สนับสนุนการทำกิจกรรม ส่งเสริมประชาธิปไตยของชาวเชียงใหม่ ร่วมกับศูนย์ประสานงานกลาง นปช.แดงเชียงใหม่

ชื่อบัญชี นปช.แดงเชียงใหม่ ธนาคารออมสิน เลขที่บัญชี 02 0012142 65 7 ( มีผู้รับผิดชอบบัญชี 3 ท่าน )

ติดต่อเรา deangchiangmai@gmail.com

ราบสวัสดี พี่น้องทุกๆท่านที่เข้ามาเยี่ยมเยือน บล็อค นปช.แดงเชียงใหม่ ขอเรียนชี้แจงสักนิดว่า เรา ”แดงเจียงใหม่” เป็นกลุ่มคนชาวเจียงใหม่ที่เคารพรัก กติกาประชาธิปไตย ต่อสู้และต่อต้านเผด็จการทุกรูปแบบ อยากเห็นประเทศชาติภายภาคหน้า มีความเจริญ ประชาชนรุ่นลูกหลานของเราอยู่อาศัยอย่างร่มเย็นเป็นสุขในประเทศของพวกเราเอง ไม่มีกลุ่มอภิสิทธิ์ชนกลุ่มใดมาสูบเลือดเนื้อ แอบอ้างบุญคุณเฉกเช่นในยุคนี้ที่พวกเราเห็น การที่จะได้รับในสิ่งที่มุ่งหวังก็ต้องมีการต่อสู้แสดงกำลังให้สังคมได้รับรู้ และเพื่อที่จะให้กลุ่มบุคคลที่มีอำนาจในปัจจุบันได้เข้าใจในสังคมที่ก้าวหน้าเปลี่ยนแปลงไป ไม่อาจฝืนต่อกระแสการพัฒนาของโลก การต่อสู้ร่วมกับผองชนทั่วประเทศในครั้งนี้ เรา “ แดงเจียงใหม่ “ ได้ร่วมต่อสู้ทุกรูปแบบ และในรูปแบบที่ท่านได้เข้ามาร่วมอยู่นี้ คือการเผยแพร่ข่าวสารต่อสังคม เรา “ แดงเจียงใหม่ “ ได้สร้างเวปบล็อคไว้ 2 ที่ คือที่นี่ “ แดงเจียงใหม่” สำหรับการบอกกล่าวในเรื่องทั่วไป และอีกที่หนึ่งคือ “ Daeng ChiangMai “ สำหรับข่าวสารที่เราเห็นว่ามีประโยชน์ต่อการรับรู้ข่าวสารในการร่วมทำกิจกรรมของพี่น้องประชาชน


เชิญร่วมสร้างขวัญ และกำลังใจให้เพื่อนพ้องน้องพี่ร่วมกันครับ
“แดงเจียงใหม่” " Daeng ChiangMai "

รักประชาธิปไตยไม่เอาเผด็จการ ต่อต้านการรัฐประหารทุกรูปแบบ สร้างขวัญกำลังใจและความสุขเพื่อปวงชน

การสังหารหมู่ที่กรุงเทพฯ : สมุดปกขาวโดยสำนักกฎหมาย Amsterdam & Peroff การสังหารหมู่ที่กรุงเทพฯ . ไพร่สู้บนเส้นทาง ๗๘ ปี ประชาธิปไตย ( ๒๔๗๕ - ๒๕๕๓ ) จรรยา ยิ้มประเสริฐ Voter's Uprising Thai

วันอังคารที่ 31 สิงหาคม พ.ศ. 2553

กวีประชาไท: โหมโรง..รัฐประหาร ๑๙ กันยา (อุบาทว์)

Tue, 2010-08-31 00:41
ปราโมทย์ แสนสวาสดิ์

คำตอบสุดท้าย
หลัง ๑๙ กันยาน้ำตาไหล
หมู่อำมาตย์จัญไรเรืองอำนาจ
เลือดไพร่ เลือดไท ไหลอาบ
กำราบ ขู่เข็ญ ทำลาย

หลัง ๑๙ กันยาฟ้ามืดดับ
เดือนดาวลับมืดมนอับจนแสง
เคยรุ่งเรืองรวีอันร้อนแรง
มาสิ้นแสงมืดมนเพราะคนพาล

หลัง ๑๙ กันยาประชาเหมือน..หมาจนตรอก
ถูกล้อมคอก คุกคาม ถูกเข่นฆ่า
อ้างกฎหมาย อ้างศาล ผิดอาญา
ใช่หรือไม่-รัฐธรรมนูญคลอดออกมาจากปลายปืน

หลัง ๑๙ กันยาจึงลุกสู้
เพราะเรียนรู้คุณค่าและความหมาย
หลังชนฝามือจับมือยืนท้าทาย
แล้วกระสุนก็สาดใส่ประชาชน

หลัง ๑๙ กันยา เราจึงรู้
ถึงจุดยืนการต่อสู้สู่เป้าหมาย
อย่ากังวลหนทางก่อนเกิด-ตาย
เพราะคำตอบสุดท้ายนั่นคือ ปืน !
เพราะคำตอบสุดท้ายนั่นคือ ปืน!

