธพาล เป็นจำเลยของสังคมในแง่การรับรู้ของคนเสพข่าว
กรรมการ กลายเป็นพระเอกของเรื่องที่ถูกกระทำ เป็นคนดีเป็นคนยุติธรรม ในแง่ของการเสพข่าวของผู้ที่อ่าน เช่นเดียวกัน

ผมอยากให้มองลึกลงไปกว่านั้นและช่วยกันตั้งคำถามในใจกันขึ้นมา...ว่า
เหตุใด คนดูในสนามเขาถึงได้มีจิตใจร่วมกันออกมาทำร้ายกรรมการในวันนั้น พวกกองเชียร์นครปฐมทั้งหมดเป็นอันธพาล เป็นคนเลว คนไม่มีเหตุผลจริงหรือ ทั้งที่ทีมนครปฐมแข่งมากี่นัดแล้ว ทำไมเกองเชียร์เขาถึงไม่ทำร้ายกรรมการคนอื่นบ้าง

ผมอยากให้พวกเรา ย้อนกลับไปคิดสักนิดแล้วตั้งคำถามแบบนี้ครับ
1.กรรมการไม่เป็นธรรมในสายตาของพวกเขาใช่หรือไม่
1.1อาจจะคิดเลยไปว่า กรรมการมีใบสั่งลงมา ทำให้ตัดสินในวันนั้นเอนเอียงลงไป
1.2 กรรมการอาจมีผลประโยชน์ในการตัดสินครั้งนี้ ใช่หรือไม่

2.กรรมการโง่เกินกว่าจะตัดสิน มองไม่เห็นสิ่งที่เกิดขึ้นในสนามจริง

3.กรรมการมีอคติกับทีมนครปฐม ด้วยความอคติในใจจึงตัดสินมาเป็นเช่นนั้น

4.อะไรที่มีแรงจูงใจทำให้คนทั้งหมู่เห็นไปในทิศทางเดียวกันและมีอารมณ์ร่วม

ทั้งหมดนี้คือคำถามที่ผมอยากให้พวกเราทุกคนตั้งคำถามแล้วหาคำตอบกันเอง แท้จริงอะไรคือสาเหตุกันแน่
ผมเชื่อว่าหลายท่านมีคำตอบแล้ว
อะไร ที่เป็นสาเหตุให้ กองเชียร์คนดูทีมนครปฐมถึงได้ ร่วมกันออกมาประชาทัณฑ์ กรรมการตัดสินฟุตบอลในวันนั้น ทั้งหมดสรุปได้คำเดียว สิ่งนั้นก็คือ
พวกเขาคิดว่ากรรมการไม่มีความยุติธรรม

ถ้าเราย้อนกลับไปดูเรื่องราวของคนทั้งประเทศในอดีตกันบ้าง
คำถาม..ทำไมประชาชนส่วนหนึ่งจึงอออกมาสู้กับรัฐบาลอิงเผด็จการ สู้กับอำนาจลึกลับที่ยิ่งใหญ่ อย่างไม่กลัวเกรง พร้อมยอมตายถวายชีวิตให้ พวกเขาออกมาสู้เพราะสาเหตุใด

เรื่องแบบนี้เคยเกิดขึ้นไหม
กรรมการหรือตุลาการเคยทำแบบนี้ไหม
1.ตัดสินคดีให้คนๆหนึ่งที่ผู้มีอำนาจซ่อนเร้นในประเทศนี้ จงเกลียดจงชังในตัวเขา เหตุเพราะตัวเขามีประชาชนที่ศรัทธามากกว่าผู้มากอำนาจท่านนี้
ต้องโดนลงโทษเหตุเพราะเซ็นชื่อยินยอมให้ภรรยาซื้อที่ดินจากการประมูลขายอย่างถูกต้อง​
แต่..ในเวลาเดียวกัน คนอีกคนหนึ่งที่เป็นที่โปรดปรานผู้มีอำนาจซ่อนเร้น โกงที่ดินของหลวง ทำผิดกฎหมายทุกข้อ ตั้งแต่บุกรุกป่าสงวน ถือครองที่ดินโดยมิชอบ แต่ได้รับการปกป้องคุ้มครอง มิให้มีความผิดใดใดทั้งสิ้น
สรุปความคือ คนซื้อที่ดินอย่างถูกกฎหมายต้องโทษจำคุก ส่วนคนโกงที่หลวงสบายไม่โดนอะไรเลย

