เป็นแพะผู้ฆ่าเสื้อแดง 91 ศพ และบาดเจ็บ 2,000 เป็นผู้เผาเซ็งท่านเวิลด์
และเป็นผู้ต้องหาในข้อหาอื่นๆ
(เพื่อปัดความรับผิดชอบว่ารัฐบาลสั่งทหารฆ่าประชาชน ฯลฯ)
1. ผมได้รวบรวมรายชื่อเท่าที่ปรากฏเป็นข่าวและหามาได้ นำมาไว้ ณ ที่นี้
2. ถ้าผู้ใดมีรายชื่อเพิ่มเติม โปรดนำมาลงไว้ ณ ที่นี้ด้วยครับ
(ขอบพระคุณอย่างสูง)
3. ถ้าเป็นไปได้อยากขอความกรุณาให้ IF ช่วยปักหมุดให้ซัก 7 วัน (ขอกราบงามๆ 3 ครั้ง)
เพื่อให้พวกเราช่วยบริจาคให้กับกองทุน สนง.กฎหมายราษฎร์ประสงค์
ซึ่งจัดตั้งโดยเพื่อนคนเสื้อแดงทั้งหลาย เพื่อช่วยเหลือคนเสื้อแดงที่โดนคดี
โดยสามารถบริจาคได้ที่ :
บัญชีออมทรัพย์ ธ.ไทยพาณิชย์ สาขาเซ็นทรัลปิ่นเกล้า
เลขที่บัญชี 183-238662-8
ชื่อบัญชี นายอานนท์ นำภา และ/หรือ นส.วริศา กิตติคุณเสรี
และ/หรือ นส.ไอดา อรุณวงศ์ ณ อยุธยา
4. ผมกราบรบกวนขอให้กองทุนฯนี้ โปรดตรวจสอบ
และพิจารณาให้ความช่วยเหลือกลุ่มแพะเหล่านี้ตามความเหมาะสมด้วย
** คนเสื้อแดงจะไม่ทิ้งกัน **
(ภาพจำลองเหตุการณ์)
ป.ล. 1. ถ้ารายชื่อที่ผมนำเสนอนี้ซ้ำกับรายชื่อที่กองทุนฯ มีอยู่แล้ว ผมขออภัยด้วย
2. คิดว่าจะมีคนเสื้อแดงที่ถูกจับเป็นแพะอีกจำนวนหนึ่ง แต่ไม่ได้เป็นข่าว
ซึ่งคุณอานนท์ นำภา ทนายของกองทุนฯ คงจะมีรายชื่อในมือแล้ว
เพราะคุณอานนท์เคยทำงานให้กับ ศปช.ซึ่งต้องมีข้อมูลพวกนี้
3. ต้องขอขอบคุณท่านเพื่อนเสื้อแดงที่ผมรักและนับถือมากที่สุดท่านหนึ่ง
[ซึ่งเป็นผู้ที่บริจาค(มากที่สุดเท่าที่ผมทราบ)ช่วยเหลือคนเสื้อแดงที่เดือดร้อน
รวมทั้งบริจาคให้กับกองทุนแดงเพื่อแดง (RFRF : Reds For Reds Funds) ของพวกเราด้วย]
ที่เคยเตือนผมมาในเรื่องการจัดตั้งกองทุนเถื่อน
และเตือนเรื่องผู้บริจาครายใหญ่ 200,000 บาท
ให้ระวังการถูกรัฐบาลให้หยุดทำธุรกรรมทางการเงิน
ซึ่งผมต้องขอกราบขอบพระคุณอย่างสูงมา ณ ที่นี้ในความหวังดี
และผมก็ไม่ได้โต้แย้งในเรื่องนี้ เพราะในที่สุดการช่วยเหลือคนเสื้อแดง
ก็ต้องตั้งกองทุนเถื่อนแบบนี้ทั้งนั้น ส่วนการบริจาครายใหญ่ 200,000 บาท
(ซึ่งผมยังไม่เคยเจอ) แต่จากสามัญสำนึกของคนธรรมดาทั่วไป
คนที่มีเงินบริจาคขนาดนี้ย่อมจะรู้ว่าควรจะบริจาคอย่างไร
ถึงจะไม่โดนจับตาและถูกให้หยุดทำธุรกรรมทางการเงิน
จะทยอยบริจาค หรือจะบริจาคทั้งก้อนอย่างไร มันมีหลายวิธีการทำโดยไม่ยาก
ซึ่งจะเห็นได้จากการที่กองทุนสำนักงานกฎหมายฯนี้
ได้รับบริจาคทยอยกันเข้าเรื่อยๆ โดยไม่มีใครสอบถาม
หรือกลัวว่าจะโดนให้หยุดทำธุรกรรมแต่อย่างใด
น่าชื่นใจแทนกองทุนฯนี้จริงๆ
ขออนุโมทนาและขอให้ผู้ร่วมบริจาคและผู้บริหารกองทุนนี้
จงมีแต่ความสุขความเจริญยิ่งๆขึ้นไป
(ภาพจำลองเหตุการณ์)
รายชื่อแพะมีดังต่อไปนี้
1. คุณมานพ ชาญช่างทอง
จาก http://www.thairath.co.th/content/pol/143070
http://www.rajdumnern.net/showthread.php?tid=14810
http://internetfreedom.us/thread-9825.html
http://www.internetfreedom.us/thread-9963.html
ข้อมูลเดิมเกี่ยวกับคุณมานพ ชาญช่างทอง
1. จากหรรษา
http://news.hunsa.com/detail.php?id=22159