"ปราโมทย์ แสนสวาสดิ์"

กวีประชาไท:ภู กระดาษ กับบทกวี"ฝนตกฟ้าฮ้อง"

"ภูกระดาษ"

ท่านท่านชี้หน้าว่า พวกผู้ข่าละถิ่นฐาน
พวกคนอีสาน ชอบขายแรงงานซื้อข้าว
สิเด๋อสิด๋า ว่าเป็นเสี่ยวว่าเป็นลาว
หนังสือบ่หัน โง่เง่าต่างด้าวดงดิน

ปล่อยคนแก่เฒ่า ให้อยู่เฝ้าเลี้ยงหลานหลาน
แล้วละทิ้งบ้าน กระเซซานพลัดลำเนาสิ้น
ไลลืมรากเหง้า แต่ก่อนเก่าบ่เหลือกลิ่น
วิถีชุมชนบ่ถวิล ฟุ้งเฟ้อกันสิ้นรนดิ้นละลา

แล้วสร้างปัญหา ให้ถ้วนหน้าได้ประสบ
สุมเร้าเท่าทบ สูงท่วมกลบขื่อคานฝา
สืบเนื่องกร่อนกัด สารพัดอยู่นานมา
ทุกเรื่องทั้งมวลปัญหา ก็เพราะพวกผู้ข่าทั้งนั้น

ฯลฯ

พวกผู้ข่าค้อมรับ สิ้นเสร็จสรรพทุกความว่า
เพราะอำนาจผูกขาดนานา พวกผู้ข่าล้วนจัดสรร
ทรัพยากรถลุง สนานสนุกอยู่ทุกคืนวัน
บริหารจัดการกันมันส์ ถ้วนประเทศเขตคาเม!

***********

หมายเหตุ: พวกผู้ข่า, ข่า : ชนพื้นเมือง หรือข้า, ข้าน้อย ผู้เป็นบ่าวรับใช้
สิเด๋อสิด๋า : เด๋อๆ ด๋าๆ น่าหัวร่อ
ไลลืม, ลืมไล : หลงลืม หลงเลือนไป

สนามเล็กในระบอบใหญ่ โดย กาหลิบ



คอลัมน์ : เมืองไทยหรือเมืองใคร?
เรื่อง : สนามเล็กในระบอบใหญ่
โดย : กาหลิบ

วันนี้ จำต้องสะท้อนถึงผลการเลือกตั้งสมาชิกสภากรุงเทพมหานคร (ส.ก.) และสมาชิกสภาเขตกรุงเทพมหานคร (ส.ข.) ซึ่งเป็นชัยชนะทางตัวเลขอย่างขาดลอยของพรรคประชาธิปัตย์ ใครจะว่าซ้ำเติมกันอย่างไรก็ว่าเถิด

ขบวนประชาธิปไตยมาถึงขนาดนี้ แล้ว พูดความจริงกันไม่ได้ ก็ควรไปเปิดกรวยอำนวยพรและกราบเท้ากันต่อไปให้มันเพลิดเพลินเจริญใจ อย่ามาเกะกะอยู่บนถนนสายปฏิวัติกับเขาเลย

ผลการเลือกตั้ง ส.ก. และ ส.ข. ครั้งนี้บอกอะไรกับเราบ้าง?

ผู้ที่กำลังหลงใหลใฝ่ฝันถึงการเลือกตั้ง กระหายใคร่เลือกตั้งใหญ่โดยเร็วที่สุด โปรดนำผลนี้มาพิจารณาสักหน่อย

บาง คนกำลังฝันหวานว่าจะได้เลือกตั้งกันเร็วๆ นี้แล้ว ไม่กุมภาพันธ์ปีหน้าก็เร็วกว่านั้น วันนี้จึงจำเป็นต้องระดมทุนมาฟื้นฐานเสียงและวางยุทธวิธีกันแต่เนิ่นๆ ในระยะตกเขียวของคนที่ไม่มีอาชีพอย่างอื่นรองรับ ไม่น่าแปลกใจที่มีข่าวแพ็คเกจคู่ ๘๐ ล้านหรืออะไรออกมาให้วุ่นวายไปหมด

บางคนกำลังหวัง ว่า เขาคงเจรจารวมไปถึงคดีความที่เกี่ยวข้องกับการเมืองทั้งหมด ว่ากันตั้งแต่ ๑๙ กันยายน ๒๕๔๙ เป็นต้นมาเลยทีเดียว นิรโทษกรรมเสียให้เกลี้ยงถาดแล้วกลับสู่สนามเลือกตั้งกันให้หมด เรื่องนี้คนที่พลัดบ้านพลัดเมืองมาบางคนก็ยังร่วมฝันหวานกับเขาไปด้วย

ต่างคนก็ต่างฝันกันไป จนมามองผลการเลือกตั้งครั้งนี้ซึ่งเป็นการเลือกตั้งสนามเล็ก

ผู้ คร่ำหวอดบางท่านเอะอะขึ้นว่า ประชาธิปัตย์เขาครองสนามนี้มาแต่ไหนแต่ไร ใช้เป็นมาตรวัดสนามใหญ่ไม่ได้หรอก พ่ายแพ้ในสนามนี้ไม่ได้แปลว่าพรรคฝ่ายประชาธิปไตยจะไร้สิ้นทางสู้ในสนามใหญ่
ก็ อาจจะจริง แต่ท่านลืมไปหรือเปล่าว่าสิ่งสำคัญกว่าความนิยมหรือเจตนารมณ์ของมวลชนที่รัก ท่านอยากเชียร์ท่านใจจะขาดนั้น คืออำนาจรัฐที่ฝ่ายเขาใช้ควบคุมและครอบงำกระบวนการเลือกตั้งที่จะมีขึ้นอีก ต่อหนึ่ง

มีคนติงว่า เราเคยชนะอย่างสง่างามมาแล้วเมื่อวันอาทิตย์ที่ ๒๓ ธันวาคม ๒๕๕๐ ท่ามกลางฝูงเผด็จการทั้งใน คมช. และรัฐบาล คราวนี้ประวัติศาสตร์จะซ้ำรอยไม่ได้หรืออย่างไร ยิ่งมวลชนแดงกันทั้งประเทศอย่างไม่ยอมโรยราก็ยิ่งเป็นคะแนนสะสมที่หนักแน่น ยิ่งกว่าการเลือกตั้งครั้งนั้นไม่ใช่หรือ

