และแล้ว คนกรุง คนชั้นกลาง หมวยลี่ ผู้ดี เซเลบส์ ก็ได้ช็อปกระหน่ำฉ่ำใจ
แถมยังได้ช่วยชาติอีกต่างหาก ในมหกรรมช็อปแหลกแจกแถมหลากหลาย
ที่จัดขึ้นเพื่อลบลืมคนตาย 88 ศพ บาดเจ็บ 1,885 คน
(แล้วเอาช่อดอกไม้ไปให้กำลังใจซากตึกแทน)
นี่ หรือคือสิ่งที่พวกเขาเรียกว่า “เยียวยา” “ปรองดอง”
ป่วยการที่ฝ่าย ค้านจะโชว์คลิปโชว์ภาพ มีควันหรือไม่มีควัน
เพราะคนกรุงคนชั้นกลางกำลัง มีความสุข “เอาความสุขของกูคืนมา”
บางคนปฏิเสธที่จะรับฟังข้อมูลของ “พวกเผาบ้านเผาเมือง” ตั้งแต่ในมุ้ง
บางคนร้ายกว่านั้น แกล้งทำเป็นกลางแล้วบอกว่าอย่ารื้อฟื้นสร้างความแตกแยก
“ปรองดอง” กันบนกองศพดีกว่า
ผมไม่ดูการอภิปรายไม่ไว้วางใจเลยทั้งสองวัน
เพราะ ป่วยการที่จะดู คนชั้นกลางไว้วางใจ “ระบอบอภิสิทธิ์” อยู่แล้ว
เพราะ “ระบอบอภิสิทธิ์” นำ “ความสุขคืนมา” ด้วยอำนาจเผด็จการพลเรือน
เต็มรูป ภายใต้ พรก.ฉุกเฉิน คนชั้นกลางกำลังมีความสุข
เพราะมีรัฐบาลถูกจริต อำมาตย์ กองทัพ ตุลาการ เป็นเกราะคุ้มครองป้องกัน และคนชั้นกลางก็จะเป็นเกราะคุ้มครองป้องกันอำนาจเหล่านี้
ฉะนั้นถ้า รัฐบาลอยากใช้ พรก.ฉุกเฉินไปอีกเป็นปี
คนกรุงคนชั้นกลางก็จะมอบฉันทามติ ให้ใช้ต่อไปเรื่อยๆ
สมมติกองทัพจะตั้ง “ฉก.สองตัว” ขึ้นในภาคเหนือภาคอีสาน คนกรุงคนชั้นกลางก็คงจะเรี่ยไรกันซื้อเสื้อเกราะให้ทหารไปปราบ
“ผู้ก่อ การร้ายเสื้อแดง”
คนชั้นกลางไม่เดือดร้อน ที่’จารย์ยิ้มเพื่อนผม กับสมยศ พฤกษาเกษมสุข
ถูกจับกุมคุมขังโดยไม่ตั้ง ข้อหา กรรมการสิทธิ องค์กรสิทธิมนุษยชนต่างๆ
ที่เป็นปากเสียงของคนชั้น กลาง ไม่ยักต่อสู้ปกป้อง “สิทธิโจร”
เหมือนที่โวยวายกันใน 3 จังหวัดภาคใต้ นปช.100 กว่าคนที่เป็นชาวบ้าน
ถูกจับกุมคุมขัง ไม่มีใครไปดูแลปกป้องสิทธิของเขา
สนใจเฉพาะแกนนำ 8 คนว่าต้องไม่ให้มันอยู่สบาย ต้องให้นอนคุกขี้ไก่
คนชั้นกลางอ้ารับ คำชี้แจงของสุภาพบุรุษชายชาติทหาร ว่าไม่ได้สั่งฆ่าประชาชน ถ้าสั่งให้ยิงจริงต้องมีคนตายเป็นพัน
จอมพลถนอมกับพลเอกสุจินดาฟังแล้ว หัวร่อจนน้ำตาไหล ถนอมกับสุจินดาก็ไม่ได้สั่งว่าเห็นม็อบที่ไหนฆ่าแม่มให้หมด