นาย ณัฐวุฒิ กล่าวถึงน.พ.บุรณัชย์ สมุทรักษ์ โฆษกพรรคประชาธิปัตย์ นำภาพชายฉกรรจ์ชุดดำถืออาวุธสงครามมาไล่ยิงประชาชน โดยอ้างเป็นกองกำลังไม่ทราบฝ่าย มาจากกองกำลังปักธงชัยและโยงว่าบุคคลดังกล่าวเกี่ยวข้องกับคนเสื้อแดงว่า ยืนยันว่าชายคนดังกล่าวเป็นการ์ดนปช.ชื่อนายมานพ ชาญช่างทอง อายุ 40 ปี ซึ่งอาวุธที่เห็นนั้นยึดมาจากทหาร เพื่อมาแสดงให้คนเสื้อแดงเห็นบนเวทีผ่านฟ้า เป็นไปไม่ได้ที่นายมานพ จะใช้อาวุธทั้งหมดทำร้ายประชาชน และมีคนเดียวที่ทำได้คือแรมโบ้เท่านั้น แต่อยากถามว่าที่มีการเสนอข่าวภาพชายชุดแดงสะพายอาวุธสงคราม ขี่รถจักรยานยนต์ผ่านหน้าสารวัตรทหารและกำลังทหารบริเวณคลองผดุงกรุงเกษมไป ให้กับทหารอีกกลุ่ม แต่ไม่มีการจับกุม จึงตั้งข้อสังเกตว่าชายคนดังกล่าวเป็นแดงเทียมหรือไม่ เข้ามาปะปนกับกลุ่มผู้ชุมนุมเพื่อก่อเหตุในวันที่ 10 เม.ย. ดังนั้น รัฐบาลต้องตอบคำถามดังกล่าวให้ชัดเจน
นายณัฐวุฒิ กล่าวว่า ที่มีรายงานข่าวว่านายอภิสิทธิ์ เร่งรัดให้ตำรวจมาจับกุมแกนนำนั้น เรื่องนี้แม้แต่พล.ต.ท.ไถง ปราศจากศัตรู ผชบ.ก. ยังยอมรับว่ามีการสั่งการจึงถามว่านายอภิสิทธิ์ ยังมียางอายอยู่หรือไม่ เรื่องนี้พล.ต.ท.ชัจจ์ กุลดิลก แกนนำนปช. ได้ไปแจ้งความเอาผิดกับคนที่ฆ่าประชาชน แต่ตำรวจไม่สนใจเพราะคิดแต่ผลประโยชน์ทางการเมือง ยืนยันว่าแกนนำขอปฏิเสธที่จะให้จับกุมตัวในเวลานี้ แต่จะไปมอบตัวหลังจากเสร็จสิ้นภารกิจ คาดว่าจะหลังจากนี้ 1 เดือน เพราะนายสนธิ ลิ้มทองกุล ยังผัดการเข้ามอบตัวได้ ดังนั้น หากนายสนธิมอบตัวเมื่อไหร่จะมอบตัวเมื่อนั้น
2. จากข่าวสด 14 เม.ย.53
http://www.khaosod.co.th/view_newsonline...RGsxTmc9PQ
[size][b]2ไอ้โม่งรายงานตัวสตช. ปัดเป็นผู้ก่อการร้าย
เมื่อวันที่ 14 เม.ย. ที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติ พล.ต.ท.ชัจจ์ กุลดิลก อดีตรองเลขาธิการนายกรัฐมนตรีและอดีต ผบช.ก. ได้นำตัวบุคคล 2 คนที่ทาง ศอฉ.ระบุว่าเป็นผู้ก่อการร้ายสร้างสถานการณ์ใช้อาวุธสงครามยิงประชาชนที่ บริเวณแยกคอกวัวเมื่อวันที่ 10 เม.ย. ที่ผ่านมาเพื่อให้สื่อมวลชนสัมภาษณ์ โดยทั้งสองคนมีภาพปรากฏออกสื่อมวลชนตามที่ ศอฉ.ระบุ
นายมานพ ชาญช่างทอง อายุ 47ปี ชาวจังหวัดปทุมธานี กล่าวว่า ตนเป็นบุคคลในภาพที่สวมไอ้โม่งปิดหน้าครึ่งเดียว และสวมชุดดำ ถือปืนเอ็ม16 ที่ปรากฏในภาพว่าเป็นผู้ก่อการร้าย ขอเรียนว่า ตนมีอาชีพเก็บของเก่าขายแถวปทุมธานี ไม่ได้เป็นทหารพรานอย่างที่รัฐบาลกล่าวอ้าง มาอาสาเป็นการ์ดตั้งแต่การชุมนุมเมื่อปี 2552 แล้ว ทำมาตลอดเพราะชอบการเคลื่อนไหวของกลุ่มเสื้อแดงที่ต้องการประชาธิปไตย ไม่ต้องการระบบสองมาตรฐานที่คนรวยมีเหนือคนจนทุกอย่าง ช่วงที่เกิดขึ้นอยู่ที่อยู่เวทีราชประสงค์ แต่เมื่อนายณัฐวุฒิ ประกาศเดินทางไปสมทบกับกลุ่มผู้ชุมนุมที่เวทีผ่านฟ้า จึงร่วมเดินทางไปด้วย พอเวลาประมาณ 20.00 น. ตนได้อยู่ที่บริเวณอนุสาวรีย์ประชาธิปไตย มีการปะทะกันอย่างรุนแรง กลุ่มผู้ชุมนุมได้ทำการโอบล้อมทหารกลุ่มหนึ่งประมาณ 30 นาย ตนจึงเข้าไปเจรจากับทางทหารว่าขอให้ปลดอาวุธเพื่อไม่ให้เป็นการยั่วยุ ประชาชนที่กำลังโกธรแค้นอาจถูกทำร้ายได้ ฝ่ายทหารซึ่งเป็นหัวหน้า 2 คน ได้ยินยอมและได้วิทยุบอกให้ทหารด้านนอกหยุดยิง แต่ทหารที่อยู่บนโรงเรียนสตรีวิทยา ซึ่งน่าจะเป็นพลแม่นปืนไม่ยอมหยุดยิง ตนจึงบอกว่าช่วยวิทยุบอกให้หยุดยิง ซึ่งก็ต้องใช้เวลานานพอสมควร ซึ่งเมื่อปลดอาวุธทหารเรียบร้อยจึงขนอาวุธทั้งหมดมาที่เวทีผ่านฟ้า เพื่อให้แกนนำเป็นหลักฐาน