คำตอบก็คือ คราวนั้นเขาเผลอไผล เชื่อมั่นในอำนาจควบคุมของกองทัพมากจนเกินไป บวกกับความไร้ประสิทธิภาพอย่างไม่น่าเชื่อของรัฐบาลสุรยุทธ์ ความศรัทธาของมวลชนฝ่ายประชาธิปไตยที่เปี่ยมล้นจึงได้รับการสะท้อนออกมาผ่าน การเลือกตั้ง แล้วอย่างไรเล่า? สุดท้ายเขาคนนั้นก็ต้องปลุกผีพันธมิตรฯ สั่งผู้พิพากษาฝ่ายเขา และระดมพวกทหารมองการณ์สั้นในกองทัพมาทำลายรัฐบาลของผู้ชนะลงถึงสองชุด

แต่ คราวนี้ เขาใช้พลแม่นปืนหรือสไนเปอร์กับประชาชนผู้ไร้อาวุธและเรียกร้องเพียงการยุบ สภาจนล้มตายกันเป็นร้อยๆ ทั้งที่เป็นทางการและตามความจริงแล้ว เขาจะไม่เรียนรู้ความผิดพลาดเมื่อปี พ.ศ.๒๕๕๐ และหาทางกลบเกลื่อนความชั่วร้ายเลวทรามของตัวเองเมื่อเดือนเมษายน-พฤษภาคมปี นี้ คงเป็นไปไม่ได้แน่

เมื่อเป็นเช่นนี้แล้ว เขาก็สั่งให้การเลือกตั้งเป็นทุ่งสังหารแห่งใหม่

ผู้สมัครรับเลือกตั้งฝ่ายเราที่มีทางชนะ จะถูกทำลาย ทำร้าย และทำให้แพ้ไปได้ อาจสูญเสียแม้กระทั่งชีวิต

สุดท้ายก็จะโกงที่ผลการเลือกตั้งนั้นเอง จนฝ่ายประชาธิปไตยแพ้ หรือไม่ชนะอย่างหนักแน่นพอจะถ่วงดุลกับอำนาจอันล้นพ้นของเขาได้

เมื่อคำว่า ไทยรักไทย พลังประชาชน เพื่อไทย แม้กระทั่งคำว่า ทักษิณ เริ่มเลือนราง ก็สั่งการให้ยึดอำนาจรัฐประหารรอบใหม่

ล้างไพ่ยังไม่พอ คราวนี้ให้ล้างโต๊ะที่นั่งเล่นไพ่นั้นด้วย


เลือกตั้งให้ตายในระบอบเขา ก็ได้แค่ตายครับ.


-------------------------------------------------------------------------------

เรียบเรียงโดย Nangfa

วันจันทร์ที่ 30 สิงหาคม พ.ศ. 2553

สมศักดิ์ เจียมธีรสกุล:วิพากษ์ นิธิ เอียวศรีวงศ์ กรณีรับเป็น“กรรมการปฏิรูปประเทศ”


Sun, 2010-08-29 23:10

สมศักดิ์ เจียมธีรสกุล

ชื่อบทความเดิม: การรับเป็น "กรรมการปฏิรูปประเทศ" ของนิธิ เอียวศรีวงศ์ เป็นการกระทำที่โหดเหี้ยมป่าเถื่อน ไม่มีคุณธรรม

โปรดพิจารณา เรื่องสมมุติต่อไปนี้:

เพื่อน บ้านครอบครัวหนึ่ง เพิ่งสูญเสียพ่อบ้าน หรือลูกชายหรือลูกสาว จากการถูกฆ่าอย่างน่าอนาถเมื่อไม่กี่วันมานี้ และสมาชิกที่เหลืออยู่ของครอบครัวนั้นยังอยู่ในช่วงเศร้าโศกอย่างหนัก พยายาม ทำใจกับสิ่งที่เพิ่งเกิดขึ้น ฯลฯ

ไม่ว่า ที่ผ่านมา เราจะมีความสัมพันธ์กับเพื่อนบ้านครอบครัวนี้อย่างไร อาจจะไม่ถึงสนิทสนมใกล้ชิด อาจจะมีความ หมั่นไส้ไม่ชอบบางคนในครอบครัวนั้น รวมถึงแม้แต่ตัวผู้ตายเอง และไม่ว่าสถานการณ์ของการถูกฆ่านั้น เราจะคิดอย่างไร (สมควรหรือไม่ หลีกเลี่ยงได้หรือไม่ ฯลฯ) แต่โดยสิ่งที่ฝรั่งเรียกว่า decency พื้นๆของความเป็นมนุษย์ด้วยกัน (basic human decency)[decency คำนี้ ผมขออภัยที่ใช้ทับศัพท์ เพราะนึกคำไทยที่เหมาะสมไม่ได้จริงๆ จะแปลว่า มารยาท” “ความเหมาะสมหรือ ความสุภาพแม้อาจจะให้ความหมายที่ใกล้เคียง ก็รู้สึกยังไม่ตรงนัก จะใช้ว่าความดีงามในจิตใจก็อาจจะหนักเกินไป จึงขออนุญาตเขียนเช่นนี้โดยตลอดบทความ] เราย่อมพยายามหลีกเลี่ยง ไม่ทำอะไรบางอย่างที่ทำให้ครอบครัวนั้นรู้สึกเป็นการ ซ้ำเติมความเศร้าโศกของพวกเขา เช่น เราคงไม่ไปแสดงอาการดีอกดีใจ รื่นเริงบันเทิง ต่อหน้าเขา ไม่ไปพูดคุยโอ้อวดถึงความดีใจของเรา ที่ลูกชายลูกสาวเราเพิ่งสอบเข้ามหาวิทยาลัย หรือเพิ่งเรียนจบ ได้งานทำ มีเงินเดือนสูง ฯลฯ ต่อให้เราไม่ถึงกับต้องไปช่วยเหลืองานศพของคนตาย หรือกระทั่งไปพูดจาปลอบประโลม (เพราะไม่สนิทกัน) ฯลฯ