14 ตุลากับพฤษภาทมิฬยังมีคนตายน้อยกว่านี้ แต่ทำไมถูกประณามเป็นทรราชย์ ก็เพราะสั่งการให้ใช้ทหารพร้อมอาวุธกระสุนจริงเข้าสลายการชุมนุม
นี่ หนักกว่านะครับ เพราะติดป้าย “เขตใช้กระสุนจริง”
พร้อมสั่งให้ยิงได้ ทันทีถ้ามวลชนเข้าใกล้ ต่อให้ไม่มีอาวุธ
แต่อ้างว่าให้ยิงขา ขณะที่มีสไนเปอร์ประจำทุกหน่วย
มีภาพที่เล็งยิงไปยังผู้ชุมนุม แต่คนชั้นกลางต้องให้เห็นชัดเจนเหมือนในหนัง แบบว่ายิงเปรี้ยงแล้วแพนกล้องไปเห็นเสื้อแดงล้มลงชักแหง็กๆ หัวเป็นรูโบ๋
ใน แง่ของผู้มีอำนาจสูงสุดฝ่ายบริหาร
ไม่จำเป็นว่าคุณจะต้องสั่งให้ “ฆ่ามัน” ถึงต้องรับผิดชอบ
แต่คุณออกคำสั่งปลายเปิด ที่เล็งเห็นได้ว่าจะทำให้เกิดการบาดเจ็บล้มตายจำนวนมาก
คุณก็ต้องรับผิด ชอบ
แต่เมื่อ “กระแสสังคม” (ซึ่งคนชั้นกลางเป็นตัวกำหนด)
กำลัง มีความสุขจากการใช้ “กระสุนจริง” ปราบปราม “พวกเผาบ้านเผาเมือง” กระแสสังคมจึงหลับตาข้างลืมตาข้างเพื่อปกป้อง
ก็ไม่ใช่เรื่องที่ ต้องแปลกใจ
ถือเป็นปรากฏการณ์ธรรมชาติที่เมื่อเสื้อแดงไปเขย่า
“โลก อันสุขสงบและพอเพียง” ของคนกรุงคนชั้นกลาง
พวกเขาก็ออกมาปกป้องสนับสนุน ระบอบอภิสิทธิ์ อย่างกว้างขวาง
ไม่ใช่เฉพาะพันธมิตร ไม่เฉพาะพวก ultra ราชาชาตินิยม
แต่เป็นคนชั้นกลางข้างมากหลากหลาย
กระทั่ง “มวลชนเฟซบุค” คนรุ่นใหม่ในโลกไซเบอร์ที่มีการศึกษาสูง
จบโทจบเอก พูดได้หลายภาษา กล้าๆ เขียนไปตอบโต้ CNN จนเป็นฮีโร่
(ก็กล้าได้ตามสบาย เพราะแดน ริเวอร์ ไม่มีอำนาจจับใครไปคุมขัง)
โห ขนาดไก่อูได้ขึ้นปก a day ฉบับหน้าเอาสไนเปอร์มาสัมภาษณ์เลยครับ
คำ ถามที่อยากถาม “คนชั้นกลางหัวเขียว” คือ
“โลกทั้งใบของนายคนเดียว” จะยังอยู่ต่อไปได้อีกนานแค่ไหน
จะหลบลืมไปได้นานแค่ไหน
ผมชอบใจ และสะใจเล็กๆ ที่คนชั้นกลางบางราย อย่างสุกี้ สุโกศล
ที่แม้จะปกป้อง ระบอบอภิสิทธิ์ แต่ก็ยอมรับว่า
“ประเทศไทยไม่เหมือนเดิมอีกแล้ว จะไม่กลับไปอีกแล้ว”
ต้องเปลี่ยนประเทศไทย
(แต่ก็ยอมรับอีกว่า คนมีการศึกษา คนที่ทำอะไรได้ 95% ไม่ทำอะไร)
ปฏิรูปใต้อุ้ง?