"ผมเดินนำหน้าขบวนกลุ่มผู้ชุมนุมสะพายปืนเอ็ม16 ข้างละสองกระบอก ถืออีก1กระบอก จะยิงยังไง แรมโบ้คงยิงไม่ได้เหมือนกัน แต่วันนั้นผมเดินนำหน้าเลยถูกถ่ายรูปเป็นผู้ก่อการร้ายไปซะได้ รู้สึกเสียใจมากที่รัฐบาลมองคนเสื้อแดงเป็นศัตรู เราต้องการประชาธิปไตยต่อสู้อย่างสันติ มีการยิงจากทหารใส่กลุ่มผู้ชุมนุมจริง ทหาร 30 คนที่อยู่กับเราเป็นพยานได้ เมื่อส่งอาวุธที่เวทีเสร็จ ตนยังนำกลุ่มทหารไปส่งให้ผู้บังคับบัญชาเค้าเลย มีการขอบคุณกันอย่างมิตร ไม่เคยคิดว่ารัฐบาลจะมาป้ายสีว่าเป็นผู้ก่อการร้าย ส่วนที่สวมไอ้โม่งเพราะต้องการกันแก๊สนำตา และเรื่องยิงปืนตนก็พอยิงเป็นเพราะเวลามีงานกาชาด ตนก็พาลูกไปยิง และสุดท้ายขอยืนยันว่าตนไม่ใช่ผู้ก่อการร้ายตามที่ถูกรัฐบาลกล่าวหา"นาย มานพกล่าว
2. คุณสมาน ศรีแก้ว
จากข่าวสด 14 เม.ย.53
http://www.khaosod.co.th/view_newsonline...RGsxTmc9PQ
นายสมาน ศรีแก้ว อีกหนึ่งในผู้ถูกกล่าวหาว่าเป็นผู้ก่อการร้ายในปืนยิงทหารและประชาชน กล่าวว่า ตนมีอาชีพเป็นผู้สื่อข่าวอยู่ หนังสือพิมพ์เบาะแส จ.ปทุมธานี ในวันเกิดเหตุ ตนได้เดินทางมาร่วมชุมนุมเพราะชอบแนวทางการเคลื่อนไหวของกลุ่มคนเสื้อแดง โดยในคืนวันที่ 10 เม.ย.ตนได้มาร่วมบริจาคเงินที่ด้านหลังเวทีจำนวน10,000 บาท แต่มาปรากฏว่าตนเป็นผู้ก่อการร้าย ทั้ๆที่คืนวันนั้นตนเห็นว่าทหารที่อยู่บนโรงเรียนสตรีวิทยา ใช้ปืนสงครามยิงประชาชนอย่างจงใจ ตนตกใจมากเมื่อมีรูปปรากฏตามสื่อว่าเป็นคนร้าย ลูกเมียตนก็เสียใจ ว่ารัฐบาลมาป้ายสีได้อย่างไร ถ้ามีการออกหมายเรียกหรือหมายจับตนก็พร้อมจะไปพิสูจน์และจะฟ้องกลับบุคคลที่ กล่าวหาด้วย เพราะมันไม่ใช่จริงๆ ตนรู้ว่ามีการถ่ายรูปตนที่หลังเวที ก็ไม่ได้สนใจอะไรเพราะเราไม่ผิด เรื่องนี้รัฐบาลแย่มากที่พยายามโยนความผิดให้บุคคลคืน ทั้งๆที่วินาทีต่อวินาทีนั้นตนเห็นเหตุการณ์ว่าทหารทำอย่างไรกับประชาชน
"อยากให้รัฐบาลไปเช็คประวติตนได้เลยว่าเคยมีประวัติเกี่ยวข้องกับเรื่องเลว ร้ายอะไรไม่เคยมีแน่นอน ตนทำมาหากินสุจริต ในอดีตเคยเป็นนักมวยค่าตัวเรือนแสน ต่อยออกทีวีช่องเจ็ดทุกอาทิตย์ โดยใช้ชื่อว่า ฟ้าเพชร กิตติบัณฑิต ต่อมาก็มาเป็นผู้สื่อข่าว ถ้าเจอ นายสาทิตย์ วงศ์หนองเตย รมต.ประจำสำนักนายกรัฐมนตรีที่เอารูปตนไปออกอากาศว่าเป็นผู้ก่อการร้าย ตนจะขอต่อยซักทีในฐานะนักมวยเก่า" นายสมาน กล่าว
3.คุณประสงค์ มณีอินทร์ และ 4. คุณโกวิทย์ แย้มประเสริฐ
อ้างอิง :
http://www.isnhotnews.com/tag/%E0%B8%81%...%E0%B8%8A/
เมื่อเวลา 11.00 น. วันที่ 17 พฤษภาคม ที่ สน.พญาไท พล.ต.ท.สัณฐาน ชยนนท์ ผบช.น. พ.ต.อ.ชัยวัฒน์ ฉันทวรลักษณ์ พ.ต.อ.วีรวิทย์ จันทร์จำเริญ รอง ผบก.น.1 พ.ต.อ.กิตติพันธุ์ จุนทการ ผกก.สน.พญาไท พ.ต.ท.กฤษณะ สุกันทะ พ.ต.ต.สิทธิศักดิ์ นาคามาตย์ สว.สส. ร่วมแถลงจับกุมนายประสงค์ มณีอินทร์ อายุ55 ปี อยู่บ้านลขที่ 5/103 หมู่ 3 แขวงจระเข้บัว เขตลาดพร้าว กทม. และนายโกวิทย์ แย้มประเสริฐ อายุ 55ปี อยู่บ้านเลขที่ 74 หมู่ 5 ต.บ้านใหม่ อ.เมืองปทุมธานี จ.ปทุมธานี พร้อมของกลางรถยนต์กระบะ โตโยต้า ไมตี้เอ็กซ์ สีเขียว ทะเบียน ปว 2816 กทม. ระเบิดปิงปอง 13 ลูก เสื้อเกราะกันกระสุน 2 ตัว ระเบิดขวด 2 ขวด กระบอกไม้ 4 อัน แท่งเหล็ก 6 แท่ง หนังสติ๊ก 8 อัน ลูกแก้ว 180 ลูก หัวนอตโลหะ 288 ตัว วิทยุสื่อสาร 2ตัว มีดสั้น 4 เล่ม บัตรการ์ด นปช. เงินสด 2510 บาท สินค้าจากร้านเซเว่นอีเลเว่น และอื่นๆจำนวนมาก รวมทั้งสิ้น 60 รายการ จับกุมได้ที่ด่านตรวจความมั่นคงบริเวณซอยพญานาค แขวงถนนเพชรบุรี เขตราชเทวี กทม.