การหลีกเลี่ยงไม่กระทำอะไรในลักษณะ ซ้ำเติมเพื่อนบ้านดังกล่าว ไม่จำเป็นว่าเพราะเราเป็นผู้มีการศึกษา หรือมีคุณธรรมสูงส่งอะไรเลย เป็นเพียงการมี decency พื้นๆ ของความเป็นเพื่อนมนุษย์ด้วยกันเท่านั้น ในทางตรงข้าม หากเราทำอะไรอย่างที่ว่า (รื่นเริงบันเทิง ดีอกดีใจ ในความสุขความสำเร็จของครอบครัวเราเองในขณะนั้น ต่อหน้าต่อตาเพื่อนบ้านที่กำลังโศกเศร้า ฯลฯ) ก็ต้องจัดว่า เราเป็นคนใจคอโหดเหี้ยม (cruel) ป่าเถื่อน (babaric) ไม่มีคุณธรรมพื้นๆอย่างยิ่ง

. . . . . . . . . . . .

การที่ นิธิ เอียวศรีวงศ์ เข้ารับตำแหน่งเป็น กรรมการปฏิรูปประเทศที่ตั้งโดยรัฐบาลอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ ซึ่งเป็นผู้รับผิดชอบต่อการปราบปรามที่ทำให้มีผู้เสียชีวิตนับร้อย บาดเจ็บพิการนับพัน (และถูกจับกุมคุมขังอีกกว่าร้อยคน) โดยที่ผลกระทบโดยตรงต่อครอบครัว คนใกล้ชิด เพื่อน ของคนตาย คนบาดเจ็บพิการ เหล่านั้น ยังรู้สึกกันได้อย่างรุนแรง (ไม่ต้องพูดถึงผลกระทบต่อ สังคมวงกว้างออกไป) เปรียบเสมือนการกระทำในลักษณะ ซ้ำเติมเพื่อนบ้าน ที่กล่าวไว้ใน เรื่องสมมุติข้างต้น นี่เป็นการกระทำที่มาจากจิตใจที่เหี้ยมโหด (creul) ป่าเถื่อน (babaric) ขาดคุณธรรมอย่างถึงที่สุด

ทั้ง นี้ ไม่ว่านิธิจะคิดหรือให้เหตุผลใดๆก็ตาม กับการเข้าร่วมนั้น (ประเภทเข้าไปเป็นกรรมการเพื่อผลักดันวาระและกฎหมายที่จะเป็นประโยชน์แก่ประชาชนฯลฯ) ไม่ว่าเขาจะมีท่าทีวิพากษ์วิจารณ์รัฐบาลอภิสิทธิ์ หรือตัวกรรมการนั้นเอง (อ้อมกอดอำมหิต”, “ประชาชนต้องอย่าไว้ใจกรรมการที่ตั้งขึ้นมาฯลฯ)

แต่ตัวการกระทำนั้นเอง (การเข้าเป็นกรรมการ) เป็นสิ่งที่อุจาด (indecent) และเหี้ยมโหดป่าเถื่อน (cruel, babaric) ซึ่งคนที่มี decency พื้นๆของความเป็นคน ไม่ทำกัน

ผมเอง โดยส่วนตัว เห็นว่า การตายและสูญเสียอย่างมหาศาลของ คนเสื้อแดงเป็นสิ่งซึ่งความจริงสามารถหลีกเลี่ยงได้ เห็นว่า การกระทำหลายอย่างของคนเสื้อแดงซึ่งอาจจะรวมทั้งคนที่ตายไปนั้น เป็นสิ่งที่ไม่ถูกต้อง แต่ผมเห็น และผมเชื่อ/หวังว่า ทุกคนที่มี decency ของความเป็นมนุษย์อย่างพื้นๆ คงจะคิดเช่นนี้ด้วย ว่า ปัญญาชนระดับนำสูงสุดของประเทศอย่างนิธิ(หรือคนอื่นๆ) ไม่สมควรที่จะทำอะไรในลักษณะ ซ้ำเติมพวกเขาและญาติมิตรของเขา (หรือ สังคมโดยรวม) ด้วยการไปรับตำแหน่งที่รัฐบาล ซึ่งมีส่วนอย่างสำคัญในการฆ่าพวกเขา ตั้งขึ้นมา ด้วยสาเหตุที่ชัดเจนว่าต้องการทำให้การฆ่าที่ตัวเองมีส่วนรับผิดชอบนั้น เป็นเรื่อง เบาลงไป