เป็น เรื่องน่ายินดีปนน่าขำ ที่คนชั้นกลางจำนวนหนึ่งตื่นตัวกลัวหายนะ ลุกขึ้นมาบอกว่าจะต้องช่วยกันเปลี่ยนแปลงประเทศไทย
ปฏิรูปประเทศไทย ทั้งคนหน้าใหม่ๆ และ NGO พันธมิตรหน้าเก่าๆ
ในจำนวนนี้ผมชื่นชมคุณ สมเถา สุจริตกุล มากที่สุด
ไม่ใคร่จะเห็นด้วยกับผู้ที่ตอบโต้คุณสมเถา อย่างร้อนแรง เพราะคุณสมเถาแสดงความเข้าใจและเห็นใจการต่อสู้เรียกร้องประชาธิปไตย ของมวลชนเสื้อแดงอย่างจริงใจ แม้ไม่เห็นด้วยกับแกนนำและวิธีการ แต่ก็ยอมรับว่าการลุกตื่นขึ้นมาของคนเสื้อแดงได้ “เปลี่ยนเมืองไทยไปแล้วชั่วนิรันดร์”
ผมยังชื่นชมที่คุณสมเถาเขียน ได้สละสลวย งดงามจากก้นบึ้งของหัวใจ ของศิลปินผู้มีความหวังในการร่วมกันสร้างสรรค์สังคมดีงาม
เราควรขอบคุณ คุณสมเถา ที่เปิดหัวใจให้กับมวลชนเสื้อแดงอย่างพี่น้องร่วมชาติ ท่ามกลางกระแสของคนชั้นกลางส่วนใหญ่ที่มีแต่ “สะใจ” “ฆ่ามัน”
ผม เพียงเห็นต่างกับคุณสมเถาอย่างเดียว คือที่บอกว่า “คุณอภิสิทธิ์เข้าใกล้ฝันเหล่านั้นในเชิงความคิดมากกว่าแกนนำจำนวนหนึ่งของ คุณ
หากเขาไม่ได้เป็นเช่นนั้น
ถ้าเขามีกรอบความคิดเหมือนผู้นำเผด็จ การทหารหลายคนที่เคยมีมาในอดีต ซากศพจากเหตุเมื่อสองสามวันก่อนคงมากมายเกินกว่าจะทำใจได้”
กระนั้น ผมก็ยังเห็นว่าในบรรดาคนชั้นกลางที่สนับสนุน “ระบอบอภิสิทธิ์”
คุณสมเถา คือคนระดับ A+ เมื่อเทียบกับพวกปทปรมะ
ที่คิดว่าคนเสื้อแดงคือพวก “ล้มเจ้า” “ทาสทักษิณ” “ม็อบรับจ้าง” “bad hygiene”
อย่างน้อยผมก็ ชื่นชอบการเขียนถึง “ภูเขา” ของคุณสมเถา มากกว่า
“สามเหลี่ยมเขยื้อน ภูเขา” ของขุนนาง NGO ที่ออกมาไล่ๆ กัน
ตลกดีนะครับที่บุคคลชั้นนำ แห่ออกมาประสานเสียง
เรื่องการสร้างความเป็นธรรมในสังคม ไม่ว่าอานันท์ ปันยารชุน
(ตัวแทนชนชั้นนำสายพิราบ) หมอประเวศ วะสี, ไพบูลย์ วัฒนศิริธรรม (คู่หูดูโอขุนนาง NGO)
น่าหัวร่อที่ทั้งอานันท์และหมอ ประเวศพูดถึง “ทางสายกลาง”
หลังจากมีการรัฐประหาร ตุลาการภิวัตน์ ทำลายพรรคการเมือง
และผู้นำทางการเมืองของคนชนบท
แล้วก็ใช้อำนาจ เผด็จการพลเรือนปราบปรามกวาดล้างพวกเขา
คุณกลับมาพูดถึง “ทางสายกลาง” และ “อนาคตร่วมกัน”
ยังกะโฆษณาขายประกัน “เราคือพลังสร้างอนาคต”
“อนาคต ร่วมกัน” ภายใต้สถานการณ์ฉุกเฉินขั้นร้ายแรงเนี่ยนะ หมอประเวศยังเสนอตั้ง “คณะกรรมการอิสระและสมานฉันท์ (ภายใต้สถานการณ์ฉุกเฉินขั้นร้ายแรง)” อีกต่างหาก
ปากว่าตาหยิบนะครับ
ไม่เห็นมึใครเรียกร้องให้เลิก พรก.ฉุกเฉินโดยเร็ว