พล.ต.ท.สัณฐาน กล่าวว่า สืบเนื่องจากเมื่อเวลาประมาณ 08.00 น. พนักงานเจ้าหน้าที่ทหาร นำโดย ร.ต.วิเชียร เวชยางกูร ได้ตั้งด่านตรวจอยู่บริเวณซอยพญานาค ต่อมาพบนายประสงค์ ขับขี่รถกระบะคันดังกล่าวมาพร้อมกับนายโกวิทย์ มาจากสะพานหัวช้าง มุ่งหน้าพญาไท ซึ่งเป็นพื้นที่ประกาศสถานการณ์ฉุกเฉินที่มีความร้ายแรง จึงได้เรียกตรวจค้นพบของกลางดังกล่าว ซึ่งจากการสอบถามเจ้าหน้าที่ทหารและตำรวจยืนยันว่าผู้ต้องหาทั้ง 2 ได้เข้ามามีส่วนร่วมในการชุมนุม นปช. นอกจากนี้ภายในกล้องถ่ายรูปของผู้ต้องหายังมีภาพการฝึกของการ์ด นปช. ที่ จว.สระบุรี อีกด้วย
พล.ต.ท.สัณฐาน กล่าวอีกว่าจากการสอบสวนผู้ต้องหาทั้ง2 ให้การรับสารภาพ โดยนายประสงค์ เป็นการ์ด นปช. ส่วนนายโกวิทย์ เป็นอดีตทหารเกณฑ์ สังกัด ม.พัน 3 โดยนายประสงค์ ได้ขับรถมาจากบริเวณแยกราชประสงค์ เลี้ยวขวาเข้าถนนพญาไท เลี้ยวซ้ายเข้าซอยพญานาค เพื่อมุ่งกลับบ้านย่านรามอินทรา ส่วนของกลางดังกล่าวอยู่ในรถคันของกลางที่ขับขี่มาจริง โดยมีผู้นำมาใส่ซึ่งตนไม่ทราบมาก่อน จนกระทั่งเจ้าหน้าที่ตรวจค้นพบที่ด่านตรวจและถูกจับกุมดังกล่าว
เบื้องต้นแจ้งข้อหา ร่วมกันฝ่าฝืนคำสั่งพนักงานเจ้าหน้าที่ที่มีอำนาจ ซึ่งห้ามบุคคลใดซึ่งมีพฤติการณ์หรือน่าเชื่อว่าเข้ามามีส่วนร่วมในการชุมนุม เพื่อกระทำการที่กระทบต่อความมั่นคงของรัฐ หรือความปลอดภัยของประชาชน เข้ามาในพื้นที่ที่ประกาศสถานการณ์ฉุกเฉินที่มีความร้ายแรง ,ร่วมกันพกพาอาวุธมีดไปในเมืองหมู่บ้านหรือที่สาธารณะโดยไม่มีเหตุอันควร , ร่วมกันมีเครื่องมือสื่อสารโทรคมนาคมไว้ในครอบครองโดยไม่ได้รับอนุญาต และ ร่วมกันลักทรัพย์ ส่งพนักงานสอบสวนดำเนินคดีต่อไป
ที่มา : http://www.bangkokbiznews.com/home/detai...465/..html
ศาล อนุญาตฝากขัง"สมพงศ์ บังชม"ร่วมก่อการร้าย กับกับ"พายัพ ปั้นเกตุ"พาพวกบุกค้นร.พ.จุฬาฯ ดีเอสไอค้านประกันตัว นิยมความรุนแรงมีกำลังติดอาวุธ
ที่ศาลอาญา ถนนรัชดาภิเษก เมื่อเวลา 09.00 น. นางปานฤดี บำเพ็ญบุญ พนักงานสอบสวนกรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) พร้อมกำลังเจ้าหน้าที่ ได้ควบคุมตัว นายสมพงศ์ หรืออ้อ หรือแขก บังชม อายุ 30 ปี ชาวศรีสะเกษ หัวหน้าการ์ดอาสาของกลุ่มแนวร่วมประชาธิปไตยต่อต้านเผด็จการ(นปช.) กลุ่มสมิงดำ ผู้ต้องหาตามหมายจับศาลอาญา คดีร่วมกันสนับสนุนให้มีการกระทำผิดฐานก่อการร้าย ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 135 /1-3 มายื่นคำร้องขอฝากขังครั้งแรกเป็นเวลา 12 วัน ตั้งแต่วันที่ 12 - 23 ม.ค. เนื่องจากการสอบสวนยังไม่เสร็จสิ้น ต้องสอบปากคำพยานบุคคลอีกจำนวน 10 ปาก และรอผลตรวจพิมพ์ลายนิ้วมือของผู้ต้องหา ผลการตรวจสอบประวัติการดำเนินคดีอาญาจากกองทะเบียนประวัติอาชญากร สำนักงานตำรวจแห่งชาติ
โดยท้ายคำร้อง พนักงานสอบสวนได้คัดค้านการประกันตัวด้วย เนื่องจากผู้ต้องหาเป็นกลุ่มบุคคลที่นิยมความก้าวร้าวหรือรุนแรง เป็นกองกำลังที่เคยก่อความวุ่นวาย หรือความไม่สงบในบ้านเมืองมาก่อน ประกอบกับผู้ต้องหามีพฤติการณ์หลบหนีไป ดังนั้นหากได้รับการปล่อยตัวชั่วคราวเกรงว่าอาจจะกระทำดังกล่าวซ้ำอีก
ขณะที่คำร้องระบุพฤติการณ์สรุปว่า เมื่อวันที่ 29 เม.ย.53 ผู้ต้องหาซึ่งเป็นหัวหน้าการ์ดอาสาของกลุ่มนปช. ศรีสะเกษ ที่มีสมาชิกประมาณ 300 คน และมีหน้าที่รับผิดชอบพื้นที่บริเวณแยกศาลาแดง ได้ร่วมกับนายพายัพ ปั้นเกตุ และพวกการ์ด นปช. อีกประมาณ 200 คน บุกค้นเข้าไปในโรงพยาบาลจุฬาลงกรณ์ฯ โดยอ้างว่ามีทหารแอบซ่อนตัวอยู่ซึ่งเป็นการกระทำที่ไม่ชอบด้วยกฎหมายสร้าง ความปั่นป่วนหวาดกลัวในหมู่ประชาชน ทำให้แพทย์และพยาบาลไม่สามารถปฏิบัติหน้าที่รักษาผู้ป่วยได้ ต้องหยุดรักษาและเคลื่อนย้ายผู้ป่วยไปรักษาที่อื่น ทั้งนี้เพื่อสนับสนุนการก่อการร้าย
โดยกระทำเป็นขบวนการ แบ่งหน้าที่กันทำ แต่มีวัตถุประสงค์อย่างเดียวกันคือ ขู่เข็ญหรือบังคับรัฐบาลให้ยุบสภา ก่อให้เกิดความเสียหายต่อเสรีภาพของประชาชนอย่างร้ายแรง โดยผู้ต้องหาถูกเจ้าหน้าที่ดีเอสไอ จับกุมได้เมื่อวันที่ 10 ม.ค.54 เวลา 22.00 น.