ยิ่ง นิธิ เอียวศรีวงศ์ ยังคงพูดและเขียนในเชิงวิพากษ์วิจารณ์รัฐบาลนี้เท่าไร ยิ่งทำให้การที่เขาไปร่วมเป็นกรรมการที่รัฐบาลตั้งขึ้นเป็นการกระทำที่ไร้ ความ decency พื้นๆของความเป็นมนุษย์มากขึ้นตามไปด้วยเท่านั้น ปัญญาชน นัก นสพ. จำนวนหนึ่ง ที่อาจจะ ไม่สบายใจกับการที่นิธิไปร่วมเป็นกรรมการ พยายาม ปลอบใจตัวเองหรือให้ คำอธิบายทำนองนี้ ด้วยการยกเอาการที่นิธิยังคงพูดและเขียนในลักษณะไม่ขึ้นต่อรัฐบาลหรือกระทั่ง วิพากษ์วิจารณ์รัฐบาลมาอ้าง หาได้คิดว่า ความจริง ยิ่งนิธิยังคงเขียนเชิงวิพากษ์รัฐบาลเท่าไร ยิ่งเป็นการประจานความไม่มี decency ของตัวเองมากขึ้นเพียงนั้น ในแง่นี้ บรรดา ปัญญาชนบริกรอย่าง อานันท์, อมร, สมบัติ ฯลฯ ที่เขียนเชียร์รัฐบาลนี้อยู่เสมออยู่แล้ว กลับมีลักษณะ ซื่อตรง” (honesty) ยิ่งกว่านิธิ เพราะอย่างน้อย พวกนี้เป็นอย่างนี้มาแต่ไหนแต่ไร (เขียนเชียร์รัฐบาล กับไปเป็นกรรมการให้รัฐบาลเป็นอะไรที่ไปด้วยกันได้สนิทอยู่แล้ว) แต่สิ่งที่นิธิทำ กลับเป็นการแสดงความไม่ซื่อตรง (dishonesty) หน้าไหว้หลังหลอก ปากว่าตาขยิบ (hypocritical) อย่างขาดความละอายชัดๆ

เรื่องพวกนี้ ไม่ต้องอาศัยอุดมคติหรือทฤษฎีที่สูงส่งลึกซึ้งอะไรเลย แค่สามัญสำนึกของความ decency ของความเป็นมนุษย์ ที่จะไม่เหี้ยมโหดป่าเถื่อน ทำร้ายซ้ำเติมผู้ที่อยู่ในความทุกข์โศกสูญเสียอย่างใหญ่หลวงอยู่แล้วเท่านั้น

วันอาทิตย์ที่ 29 สิงหาคม พ.ศ. 2553

โลกในหุบเขา: โลกทอดวางอยู่เบื้องหน้า

27 สิงหาคม, 2010 - 11:26 | โดย ongart







ภู เชียงดาว





ข้าตื่นแต่เช้าตรู่

มองดู

โลกทอดวางอยู่เบื้องหน้า



สายใยแห่งกวีนิพนธ์ ฉบับที่ 5 " สายรุ้ง รุ่งเยือน "

27 สิงหาคม, 2010 - 21:10 | โดย narongyuth

กลั่นเป็นอารมณ์บ่ม

ร้าวลั่นระทมข่มใ้ห้

ผุดพ้นในหวังไว้

ก่อนจากสาย บ่าย ขวัญที ฯลฯ

สาย ใยแ่ห่งกวีนิพนธ์ ฉบับที่ 5 นี้ ได้คัดเลือก หนังสือรวมบทกวี "สายรุ้ง รุ่งเยือน" หนึ่งในโคลงสี่สุภาพ อันมีชื่อบทว่า "แบบปรับปรน"

เชิญยลและพิศอ่านแล...

แบบ, ปรับปรน

๏ ครึ่งความสุข ทุกข์ นั้น ในนาม

ฤา ระยะ วับแวมวาม วาดรู้

กัป, ตื้น ลึก, ตอบ ถาม ท่วงท่า

กรรทบกรรกรายกู้ - กรุ่นก้อนกัปกัลป์...

๏ ยันเยื้องยุคแยบแย้ง สบสมัย

ยามยึดยื่นยึดนัย อิ่มนั้น

ร้าวเบือนบิดไฉน ฉ้อเฉก

รวบรกรอยรัดรั้น ร่ายร้องเรื้อรา ฯลฯ

๏ อเนก นา อก ว้าง อยู่เข็น

แม้นสุดความอยู่เป็น ปลอบร้าว

ครวญครามครั่นขื่นเข็ญ ขวักไขว่

ฝั่งใฝ่ฝันฝังก้าว ฝึกก้าวฝ่าเฝือ

๏ เหลือตะวันเดือนเคลื่อนด้าน ดาลดาว

ช่วยซาบซึมร้อนหนาว - เหน็บครั้ง

เพียรระยิบระยับพราว - พรายเพ่ง

เก็บผ่านเผลอพลาดพลั้ง ผูกไว้เตือนใจ...

๏ ทางสืบค้นสืบเค้น ทางไหน

ทางขุ่นทางสว่างใส สืบเฝ้า

ทางด้านด่างด้านใด ดลแห่ง

ทางแบ่งแยกออกเข้า รุกเร้าร่ำหนี

๏ นี้ประดับจารึกได้ สืบสาน

หวังสถิตเคียงกัปกาล ชีพด้วย

แม้นหยั่งร่ายคำหวาน ไม่จับ ใจใด

ใด...สุดรอยรายถ้วย แยกช้ำดำขาว!?

๏ หนาว โลก ร้อน ลุ่มแล้ง ฤา กวี

เหน็บคลื่นครืนวจี ว่าล้อม

ร้อนลมลิ่ว ฤา ผี กเลวซาก

ฤา ปากน้ำลายย้อม ยั่วแย้มแยบฉาย...

๏ ให้ภูตพรายฝั่งโพ้น ฝากเหลือ

โลมหลอกหลอนลวงเขือ ขยิบแก้

ทุกคราบปลอกจุนเจือ จากอก

ห้วงแห่งต่างเหมือนแท้ ที่เท้าทวนไหว...