2.พรรคการเมืองพรรคหนึ่งที่ผู้มีอำนาจจงเกลียดจงชังนักหนา ต้องโดนยุบพรรคถึงสองครั้งสองครา ในการออกกฎหมายย้อนหลังเพื่อกำจัดสิทธิ์คนในพรรคพวกของเขา
แต่..เมื่อถึงเวลาอีกพรรคหนึ่งกระทำความผิดแบบชัดแจ้งหลักฐานพยานพร้อม
ตุลาการกลับไม่ยอมวินิจฉัย ดันมาใช้วิธีการทางเทคนิคช่วยเหลือกันแบบง่ายๆ เอาระยะเวลาและขั้นตอนการทำงานของอีกหน่วยงานอื่นมาเป็นข้ออ้าง แล้วไม่ยอมรับคำร้องกันไปเลย
สรุปความคือ คนที่เป็นคู่ปรปักษ์กับผู้มีอำนาจแอบแฝงจะโดนโทษหนักแม้ไม่มีกฎหมายเล่นงาน ก็สามารถเ​ขียนกฎหมายย้อนหลังกลั่นแกล้งเขาได้ ส่วนคนที่เป็นพวกพ้องตนเองจะได้รับการปกป้องอย่างดี ไม่ระคายเคืองเรื่องใดใดทั้งสิ้น

3.ผู้หญิงตัวเล็กๆคนหนึ่ง เพียงแต่เขากล้าออกมาต่อสู้กับอำนาจแฝงเร้น ด้วยความเชื่อมั่นว่าตนเองทำถูกต้อง ได้ใช้คำพูดที่หมิ่นเหม่ต่อสถาบันฯ
จนตนเองโดนจับกุม ตั้งแต่บัดนั้นเธอไม่เคยได้รับการประกันตัวเลย จนกระทั่ง ศาลมีคำสั่งให้ต้องโทษถึง18ปี จากวันนั้นถึงวันนี้เป็นเวลาเกือบ3ปีแล้ว ผู้หญิงตัวเล็กๆคนนั้นไม่เคยได้รับสิทธิ์ที่จะออกมาดูโลกภายนอกได้เลย
แต่..ในเวลาไม่ถึงสัปดาห์ มีชายโฉดคนหนึ่งที่ทำผิดกฎหมายซ้ำซาก ไม่รู้กี่คดี ได้เอาคำพูดแบบเดียวกันนั้นทุกอย่าง มาถ่ายทอดออกทีวี คนดูคนฟังกันทั้งโลก เขาถูกแจ้งความเหมือนกัน
จนกระทั่งถึงบัดนี้ คดีนี้ก็ยังไม่ไปถึงไหน ชายโฉดคนนั้นก็ยังคงลอยนวลสบายใจเฉิบ เหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น
สรุปก็คือการกระทำเหมือนกันแบบ เดียวกันทุกอย่าง กระบวนการยุติธรรมทั้งหมดจะเลือกปฏิบัติที่ต่างกันไป อยู่ที่ว่าคุณเป็นพวกใครเท่านั้น มิใช่คุณเป็นคนไทยเหมือนกันหรือเปล่า

4.มวลชนเหมือนกันออกมาประท้วงรัฐบาลเหมือนกัน
คนกลุ่มที่ออกมาประท้วงรัฐบาลที่ผู้มีอำนาจตัวจริงสมสู่กันอยู่ นำเอาอาวุธสงครามเข้ามาเข่นฆ่ากลุ่มคนพวกนั้นอย่างป่าเถื่อน บาดเจ็บและเสียชีวิตไปถึงสองพันกว่าคน จับกุมคุมขังไปอีกมหาศาล ทุกวันนี้ก็ยังคงอยู่ และบางส่วนก็ยังถูกตามล้างตามเช็ดรายวันอย่างต่อเนื่องไม่สิ้นสุด
แต่..มีคนอีกกลุ่มหนึ่งที่มีอำนาจแฝงหนุนหลังอยู่สมสู่กันอยู่ ทำผิดกฎหมายสร้างความฉิบหายไปทั้งประเทศมีข่าวไปทั้งโลก เช่นเข้าทำการยึดทำเนียบรัฐบาล เข้าทำการบุกทำลายสถานีโทรทัศน์ของรัฐ เข้ายึดสนามบินนานาชาติ อีกทั้งสนามบินอีกหลายแห่ง เข่นฆ่าทำร้ายเจ้าหน้าที่รัฐ จับเจ้าหน้าที่รัฐไปซ้อมไปกักขัง ขว้างระเบิดปิงปองเข้าใส่เจ้าหน้าที่ของรัฐ รุมกระทืบถ่มน้ำลายรดหัวใส่นายตำรวจสัญญาบัตรในเครื่องแบบขณะปฏิบัติหน้าที่
เรื่องทั้งหมดนี้เกิดก่อนคนกลุ่มแรกเป็นปี มีการแจ้งความไว้ทั้งหมด จนป่านนี้กลุ่มคนพวกนี้ก็ยังคงลอยนวล ไม่มีใครหรือผู้ใด กล้าแตะต้อง มิหนำซ้ำยังออกมาเขย่าขวัญได้อีกตลอดเวลา ท้าท้ายไปทั่ว สร้างความหายนะข้ามชาติมาเป็นละรอกไม่สิ้นสุด
สรุปก็คือ ทั้งหมดมันมวลชลสนับสนุนใคร ถ้าสนับสนุน “กู”ทำเพื่อ “กู” มึงไม่ผิด แต่ถ้าทำเพื่อคนที่ “กูไม่ชอบ” ชีวิตมึงก็ไม่มีค่า ฆ่าทิ้งเมื่อไรก็ได้