ทั้งนี้ศาลพิจารณาคำร้องและสอบถามผู้ต้องหาแล้วไม่คัดค้าน จึงอนุญาตให้ฝากขังได้
6. คุณสายชล แพบัว
จาก
http://www.tlcthai.com/webboard/view_top...%B9%BB%AA.
จับมือเผาเซ็นทรัลเวิลด์ รับเป็นการ์ด นปช.
ตำรวจนครบาลแถลงจับกุม 1 ใน 4 มือเผาเซ็นทรัลเวิลด์ เจ้าตัวยอมรับเป็นการ์ด นปช. แต่ปัดวางเพลิง เผยประวัติเคยต้องคดีพยายามฆ่า
เมื่อวันที่ 8 มิ.ย.2553 ตำรวจนครบาลร่วมกันแถลงข่าวการจับกุม นายสายชล แพบัว อายุ 28 ปี ชาวจังหวัดชัยนาท 1 ใน 4 ผู้ต้องหาในคดีร่วมกันวางเพลิงเผาเซ็นทรัลเวิลด์ โดยมีประชาชนแจ้งเบาะแสพบผู้ต้องหาคนดังกล่าวบริเวณท้องสนามหลวงจาก ภาพกล้องวงจรปิดที่ตำรวจเผยแพร่ออกไปก่อนหน้านี้
ทั้งนี้ จากการสอบสวน นายสายชล ยอมรับว่าปกติใช้ชีวิตกินนอนอยู่ที่สนามหลวง ในช่วงการชุมนุมได้ไปสมัครเป็นการ์ดของ นปช.ได้รับค่าจ่างวันละ 500 บาท โดยในวันที่มีการเผากรุง หัวหน้าการ์ดได้สั่งให้แต่งกายด้วยชุดดำและเดินเข้าไปสำรวจในเซ็นทรัลเวิลด์ ซึ่งตนใช้เวลา 30 นาทีจึงเดินออกมา แต่ไม่ทราบว่าใครเป็นผู้วางเพลิง จากนั้นได้เข้าไปหลบในวัดปทุมวนาราม
เมื่อถามถึงกรณี 6 ศพ ในวัดปทุมวนาราม นายสายชล บอกไม่รู้ว่าใครเป็นคนยิง เพราะตื่นมาตอนเช้าจึงพบศพพร้อมกับคนอื่น ๆ แล้วก็กลับมาที่สนามหลวง พร้อมกันนี้ นายสายชล ยอมรับด้วยว่า เคยต้องคดีพยายามฆ่ามาก่อนนานหลายปีแล้ว แต่ต่อมาศาลได้ยกฟ้อง
อย่างไรก็ตาม ตำรวจยืนยันว่าจากการตรวจสอบภาพกล้องวงจรปิดภายในห้างเซ็นทรัลเวิลด์
เป็นภาพนายสายชลจริง โดยมีผ้าพันคอสีแดงที่ข้อมือขวา และถือถังดับเพลิงสีเขียวอยู่
ด้วย ซึ่งเจ้าตัวยังปฏิเสธข้อกล่าวหา จึงต้องไปสู้คดีต่อในชั้นศาล
7. คุณเจ็มส์ สิงห์สิทธิ์
ดีเอสไอจับมือยิงรถไฟฟ้าศาลาแดง 22 ธันวาคม 2553 เวลา 12:59 น.
ดีเอสไอรวบมือยิงเอ็ม79ใส่รถไฟฟ้าศาลาแดงพบประวัติเป็นอดีตทหารพรานเคยเป็น การ์ดของนปช.และทำงานใกล้ชิดกับเสธแดง เจ้าหน้าที่หน่วยความมั่นคงสอบปากคำก่อนคุมตัวฝากขัง
เจ้าหน้าที่กรมสอบสอบสวนคดีพิเศษ หรือ ดีเอสไอ ได้จับกุมนายเจ็มส์ สิงห์สิทธิ์ อายุ 29ปี อดีตทหารพราน ผู้ต้อหาตามหมายจับคดีก่อการร้าย ในเหตุการณ์ชุมนุมทางการเมือง ขณะนี้เจ้าหน้าที่หน่วยความมั่นคง กำลังอยู่ระหว่างการสอบปากคำ ร่วมกับพนักงานสอบสวน ดีเอสไอ ก่อนที่จะคุมตัวไปขออำนาจศาลฝากขังในวันพรุ่งนี้ ( 23 ธ.ค.) ต่อไป ทั้งนี้มีรายงานว่า นายเจ็มส์ ยังคงให้การปฏิเสธ
สำหรับนายเจ็มส์มีภูมิลำเนาอยู่ที่ต. น้ำคำ อ.เมือง จ. ศรีสะเกษ เคยทำหน้าที่เป็นการ์ดนปช.อยู่ในกลุ่มที่ทำงานใกล้ชิดกับพล.ต.ขัตติยะ สวัสดิผล หรือเสธ.แดงเป็นหนึ่งในมือยิงระเบิดเอ็ม 79 ใส่รถไฟฟ้าและกลุ่มผู้ชุมนุมเสื้อหลากสีที่แยกศาลาแดง
ด้าน นายธาริต เพ็งดิษฐ์ อธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษ(ดีเอสไอ) เปิดเผยว่า ได้สั่งการให้ พ.ต.อ.ไพสิฐ วงศ์เมือง ผู้อำนวยการส่วนปฏิบัติการพิเศษ และคณะ สืบสวนติดตามจับกุมผู้กระทำความผิดคดีก่อการร้าย ซึ่งคณะพนักงานสอบสวนคดีพิเศษได้ขอให้ศาลอาญาออกหมายจับไปแล้วจำนวนหลายคน
ล่าสุดเมื่อวันที่ 21 ธ.ค.ที่ผ่านมาเจ้าหน้าที่ ชุดปฏิบัติการพิเศษสามารถจับกุม นายเจ็มส์ สิงห์สิทธิ์ อายุ 29 ปี ภูมิลำเนาอยู่บ้านเลขที่ 111 หมู่ที่ 2 ตำบลน้ำคำ อำเภอเมืองศรีสะเกษ จังหวัดศรีสะเกษ ผู้ต้องหา ในความผิดฐานร่วมกันหรือสนับสนุนให้มีการกระทำผิดฐานก่อการร้าย ตามหมายจับศาลอาญาที่ 2691/2553 ลงวันที่ 29 พ.ย. 2553 ได้ที่บริเวณถนนแจ้งวัฒนะ หน้าบริษัทไปรษณีย์ไทย จำกัด แขวงทุ่งสองห้อง เขตหลักสี่ กรุงเทพมหานคร