๏ นัยแพะแบบทเบื้อง อุบาย

เพื่อฝ่าฝันเงากาย เกลือกเกลี้ย

กรีดกรายถ่มกลืนหมาย คุณค่า

ความครอบหยั่งยั้วเยี้ย ยุยิ้มยื่นหมู

๏ หูฟังว่าแว่วทั้ง ทอดทด

ตาหลับใจสลด รุ่มล้อม

ตะกายเกียกโกยกด เกรียมเก่า

กงเก่าเกรียมกรมก้อม กระพี้กระผลาม...



๏ ถามก็ร้างก็ร้าง รอบปาง

ตอบตื่นตามสะดวกทาง ท่วมท้น

ณ ประวัติหนุ่มนาง - สาวเหตุ

อาเพศผลเหตุค้น ต่างหน้าเปิดสรร...

๏ หันเกาะขอบเกาะเคว้ง ลอยคลอ

ดั่งสมัยสาปหนอ สืบทั้ง

สรรพทุกข์ สุข รอ - คอยเอ่ย

เลือนลับอกเลือนรั้ง รอบร้างอาดูร

๏ อาดูรดายดื่มบ้าง บางสม

เสพใคร่ครวญสูดดม ด่ำด้วน

สาระแก่นขุ่นขม ขอดดับ

ขานรับล้ำหวัวล้วน ลึกลิ้นหลีกแฝง....

๏เบื้องแถลงบทตั้ง ตราตน

โลกแห่งใจเวียนวน ว่ายกู้

โศลกอาจสับสน สืบแบบ

หยั่งแยบหยัดสัจจารู้ - สึกหน้าพอกหา...

๏ หาเหตุผลทักทั้ง - ทายเฉลย

อกซื่อสัตย์ย้ำเปรย - บอกใบ้

ล้ำลึกต่ำตื้นเกย - การเหตุ

ฝากเศษเหลือรอยไซร้ - ซับเสี้ยวความหมาย...

๏ จารจรดสายเรื่อรุ้ง รุ่งเยือน

อาจสั่งฝนสืบเตือน ต่อกล้า

ยามลมแดดแกร่งเหมือน มามอบ

แด่มิ่งขวัญจักรวาลฟ้า แผ่นหล้าอเนกอนันต์.

..........................................

พ.ศ 2547

https://www.suresome.com/proxy/nph-secure/00A/http/www.blogazine.in.th/blogs/narongyuth/post/3123






















ไม่มีการเลือกตั้ง หากสังคมไม่สงบสุข?: โรเบิร์ต อัมสเตอร์ดัม




ตั้งแต่ นายกรัฐมนตรีอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ ขึ้นสู่อำนาจในปี 2551 อภิสิทธิ์ได้แสดงเจตจำนงครั้งแล้วครั้งเล่าเพื่อที่จะหลีกเลี่ยงการเลือก ตั้ง กว่าร้อยชีวิตต้องถูกสังเวยในเหตุการณ์ความรุนแรงในเดือนเมษายนและ พฤษภาคมเพื่อที่จะยืดเวลาให้กับรัฐบาลนายอภิสิทธิ์ ทั้งนี้อภิสิทธิ์ไม่มีทางที่ขึ้นเป็นนายกรัฐมนตรีได้โดยปราศจากความช่วย เหลือจากกองทัพ กระบวนการศาล และกลุ่มพันธมิตร

ในขณะนี้องค์กรเอกชนและสื่ออิสระได้เรียกร้องให้นายอภิสิทธิ์แสดงพันธะใน การสร้าง ความสมานฉันท์โดยจัดให้มีการเลือกตั้ง เพื่อที่จะเปิดโอกาสให้ประชาชนได้ใช้อำนาจตัดสินเหตุการณ์ที่เพิ่งจะเกิด ขึ้นไม่นานมานี้ แต่นายอภิสิทธิ์ได้บัญญัติข้ออ้างใหม่ลงในพจนานุกรมของตนเอง โดยนายอภิสิทธิ์กล่าวย้ำในวันนี้ว่ารัฐบาลจะำไม่จัดการเลือกตั้งทั่วไปจนกว่าประเทศจะกลับไปสู่ความสงบเรียบ ร้อย

ตามมาตรฐานของประเทศประชาธิปไตยทั่วไป เมื่อปรากฏว่ามีประชาชนเป็นจำนวนสมเหตุสมผลเกลียดชังรัฐบาล ข้ออ้างที่จะไม่จัดการเลือกตั้งทั่วไปและปัดความรับผิดชอบไม่ใช้ข้ออ้างที่ ดี ความสงบไม่ใช่เงื่อนไขล่วงหน้าที่ก่อให้เกิดความเป็นประชาธิปไตย ในทางกลับกัน ประชาธิปไตยคือเงื่อนไขล่วงหน้าของการทำให้เกิดความสงบ คำกล่าวของรัฐบาลนั้นไร้สาระขึ้นทุกวัน หากเราพิจารณาให้ดีแล้วจะพบว่า สาเหตุที่ประเทศไทยไม่มีความสงบสุขและความเป็นระเบียบเรียบร้อยนั้นเป็นเพราะนายอภิสิทธิ์ยังคงปกครองประเทศด้วยตำแหน่งที่ได้มาด้วยความไม่ ชอบธรรมต่างหาก และยังมีการดำเนินนโยบายที่กดขี่คุกคามประชาชนอย่างที่รัฐบาลพลเรือนไม่เคย กระทำมาก่อน และยิ่งกว่านั้นคือรัฐบาลนายอภิสิทธิ์อาจมีส่วนเกี่ยวข้องกับเหตุการณ์วาง ระเบิดอย่างต่อเนื่องเพื่อสร้างบรรยากาศความหวาดกลัวในสังคม และหากเราตีความหมายคำพูดของอภิสิทธิ์ที่อ้างถึงของประเทศไทยโดยเฉพาะ โดยใช้แนวคิดสนับสนุนที่ว่าไม่อาจจัดให้มีการเลือกตั้งในประเทศไทยได้ นอกจากประเทศจะกลับไปสู่ความสงบเรียบร้อยเท่านั้น เป็นลักษณะเฉพาะของประเทศไทย