แม้แต่พวกขาวลออ ที่เรียกร้องให้ตั้งคณะกรรมการอิสระตรวจสอบข้อเท็จจริง
ยังแกล้งๆ ลืมข้อเรียกร้องให้เลิก พรก.ฉุกเฉิน แล้วมันจะอิสระได้ไง
หมอประเวศ พูดถึงปฏิรูปประเทศไทย
ไพบูลย์เรียกว่าวาระประเทศไทย
อานันท์เรียก ว่าวาระประชาชน เร่งแก้ไขปัญหาความไม่สมดุลของการกระจายรายได้ ความไม่เท่าเทียมในการเข้าถึงและโอกาส ฯลฯ
ทั้งหมดนี้ พวกท่านทั้งหลายหวังว่าจะทำให้สำเร็จได้ภายใต้ “ระบอบอภิสิทธิ์(ชน)”
ฝัน ไปเถอะครับ
คุณสมเถาเขียนด้วยทัศนะที่มองโลกในแง่ดีว่า
อภิสิทธิ์ เข้าใกล้ฝันเหล่านั้นมากกว่าแกนนำเสื้อแดง นั่นคือ
คุณสมเถายังมอง อภิสิทธิ์ในแง่ตัวบุคคลมากกว่า “ระบอบ”
ที่อภิสิทธิ์เป็นตัวแทนของระบอบ อุปถัมภ์ ชนชั้นนำ รัฐราชการ ทหาร ตุลาการ อำมาตย์ ถามว่าคนเหล่านี้หรือที่จะผลักดันให้เกิดการปฏิรูปประเทศไทย
วาระประเทศ ไทย ประชาธิปไตยสมบูรณ์ ฯลฯ
การมองภาพตัวบุคคลบนโพเดียมเป็นแค่
ภาพลวง ตา ด้วยคำพูด ด้วยอากัปกิริยา อภิสิทธิ์แสดงออกเหมือนผู้นำรุ่นใหม่
ที่ มีจิตใจประชาธิปไตย
แต่ถามว่าพฤติกรรมในการขึ้นสู่อำนาจตั้งแต่ ม.7 มาถึงตั้งรัฐบาลในค่ายทหาร
มันแสดงออกถึงอะไร
อภิสิทธิ์เมื่อปี 35 หรืออภิสิทธิ์เมื่อปี 51 กับอภิสิทธิ์วันนี้ไม่ใช่คนเดียวกันนะครับ อำนาจเปลี่ยนคนได้ไม่ว่าทักษิณหรือใครก็ตาม
แต่เอาเถอะ ตัวบุคคลยังไม่สำคัญเท่าระบอบ ต่อให้อภิสิทธิ์อยากปฏิรูป
คนชั้นกลางวาด ฝันว่าจะปฏิรูป
โดยร่วมมือกับกองทัพ อำมาตย์ ชนชั้นนำ กลุ่มทุน (สองสูงแบบเจ้าสัวซีพีเอาไหม) สร้างความเป็นธรรมทางเศรษฐกิจ กระจายรายได้ กระจายโอกาส ถามว่าเป็นจริงไปได้หรือ
คุณไปบอกเจ้าสัวแบงก์กรุงเทพฯ ขอกำหนดส่วนต่างดอกเบี้ยเงินกู้เงินฝากก่อนได้ไหม คุณไปบอกกองทัพที่ได้งบประมาณเพิ่ม 2 เท่าใน 4 ปีหลังรัฐประหาร ลดกำลังพลลดงบซื้ออาวุธลงได้ไหม คุณไปบอกพลเอกเปรมเลิกความฝันอยากเห็นกองพลทหารม้าที่ 3 ก่อนตาย ได้ไหม คุณไปบอกตุลาการว่าขอขึ้นเงินเดือนข้าราชการส่วนอื่น ไม่ขึ้นให้ตุลาการที่สูงปรี๊ดอยู่แล้ว ได้ไหม
นี่แค่ยกตัวอย่าง จิ๊บๆ ไม่ต้องพูดถึงการกระจายอำนาจ การตรวจสอบอำนาจ
ที่เป็นหลัก ประชาธิปไตยโดยสมบูรณ์
เพราะอันที่จริงคนชั้นกลางก็ไม่ต้องการ ประชาธิปไตยสมบูรณ์อยู่แล้ว
เพียงต้องการ “ประชาธิปไตยอำนาจพิเศษ” เพื่อปกป้องโลกอันแสนสุขของตนที่ประนีประนอมอยู่กับระบอบอุปถัมภ์ กระนั้นก็ยังทะลึ่งคิดว่า “ประชาธิปไตยอำนาจพิเศษ” นี้แหละ จะสร้างความเป็นธรรมให้สังคมได้
ความอยุติธรรม