"ในชั้นจับกุมผู้ต้องหาให้การปฏิเสธ แต่ในชั้นสอบสวนทราบว่าผู้ต้องหาเคยเป็นอดีตทหารพรานมาก่อนและเป็นกลุ่มกอง กำลังนักรบพระเจ้าตากของ พล.ต.ขัตติยะ สวัสดิผล หรือเสธ.แดง โดยเป็นกองกำลังติดอาวุธปืนเอ็ม 79 และอาวุธปืนเอ็ม 16 เป็นผู้ร่วมก่อเหตุยิงเอ็ม 79 ใส่บริเวณถนนสีลม ในช่วงการชุมนุมของกลุ่ม นปช. ที่ผ่านมา"นายธาริตกล่าว
ขณะนี้การสอบสวนผู้ต้องหารายนี้ได้เสร็จสิ้นแล้ว คณะพนักงานสอบสวนคดีพิเศษมีความเห็นควรสั่งฟ้องผู้ต้องหาและได้ส่งสำนวนไป ยังพนักงานอัยการฝ่ายคดีพิเศษ สำนักงานอัยการสูงสุด โดยจะนำตัวนายเจ็มส์ไปขออำนาจศาลอาญาฝากขังในวันที่ 23 ธ.ค.นี้ สำหรับการสอบสวนในครั้งนี้ได้มีเจ้าหน้าที่ตำรวจสันติบาล สมช.และกองทัพบกเข้าร่วมสอบกับดีเอสไอด้วย
จาก :
http://www.bangkokbiznews.com/home/detai...%E....html
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า พ.ต.อ.สุพิศาล ภักดีนฤนาถ รักษาการ ผบก.ป. สั่งการพนักงานสอบสวน พร้อมกำลังตำรวจกองปราบปรามเดินทางไปยังโรงพยาบาลวชิรพยาบาลเพื่ออายัดตัว นายจรัญ หรือ ยักษ์ ลอยพูล อายุ 40 ปี อยู่บ้านเลขที่ 38/2 หมู่ 6 ต.งิ้วราย อ.เมือง จ.ลพบุรี ลูกน้องของ พล.ต.ขัตติยะ สวัสดิผล หรือ เสธ.แดง อดีตผู้ทรงคุณวุฒิกองทัพบก ตามหมาย พ.ร.ก.ฉุกเฉินฯ หลังได้รับการประสานงานจาก สน.สามเสน เมื่อช่วงค่ำวันที่ 25 พฤษภาคม ที่ผ่านมา
เมื่อไปถึงพบว่านายจรัญ นอนพักรักษาตัวอยู่ที่โรงพยาบาลดังกล่าวเนื่องจากถูกยิงที่ขาซ้ายและแขนขวา ได้รับบาดเจ็บจากเหตุการณ์ปะทะกันเมื่อวันที่ 19 พฤษภาคม ที่ผ่านมา โดย พ.ต.ต.รุ่งเลิศ คันธจันทร์ พงส.(สบ2) บก.ป. ได้นำหมาย พ.ร.ก.ฉุกเฉินฯ ที่ 117/53 วันที่ 21 พ.ค.53 ข้อหาฝ่าฝืน พ.ร.ก.ฉุกเฉิน ไปขออายัดตัวก่อนจะส่งไปรักษาตัวต่อที่โรงพยาบาลตำรวจ
สำหรับนายจรัญ นั้นเคยถูกตำรวจ บก.ป.จับกุมพร้อมกับ พล.ต.ขัตติยะ ว่าที่ ร.ต.สุรภัศ จันทิมา นายมงคล สารพัน นายจักรชลัส คงสุวรรณ นายเริงฤทธิ์ ตุ้มทองคำ นายสุวิทย์ คีรีรักษ์ หลังให้การช่วยเหลือนายพรวัฒน์ ทองสมบูรณ์ หรือ “เคทอง” หลบหนีการจับกุมของเจ้าหน้าที่ นอกจากนี้ยังถูกตำรวจกองปราบปรามตรวจค้นรถตู้ที่ทั้งหมดใช้เป็นพาหนะพบอาวุธ ปืน อีกหลายกระบอกจึงถูกดำเนินคดีในความผิดตาม พ.ร.บ.อาวุธปืนฯ และร่วมกันให้การช่วยเหลือซ่อนเร้นนายพรวัฒน์ ต่อมาศาลอนุญาตให้ประกันตัวออกมาต่อสู้คดี ระหว่างนั้นก็เข้าร่วมการชุมนุมจนถูกยิงได้รับบาดเจ็บ และถูกออกหมายฐานฝ่าฝืน พ.ร.ก.ฉุกเฉินฯ ดังกล่าว
จาก :
http://wechampion.igetweb.com/index.php?mo=3&art=459304
ตร.จับการ์ด นปช.ล่ามโซ่ เหตุมีความผิด
จนท.ตำรวจยัน จับการ์ด นปช.ล่ามโซ่เป็นเรื่องปกติ เนื่องจากเป็นผู้ต้องหาคดีความผิดตาม พ.ร.ก. ฉุกเฉิน ป้องกันการหลบหนี
พล.ต.ต.สุเมธ เรืองสวัสดิ์ รอง ผบช.น.(ฝ่ายสืบสวน) เปิดเผยกรณี นายจรัญ ลอยพูล หรือยักษ์ ออกมาร้องเรียนผู้สื่อข่าวผ่านทางหน้า 1หนังสือพิมพ์ข่าวสด ว่า ถูกใส่โซ่ล่ามที่ขา ซึ่งน่าจะเป็นการกระทำที่เกินกว่าเหตุ เพราะมีความผิดตาม พ.ร.ก.ฉุกเฉิน เท่านั้น ว่า สำหรับนายจรัญ มีการแจ้งข้อหาหลายคดี ผู้ต้องหาร้องขอความเป็นธรรมทั่วไปเยอะแยะเพราะเป็นสิทธิ์ของเขา โดยนายจรัญเป็นการ์ดเสื้อแดง และช่วงชุมนุมได้กักตัวตำรวจที่ถ่ายรูปพร้อมยึดกล้องและหักเมมโมรี่การ์ดอีก ด้วย เรื่องนี้เป็นระเบียบปกติเพราะเป็นผู้ต้องหา หากไม่ล่ามโซ่ก็อาจหนีได้ หากไม่เจ็บป่วยอยู่โรงพยาบาล ก็ต้องไปเรือนจำแล้ว ที่ต้องล่ามโซ่เพราะเป็นผู้ต้องหา…