อภิสิทธิ์อาจจะไม่ได้ศึกษาเรื่องราวเหล่านี้ในโรงเรียนอีตันหรือมหาวิทยา ลัยอ๊อกซ์ฟอร์ด และอาจจะเป็นประโยชน์ที่จะย้ำเตือนนายอภิสิทธิ์ว่าประเทศไทยมีการเลือกตั้ง ทั่วไปครั้งแรกในปี พ.ศ.2476 ซึ่งเป็นช่วงเวลาที่รัฐบาลต่อสู้กับกลุ่มกบฏบวรเดช ซึ่งกลุ่มดังกล่าวนำโดยพลเอก พระวรวงศ์เธอ พระองค์เจ้าบวรเดช และในสมัยนั้นการเลือกตั้งทั่วไปไม่ได้มีขึ้นเพียงแค่วันเดียว เพราะระบบการเลือกตั้งสมัยนั้นเป็นระบบการเลือกตั้งโดยอ้อม โดยผู้มีสิทธิ์เลือกตั้งจะเลือกผู้แทนตำบล และผู้แทนตำบลเหล่านี้จะเป็นตัวแทนไปเลือกผู้แทนจังหวัด จากนั้นผู้แทนเหล่านั้นจะไปเลือกผู้แทนสภาราษฎรอีกที ดังนั้นการเลือกตั้งจึงกินเวลานานกว่าสองเดือน ซึ่งในระหว่างนั้นเองได้มีการก่อการกบฏโดยกลุ่มกบฏบวรเดชขึ้น ซึ่งกลุ่มกบฎดังกล่าวนำโดยคณะบุคคลระดับสูงในรัฐบาลเก่า

แม้การก่อการของกบฏบวรเดชจะล้มเหลวอย่างราบคราบ แต่การก่อการดังกล่าวเกือบจะล้มรัฐบาล และ ณ จุดหนึ่ง ในช่วงกลางเดือนตุลาคม กลุ่มกบฏเหล่านี้ได้ยึดสนามบินดอนเมืองซึ่งถือว่าเป็นภัยต่อกรุงเทพมหานคร โดยตรง แต่หลวงพิบูลสงครามหนึ่งในคณะผู้นำรัฐบาลได้ต่อสู้กับกลุ่มกบฏโดยใช้ปืนใหญ่ ทำให้กลุ่มกบฏถ่อยร่นไปยังฐานที่มั่นในจังหวัดนครราชสีมา หลังจากการต่อสู้หลายอาทิตย์ส่งผลให้มีผู้เสียชีวิตหลายร้อยราย และพระบาทสมเด็จพระปกเกล้าเจ้าอยู่หัวได้ทรงหลบหนีไปยังจังหวัดสงขลา

แม้กระทั่งพันเอกพระยาพหลพลพยุหเสนา ผู้นำรัฐบาลในขณะนั้นยังรู้สึกหวาดกลัวต่อกลุ่มกบฏบวรเดช แต่ก็ไม่ได้ใช้ข้ออ้างดังกล่าวในการเลื่อนการจัดการเลือกตั้งทั่วไป แม้ว่าจะมีประชาชนมาเลือกตั้งไม่มาก แต่การเลือกตั้งก็เป็นไปด้วยความสงบเรียบร้อยแม้จะจัดในช่วงเวลาที่อาจจะ เกิดสงครามการเมืองก็ตาม และ80ปีหลังจากนั้น ประเทศไทยมีการจัดการเลือกตั้งในช่วงเวลาที่มีปัญหาและมีการแตกแยกในสังคม บ่อยครั้ง และในทุกครั้งประชาชนผู้มีสิทธิ์เลือกตั้งมักจะแสดงถึงความมีวุฒิภาวะและ ความรับผิดชอบมากกว่ากลุ่มผู้นำ

อย่างน้อยที่สุด นายอภิสิทธิ์ได้สร้างความอับอายให้กับตนเองด้วยข้ออ้างที่ล้าสมัยไร้สาระนี้ นายอภิิสิทธิ์อาจจะได้รับประโยชน์จากบทเรียนประวัติศาสตร์ไทยแบบเร่งรัดนี้ บ้าง และในระหว่างนี้ อภิสิทธิ์อาจจะค้นพบว่าความเข้มแข็งของฝ่ายตรงข้ามนั้นเป็นส่วนหนึ่งของการ เลือกตั้งที่เป็นประชาธิปไตย

รัฐธรรมนูญประเทศไทยปี 2550 ได้บัญญัติไว้ว่ารัฐบาลสามารถดำรงหลังจากการเลือกตั้งได้เป็นเวลา 4ปี หรือนายอภิสิทธิ์จะระงับการใช้กฎหมายรัฐธรรมนูญและเพิกถอนสิทธิการเลือกตั้ง ของประชาชนในอีก 15เดือน หากเหตุการณ์มีทีท่าว่าจะไม่สงบสุขกระนั้นหรือ? หรือนี่คือไพ่ใบสุดท้ายของกลุ่มอำมาตย์ ที่พยายามสร้างความไร้เสถียรภาพของสังคม เพื่อเป็นข้ออ้างว่าการจัดให้มีการเลือกตั้งทั่วไปเป็นสิ่งที่เป็นไปไม่ได้”?