ผมอ่าน ข้อเขียนของอานันท์ หมอประเวศ ไพบูลย์ เหมือนกันอยู่อย่างคือ
พูดถึงความ ปรองดอง เยียวยา แต่ไม่มีใครพูดถึง “ความยุติธรรม”
ถามว่าทำไมต้อง พูดกันจังเรื่องความเป็นธรรมทางเศรษฐกิจ การกระจายรายได้ เห็นว่าเสื้อแดงลุกฮือขึ้นมาเพราะจน อย่างนั้นหรือ โอเค อาจไม่ได้บอกว่ารับจ้างม็อบ อาจมองในแง่ดีขึ้นมาหน่อยว่า
เพราะคนชนบทยาก จน ฝากความหวังกับนโยบายประชานิยมของทักษิณ จึงรักทักษิณ สู้เพื่อทักษิณ
นั่น มันสี่ปีที่แล้วครับ ไม่ใช่ พ.ศ.นี้ สี่ปีที่แล้วคนชนบทรักทักษิณ คนจนคนชั้นล่างรักทักษิณ แต่สี่ปีผ่านไปมันมีอะไรเกิดขึ้นมากมาย
สี่ ปีที่ผ่านไป จากความรักทักษิณ มันพัฒนาไปเป็นความรู้สึกว่าทักษิณไม่ได้รับความยุติธรรม ผู้นำที่เขาเลือกมาไม่ได้รับความยุติธรรม พรรคการเมืองที่เขาเลือกไม่ได้รับความยุติธรรม และพวกเขาเองก็ไม่ได้รับความยุติธรรม ถูกเลือกปฏิบัติ สองมาตรฐาน “ไม่มีเส้น”
เขาชนะเลือกตั้งแล้วถูกแย่งยึดอำนาจ
ด้วยรัฐ ประหาร ด้วยตุลาการภิวัฒน์ สองครั้งซ้อน ทั้งล้มรัฐบาล ทั้งยุบพรรค
และ เมื่อออกมาต่อสู้บนท้องถนน ก็ถูกเลือกปฏิบัติจากชนชั้นนำ ชนชั้นกลาง
และ กองทัพ จนถูกปราบสองปีซ้อนอีกเช่นกัน
ถามว่าคนเรา ทั้งที่เห็นป้าย “เขตใช้กระสุนจริง” ยังไม่กลัวตาย
มันเพียงเพราะหวังจะได้ประชานิยมหรือ ครับ
มีใครมั่งยอมตายเพื่อ 30 บาท กองทุนหมู่บ้าน SML หรือเงิน 5 หมื่น
ที่ ทักษิณสัญญาถ้าได้กลับมาเป็นรัฐบาล
คนชั้นกลางดูหมิ่นน้ำใจคนชนบท มากไป
ที่เชื่อว่าพวกเขายอมตายเพราะรักทักษิณ หรือเพราะผลประโยชน์ ไม่ได้มองว่าความสัมพันธ์ระหว่างทักษิณกับมวลชนเสื้อแดงเปลี่ยนไปแล้ว
มัน ไม่ใช่แค่รัก ไม่ใช่เพราะชอบนโยบาย
แต่มันกลายเป็นความรู้สึกร่วมอยู่ใน ชะตากรรมเดียวกัน
ถูกกระทำเหมือนๆ กัน คับแค้นเหมือน ๆกัน
ความ รักไม่ทำให้คนบ้าบิ่นไม่กลัวตายหรอกครับ
มีแต่ความโกรธ เกลียด คับแค้นแน่นอก ที่เผชิญมาด้วยตนเอง
จึงทำให้คนลุกขึ้นสู้พร้อมจะแลก ชีวิต
ความอยุติธรรมและศักดิ์ศรีความเป็นมนุษย์ ต่างหากที่ทำให้เสิ้อแดงพร้อมพลีชีพ กระทั่งพร้อมจะสู้ต่อไปทุกรูปแบบ ไม่ว่าใต้ดินบนดิน
ท่านทั้งหลายพูดถึงความปรองดอง เยียวยา แต่ไม่พูดถึงความยุติธรรม
แล้วจะปรองดองกันได้อย่างไร
ฉะนั้นก็ เชิญปรองดองกันไปข้างเดียวเถอะครับ
จะปฏิรูปประเทศไทยจะกระจายความเป็น ธรรมอะไร
ก็เชิญทำกันตามสบาย
เพราะคนเสื้อแดงไม่ร่วมมือ คนชั้นกลาง “เสรีนิยม” อย่างผมก็ไม่ร่วมมือ
เพราะผมไม่เชื่อการปฏิรูปโดย “ระบอบอภิสิทธิ์(ชน)” หรือ “ประชาธิปไตยอำนาจพิเศษ”