จาก : http://nopeter.org/forum/index.php?topic=971.0
นายจรัล กล่าวว่า วันเกิดเหตุ 19 พ.ค. ช่วงบ่าย ตนเดินไปเดินมาบริเวณแยกประตูน้ำ เห็นทหารเดินมากลุ่มหนึ่งประมาณ 4-5 นาย ห่างจากตนประมาณ 20 เมตร ด้วยความกลัวตนจึงวิ่งหนี แต่ก็ถูกทหารกลุ่มดังกล่าวใช้ปืนลูกซองและปืนเอ็ม 16 ยิงเข้าใส่เป็นชุด ชุดละ 5-6 นัด
"ตอนนั้นรู้สึกขาซ้ายขัดๆ วิ่งไม่ได้ สะดุดล้มลง จึงรู้ว่าถูกยิงที่ขา แต่เป็นกระสุนปืนลูกซอง พอลุกขึ้นวิ่งใหม่ ก็ถูกทหารยิงอีก เป็นกระสุนปืนเอ็ม 16 โดนเข้าที่มือขวา ทำให้เนื้อแขนขวาหายไป และโดนเส้นประสาทด้วย ตอนนี้ได้แต่ภาวนาให้หายเป็นปกติ" นายจรัลกล่าว
นายจรัลกล่าวด้วยว่า ตอนนี้กังวลใจมากที่สุด เพราะถูกตำรวจตั้งข้อหาละเมิดพ.ร.ก.ฉุกเฉิน ต้องถูกล่ามโซ่ไว้กับเตียงของโรงพยาบาล และมีตำรวจควบคุมตัวอย่างแน่นหนา โดยก่อนหน้านี้ ตนประกอบอาชีพขายเสื้อผ้าอยู่ที่ประตูน้ำ เมื่อว่างเว้นจากงานจะมาฟังการปราศรัยของนปช.ที่แยกราชประสงค์ แต่ไม่เคยคิดว่าเหตุการณ์จะรุนแรงขนาดนี้
9. คุณประสิทธิ์ สวัสดี
http://www.bangkokbiznews.com/home/detai...%E....html
หน่วยเคลื่อนที่เร็วของทหารจับการ์ดเสื้อแดง พกปืน.38 ติดเลเซอร์ พร้อมกระสุน 35 นัด บอกซื้อปืนเพื่อป้องกันตัว
กลางดึกที่ผ่านมา ร.ท.จักรภพ ชัยสุนทร หัวหน้าชุดเคลื่อนที่เร็ว นำกำลังประมาณ 10 คน ลาดตระเวณอยู่บนถนนโลคัลโรด หน้าสำนักงานเขตดอนเมือง ขาเข้า มุ่งหน้าหลักสี่ ได้เห็นกลุ่มรถจักรยานยนต์จำนวน 8 คัน ซิ่งอยู่บนถนนดังกล่าว จึงได้นำกำลังเข้าปิดล้อม โดยใช้รถจักรยานยนต์ของเจ้าหน้าที่ทหารปิดล้อมถนนดังกล่าว สามารถจับกุมได้ทั้งหมด 7 คัน โดยพบรถต้องสงสัยเป็นรถจักรยานยนต์ ฟีโน่ สีแดง ไม่ติดแผ่นป้ายทะเบีย คนขับมีท่าทางพิรุธ จึงขอตรวจค้น
จากการตรวจค้นปรากฎว่า นาย ประสิทธิ์ สวัสดี อายุ 41 ปี อยู่บ้านเลขที่ 51 /132 หมู่5 แขวงสีกัน เขตดอนเมือง กทม. ภายในตัวพบอาวุธปืนขนาด .38 พร้อมลูกกระสุนอีก 35 นัด ปืน.38ติดเลเซอร์ และยังพบสนับมือ บัตรประจำตัวระบุเป็นการ์ด นปช. พร้อมรูปถ่าย จึงนำตัวส่งโรงพัก สน.ดอนเมือง
จากการสอบสวนประสิทธิ์ รับสารภาพว่า เป็นคนขับรถของศ.ดร.อิงอร ญาณารณพ เจ้าของผลิตภัณฑ์ สบู่อิงอร และยังซื้อปืนดังกล่าวให้ติดตัว ส่วนบัตรนปช.ที่พบนั้นทำตอนที่ไปร่วมชุมนุมกับทางกลุ่มคนเสื้อแดง โดยตนจะใช้เวลาในวันหยุดเสาร์อาทิตย์ ไปร่วมชุมนุมเพราะเป็นคนจ.สกลนคร ก่อนเกิดเหตุทางดร.อิงอรได้ใช้ให้ไปซื้อขนมปัง
ต่อมาทางศ.ดร.อิงอรได้เดินทางมาที่โรงพัก พร้อมกับระบุว่า นายประสิทธิ์เป็นคนขับรถของตนจริง ก่อนเกิดเหตุให้มาซื้อขนมปัง ส่วนปืนซื้อไว้ให้ป้องกันตัว สำหรับการชุมนุมกับทางกลุ่มคนเสื้อแดงได้เคยห้ามปราม แต่นายประสิทธิ์จะใช้ช่วงเวลาวันหยุดไปร่วมชุมนุมเป็นประจำ ส่วนปืนที่พบมีใบอนุญาต สำหรับรถจักรยานยนต์ที่ไม่มีทะเบียนเพราะเพิ่งซื้อมา
ขณะที่ ร.ต.ท. เทพพรศักดิ์ กากแก้ว ร้อยเวร (สบ.1) สน.ดอนเมือง ได้ดำเนินคดีในข้อหา พกพาอาวุธปืนไปในที่สาธารณะโดยไม่มีเหตุอันควร และขัดขืนการจับกุมของเจ้าหน้าที่
10. ชายนิรนาม ไม่ทราบชื่อ
จาก
http://rajdumnern.com/simple/?t107.html
แฉ!! พ่อค้าน้ำตามหาลูกเมียป่วยที่ รพ.ตร. โดนยัดคุกข้อหาเผาห้าง แถมตีหัวซ้ำ
ช็อค!! พ่อค้าน้ำตามหาลูกเมียที่ป่วย ที่ รพ.ตำรวจ กลับโดนทหารจับยัดคุกข้อหาเผาห้าง วางเพลิง ข้อหาผิด พรก.ฉุกเฉิน มีอาวุธและก่อการร้าย ร้องขอความยุติธรรมจากสังคม.