แค่4เรื่องที่นำมาเป็นตัวอย่างนี้ เป็นเรื่องที่เกิดขึ้นจริงทั้งหมด ซึ่งเราๆท่านๆทราบกันดีอยู่แล้ว จึงอยากให้พวกท่านๆได้ลองวิเคราะห์กันดู ว่าต่อไปนี้จะเกิดอะไรขึ้น
คำถามเช่นเคย
ถ้า..สมมุติว่าประชาชนมากมายที่ออกมาประท้วง เป็นคนดูฟุตบอลของทีมนครปฐมบ้าง
ประชาชนทั้งหมด กำลังมองหาใครเป็นผู้กระทำกับพวกเขาและจะแก้แค้นเอาคืนกับใคร
ใช่คู่ต่อสู้ที่เป็นรัฐบาลอยู่ในขณะนี้หรือไม่?
คำตอบ..มันชัดเจนว่า มันเลยข้ามไปแล้ว คนดูไม่ได้คิดเอาคืนกับรัฐบาลแน่ พวกเขากำลังมองหากรรมการที่มาตัดสิน
พวกเขากำลังคิดจะรุมกระทืบกรรมการมากกว่ารุมกระทืบคู่ต่อสู้ เพราะเขารู้อะไรมากขึ้น ที่แพ้ชนะกันอยู่ทุกวันนี้ เพราะอะไร? เพราะใคร ? บางคนเรียกมันว่า “ตาสว่าง”

แล้วใครเป็นกรรมการในเรื่องนี้
กรรมการในเรื่องนี้ประชาชนทั่วไปทราบดีพวกเขาออกมาด่าว่ามันคือ “ไอ้เอี้ย”ดังลั่นไปทั่วโลก แต่ประชาชนยังเอื้อมไปไม่ถึงแค่นั้นได้แต่รอเวลาให้มันสุกงอม ที่แน่ๆเห็นชัดเจนก็คือกรรมการบนศาลสถิตยุติธรรม ทุกคนมีตัวตน ทุกคนออกนั่งบัลลังก์ บางท่านเก่งถึงขนาดออกมาวิพากษ์ก่อนการตัดสินก็ยังมี ในคนจำพวกนั้น มีตุลาการอัปรีย์บางคน ที่แสดงออกมาให้ได้เห็นอย่างชัดเจน คำพูดและการกระทำที่แสดงออก ดูเหมือนกับจะบอกว่า “พวกมึงทำอะไรกูได้”

ผมจึงขอบอกกล่าวมาให้กับตุลาการทุกท่านได้รับทราบดังนี้ครับ
ท่านทำอะไรไว้ คนไทยปัจจุบันไม่โง่ครับ เขาเห็นทั้งหมดแล้ว ใครทำดีคนนั้นประชาชนจะเคารพกราบไหว้เอง
ส่วนคนไหนอัปรีย์ไม่ต้องห่วงบัญชีหนังหมาเตรียมไว้เรียบร้อยแล้ว

“ฉะนั้น
ปีพศ.2554 จะเป็นปีแห่งจุดจบของตุลาการอัปรีย์บางคน ก็คอยดูกันไปครับ
คนดูจะลงมาร่วมกระทืบ ตุลการเอง โดยที่ใครก็ช่วยอะไรไม่ได้
เช่นเดียวกับกรรมการในสนามฟุตบอลทีมนครปฐม

จงอย่ามองตนเองสูงกว่าคนปกติ
จงอย่าคิดว่าหัวโขนที่ตนเองสวมอยู่มันจะขลัง
วันนี้ชะตาอาจจะยังไม่ถึงฆาต แต่ วันหน้ามีให้เห็นแน่