ที่พูดอย่างนี้ไม่ ใช่เชื่อว่า “ระบอบทักษิณ” จะปฏิรูปได้
แต่ผมเชื่อในการละลายขั้ว อำนาจ-ทุกขั้ว ให้ลงมาอยู่ติดดิน
มันจึงจะเกิด “ประชาธิปไตยสมบูรณ์” ที่ประชาชนมีอำนาจอย่างแท้จริง
อย่างไรก็ดี วันนี้โอกาสเป็นของพวกท่านแล้ว
ที่จะร่วมมือกับ “ระบอบอภิสิทธิ์” ปรับโครงสร้าง ปฏิรูปประเทศไทย
สร้างความเป็นธรรม หลังจากปราบเสื้อแดงได้สำเร็จ โดยคนเสื้อแดงหรือคนชั้นกลางเสรีนิยม คงจะได้แต่นั่งเอาเท้าแช่น้ำรอรับส่วนบุญ ถ้าพวกท่านทำสำเร็จ
แต่ บอกก่อนนะครับ โอกาสนั้นคงไม่ยาวนานนัก
ท่านต้องเร่งสร้างความเป็นธรรม ขนานใหญ่เลยล่ะ ระหว่างส่งทหารลงไปตรึงพื้นที่สีแดงไม่ให้โงหัว แต่ถ้าเขาโงหัวได้เมื่อไหร่ โอกาสของพวกท่านก็หมด
ผมชอบใจที่สนธิ ลิ้มทองกุล เปรียบอภิสิทธิ์เป็น The Last White Hope
มีคนท้วงว่าสนธิ พูดผิด
ชื่อหนังคือ The Great White Hope แต่ผมเชื่อว่าสนธิรู้และจงใจเหน็บ เพราะจริงๆ คือ Last
เพียงแต่ White ไม่น่าจะหมายเฉพาะประชาธิปัตย์
แต่หมายถึงคนชั้นกลาง ชนชั้นนำ และอำมาตย์ ที่มีอภิสิทธิ์เป็นความหวังสุดท้ายจริงๆ
หลังจากนั้น คนดำครองหมดทั้งวงการมวย บาสเกตบอล ฟุตบอล ทั้งอเมริกันและซอคเกอร์...
สนธิ รู้อยู่แก่ใจ
ใบตองแห้ง
4 มิ.ย.53
http://www.prachatai3.info/journal/2010/06/29875
ฮักประชาธิปไตย บ่อเอาเผด็จการ ต่อต้านก๋านรัฐประหารทุกรูปแบบ สร้างขวัญก่ำลังใจ๋และความสุข เปื่อป๋วงชน
สนับสนุนการทำกิจกรรม ส่งเสริมประชาธิปไตยของชาวเชียงใหม่ ร่วมกับศูนย์ประสานงานกลาง นปช.แดงเชียงใหม่
ชื่อบัญชี นปช.แดงเชียงใหม่ ธนาคารออมสิน เลขที่บัญชี 02 0012142 65 7 ( มีผู้รับผิดชอบบัญชี 3 ท่าน )
ติดต่อเรา deangchiangmai@gmail.com
กราบสวัสดี พี่น้องทุกๆท่านที่เข้ามาเยี่ยมเยือน บล็อค นปช.แดงเชียงใหม่ ขอเรียนชี้แจงสักนิดว่า เรา ”แดงเจียงใหม่” เป็นกลุ่มคนชาวเจียงใหม่ที่เคารพรัก กติกาประชาธิปไตย ต่อสู้และต่อต้านเผด็จการทุกรูปแบบ อยากเห็นประเทศชาติภายภาคหน้า มีความเจริญ ประชาชนรุ่นลูกหลานของเราอยู่อาศัยอย่างร่มเย็นเป็นสุขในประเทศของพวกเราเอง ไม่มีกลุ่มอภิสิทธิ์ชนกลุ่มใดมาสูบเลือดเนื้อ แอบอ้างบุญคุณเฉกเช่นในยุคนี้ที่พวกเราเห็น การที่จะได้รับในสิ่งที่มุ่งหวังก็ต้องมีการต่อสู้แสดงกำลังให้สังคมได้รับรู้ และเพื่อที่จะให้กลุ่มบุคคลที่มีอำนาจในปัจจุบันได้เข้าใจในสังคมที่ก้าวหน้าเปลี่ยนแปลงไป ไม่อาจฝืนต่อกระแสการพัฒนาของโลก