พ่อค้าน้ำ (ขอสงวนชื่อ) ตำรวจบ้านย่านลาดพร้าว ร้องขอความยุติธรรม ว่าตนถูกเจ้าพนักงานรัฐกลั่นแกล้งจนนอนติดคุกตั้งแต่ 19 พ.ค.53 ถึงต้นเดือนสิงหาคมที่ผ่านมา พ่อค้าน้ำแฉผ่าน http://www.go6tv.com/ ว่าสภาพความเป็นอยู่เหมือนนรกบนดิน โดนกลั่นแกล้งจากเสื้อเหลืองในคุกสารพัด แล้วต้องพลัดพรากลูกเมียทั้งที่ตนเป็น "พ่อค้าจนๆ เข็นรถน้ำหวาน เก็บขยะ" ในม็อบ
พ่อค้าน้ำเล่าว่า วันเกิดเหตุ 19 พ.ค. ได้ข่าวว่าเขาจะสลายการชุมนุม ตนกำลังเก็บขยะ ขวดพลาสติก กระป๋องเพื่อไปชั่งกิโลขาย จึงรีบเดินทางไปโรงพยาบาลตำรวจ เพราะลูกป่วยรักษาตัวอยู่ที่โรงพยาบาลตำรวจและเมียก็เฝ้าใข้ลูก
ในบริเวณชุมนุมราวเที่ยง เริ่มทราบว่าเมียและลูก ย้ายหนีจาก รพ. เข้าไปยังในวัดปทุมวนาราม ตนไปยังวัดแล้วรู้ว่า ลูกเมียอยู่ จึงหาวิธีพาลูกเมียกลับบ้าน จึงเดินออกมาทางด่านปทุมวัน (มาบุญครอง) เพื่อหารถแท็กซี่ เพื่อรับลูกเมียกลับบ้าน ขณะที่เดินจากวัดไปมาบุญครอง ค่อนข้างไกล จึงกระโดดขึ้นมอเตอร์ไซไปยังสี่แยกมาบุญครอง ด้วยความบริสุทธิ์ใจ จึงได้ไปแจ้งให้ทหารที่เฝ้าด่านทราบเพื่อขออนุญาตนำรถแท็กซี่ไปรับลูกเมีย จากข้างใน
ทหารที่อยู่ด่านนั้น กลับจับตัวของพ่อค้าน้ำ ค้นถุงเก็บขยะ ซึ่่งในถุงขยะสีดำ 2-3 ถุงที่ตนถือมา มีขวดน้ำ กระป๋องน้ำอัดลมยัดเก็บไว้เพื่อไปขาย รวมทั้งมีดปลอกผลไม้ที่เก็บได้ และตนได้เอากระดาษห่อมีดไว้หลายๆชั้นเพื่อประกันว่าไม่สามารถหยิบมีดนี้มา ใช้ได้ ทหารถามว่าทำไมมีมีดปลอกผลไม้ยาว6-7นิ้ว จึงตอบว่าตนเก็บได้จากแถวถังขยะ ซึ่งยังใช้ได้ เพราะตนขายส้มตำไก่ย่างแถวบ้านด้วย จึงได้เก็บมีดนี้ไว้ กะว่ามาลับให้คมเพื่อใช้สับมะละกอส้มตำ
ปรากฏว่า เจ้าหน้าที่รัฐได้ใช้มีดเล่มดังกล่าว "สับ" เข้าบนหัวอย่างจังจนเลือดไหล พร้อมโดนถอดเสื้อผ้าออกทั้งหมด ยึดโทรศัพท์มือถือ และส่งตัวขึ้นรถบัสที่ ศอฉ.จัดไว้ให้ โดยอ้างว่าจะพากลับบ้าน ตนยืนยันว่า ทุกคนที่อยู่บนรถ ไม่ได้ถูกส่งกลับบ้านเลย แต่ถูกส่งเข้าเรือนจำทันที
ขณะที่กำลังเดินจากหน้าวัดปทุมฯ จนมาถึงฝั่งสี่แยกมาบุญครอง พ่อค้าน้ำเล่าต่อว่า ราวบ่ายโมง แต่ปรากฏว่าตนเห็นทหารอยู่บนรถไฟฟ้า ส่องปืนลงมายังประชาชนข้างล่าง พร้อมส่งเสียงโวยวายฟังไม่ออกว่าเป็นภาษาไทย ทหารที่อยู่ด้านล่างต้องส่องปืนขึ้นไปด้านบน พร้อมตะโกนบอกว่า "อย่ายิง" พร้อมโบกมือห้าม เพราะเหมือนทหารบนรถไฟฟ้าไม่รู้ภาษาไทย แต่พอเห็นทหารข้างล่างโบกมือไม้จึงหยุด แล้วส่งเสียงพูดภาษาแปลกๆๆ ไม่คุ้นหูคนไทยเลย
พอมาอยู่ในเรือนจำ ก็ใช้ชีวิตอย่างยากลำบากจนมีคนช่วยไปประกันตัวออกมาชั่วคราวเพื่อรักษาอาการ ป่วยที่เท้าที่เริ่มเดินไม่ได้ ขณะนี้เขาออกมาอยู่บ้าน ไม่มีรถเข็นแล้ว ลูกก็ป่วยหลังจากนั้นมาตลอดเวลา จึงมาร้องขอความเป็นธรรมกับสังคมต่อไป
( http://www.go6tv.com/ จะได้ถอดเทปทั้งหมดออกมานำเสนอท่านเป็นตอนๆต่อไป)
http://www.internetfreedom.us/thread-10444.html
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น