การต่อสู้ร่วมกับผองชนทั่วประเทศในครั้งนี้ เรา “ แดงเจียงใหม่ “ ได้ร่วมต่อสู้ทุกรูปแบบ และในรูปแบบที่ท่านได้เข้ามาร่วมอยู่นี้ คือการเผยแพร่ข่าวสารต่อสังคม เรา “ แดงเจียงใหม่ “ ได้สร้างเวปบล็อคไว้ 2 ที่ คือที่นี่ “ แดงเจียงใหม่” สำหรับการบอกกล่าวในเรื่องทั่วไป และอีกที่หนึ่งคือ “ Daeng ChiangMai “ สำหรับข่าวสารที่เราเห็นว่ามีประโยชน์ต่อการรับรู้ข่าวสารในการร่วมทำกิจกรรมของพี่น้องประชาชน
“แดงเจียงใหม่” " Daeng ChiangMai "
ชื่อบัญชี นปช.แดงเชียงใหม่ ธนาคารออมสิน เลขที่บัญชี 02 0012142 65 7 ( มีผู้รับผิดชอบบัญชี 3 ท่าน )
ติดต่อเรา deangchiangmai@gmail.com
กราบสวัสดี พี่น้องทุกๆท่านที่เข้ามาเยี่ยมเยือน บล็อค นปช.แดงเชียงใหม่ ขอเรียนชี้แจงสักนิดว่า เรา ”แดงเจียงใหม่” เป็นกลุ่มคนชาวเจียงใหม่ที่เคารพรัก กติกาประชาธิปไตย ต่อสู้และต่อต้านเผด็จการทุกรูปแบบ อยากเห็นประเทศชาติภายภาคหน้า มีความเจริญ ประชาชนรุ่นลูกหลานของเราอยู่อาศัยอย่างร่มเย็นเป็นสุขในประเทศของพวกเราเอง ไม่มีกลุ่มอภิสิทธิ์ชนกลุ่มใดมาสูบเลือดเนื้อ แอบอ้างบุญคุณเฉกเช่นในยุคนี้ที่พวกเราเห็น การที่จะได้รับในสิ่งที่มุ่งหวังก็ต้องมีการต่อสู้แสดงกำลังให้สังคมได้รับรู้ และเพื่อที่จะให้กลุ่มบุคคลที่มีอำนาจในปัจจุบันได้เข้าใจในสังคมที่ก้าวหน้าเปลี่ยนแปลงไป ไม่อาจฝืนต่อกระแสการพัฒนาของโลก การต่อสู้ร่วมกับผองชนทั่วประเทศในครั้งนี้ เรา “ แดงเจียงใหม่ “ ได้ร่วมต่อสู้ทุกรูปแบบ และในรูปแบบที่ท่านได้เข้ามาร่วมอยู่นี้ คือการเผยแพร่ข่าวสารต่อสังคม เรา “ แดงเจียงใหม่ “ ได้สร้างเวปบล็อคไว้ 2 ที่ คือที่นี่ “ แดงเจียงใหม่” สำหรับการบอกกล่าวในเรื่องทั่วไป และอีกที่หนึ่งคือ “ Daeng ChiangMai “ สำหรับข่าวสารที่เราเห็นว่ามีประโยชน์ต่อการรับรู้ข่าวสารในการร่วมทำกิจกรรมของพี่น้องประชาชน
“แดงเจียงใหม่” " Daeng ChiangMai "
รักประชาธิปไตยไม่เอาเผด็จการ ต่อต้านการรัฐประหารทุกรูปแบบ สร้างขวัญกำลังใจและความสุขเพื่อปวงชน
การสังหารหมู่ที่กรุงเทพฯ : สมุดปกขาวโดยสำนักกฎหมาย Amsterdam & Peroff
การสังหารหมู่ที่กรุงเทพฯ
.
ไพร่สู้บนเส้นทาง ๗๘ ปี ประชาธิปไตย ( ๒๔๗๕ - ๒๕๕๓ )
จรรยา ยิ้มประเสริฐ
Voter's Uprising Thai
วันอังคารที่ 8 มิถุนายน พ.ศ. 2553
ใบตอง แห้ง...ออนไลน์: The Last White Hope
สมัครสมาชิก:
ส่งความคิดเห็น (Atom)
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น