“สาม” พันธมาร from โรเบิร์ต อัมสเตอร์ดัม




หนังสือพิมพ์ Moscow Times ได้ตีพิมพ์บทความ “3 Wrongs Don’t Make a Right” ของผม
ในเดือนกันยายน 2553 และต่อถูกเผยแพร่ใน
Huffington Post
http://www.huffingtonpost.com/robert-ams...91622.html

บทความนี้ได้วิเคราะห์ให้เห็นถึงการปกครองประเทศในระบบ กงสี
ในประเทศเวเนซูเอล่า อิหร่าน และรัสเซีย ซึ่งกลุ่มอำมาตย์ที่โกงกินเหล่านี้
ได้ปกป้องเครือข่ายกลุ่มตนโดยการแทรกแซงอำนาจรัฐ

ผมไม่ต้องการเขียนบทความนี้ขึ้นมาใหม่ เพราะกลุ่มตระกูลผู้นำ
ของประเทศไทยนั้นมีลักษณะคล้ายคลึงกับประเทศที่ผมกล่าวถึง
และลักษณะอาการที่บ่งบอกถึงระบบดังกล่าวได้เกิดขึ้นในประเทศไทยอีกเช่นกัน
สิ่งที่แตกต่างคือลัทธิ ต่อต้านอเมริกา
ถึงแทนที่ด้วยลัทธิที่เรียบง่ายกว่านั้น
คือการที่ประชาชนไทยถูกครอบงำด้วยลัทธิ ต่อต้านความเป็นต่างชาติ

การเยือนกรุงมอสโควและกรุงเตหะรานของนายฮูโก้ ชาเวซ เมื่อไม่นานมานี้
ทำให้หลายคนกังวลว่าการเยือนครั้งนี้จะเป็นการสร้างความความสัมพันธ์ระหว่าง
ประเทศรัสเซีย อิหร่าน และเวเนซูเอล่าให้แนบแน่นยิ่งขึ้น

หลายคนมักเข้าใจผิดในเรื่องของแรงจูงใจในการสานความสัมพันธ์ระหว่างกลุ่ม
ประเทศอย่างรัสเซีย อิหร่าน และเวเนซูเอล่า ความเข้าใจผิดประการแรกคือ
เหล่าผู้นำกลุ่มนี้ต้องการที่จะสร้างผลประโยชน์ร่วมของคนในชาติ
โดยรวมตัวกันต่อต้านภัยนอกประเทศและเพิ่มอำนาจในภูมิภาคให้แก่ประเทศของ
ตน


ประการที่สองคือ กลุ่มประเทศเหล่านี้รวนตัวกันเพื่อจะสร้าง
โครงสร้างสถาปัตยกรรมทางเลือกโดยการรวมกลุ่มกันเพื่อต่อต้านอเมริกา
โดยกลุ่มคนเหล่านี้ไม่ได้สนใจเรื่องสิทธิมนุษยชนหรือระบอบแต่อย่างใด

ข้อสันนิษฐานสองข้อนี้เป็นการเข้าใจผิดอย่างร้ายแรง เพราะความเป็นจริง
แรงจูงใจในการร่างนโยบายต่างประเทศของประเทศเหล่านี้
คือผลประโยชน์ของกลุ่มตระกูลของตน
โดยคนกลุ่มนี้เป็นกลุ่มที่ควบคุมองค์กรระดับสูงในรัฐบาล

นอกจากจะมีแนวความคิดในเรื่องผู้นำตลอดกาลร่วมกันแล้ว
กลุ่มผู้นำเหล่านี้ยังใช้อำนาจรัฐเอื้อประโยชน์ให้กลุ่มธุรกิจของตระกูลตนเอง
โดยเฉพาะธุรกิจด้านการค้าอาวุธและพลังงาน
วัตถุประสงค์ที่รองนายกรัฐมนตรีไอกอร์
เชชินเดินทางเยือนประเทศเวเนซูเอล่า (นายเชชินเดินทางเยือนกรุงคาราคัส
เมืองหลวงประเทศเวเนซูเอล่าบ่อยจนผิดสังเกต) แทบจะแยกไม่ออกว่าไป
ในนามของนักการทูตหรือเรื่องผลประโยชน์การเงิน
ส่วนตัวที่มีในข้อตกลงของบริษัทน้ำมันรัสเซีย Rosneft
และบริษัทน้ำมันเวเนซูเอล่า PAVSA
และเมื่อกลุ่มผู้นำอิหร่านเดินทางเยือนกรุงคาราคัส
พวกเขาได้รับการต้อนรับอย่างหรูหราจากรัฐบาลเวเนซูล่า
และถูกชักชวนให้ร่วมลงทุนในอุตสาหกรรมโรงงานและเครือข่ายการการฟอกเงิน

กลุ่มตระกูลของนายชาเวชและกลุ่มนายทหารฝ่ายนายชาเวชได้กลายเป็นมหาเศรษฐี
เมื่อนายชาเวชขึ้นสู่อำนาจ ซึ่งเป็นที่รู้จักในนามของกลุ่ม boligarchs
(กลุ่มที่ร่ำรวยขึ้นอย่างรวดเร็วผิดปกติ)
กลุ่มคนเหล่านี้ได้รับผลประโยชน์โดยตรงจากการสามสัมพันธ์กับประเทศรัสเซีย
และอิหร่าน
เพราะเป็นการสร้างความชอบธรรมและความน่าเชื่อถือให้กับการปล้นประเทศ
ของคนกลุ่มนี้ และเพื่อเป็นการตอบแทนการกระทำดังกล่าว
นายชาเวชได้เดินทางเยือนกรุงมอสโควเมื่ออาทิตย์ที่ผ่านมา
และกล่าวยอมรับการประกาศอิสรภาพของรัฐ South Ossetia
Abkhaziaที่แยกตัวออกมาจากประเทศจอร์เจีย ระหว่างการเยือนดังกล่าว และ
นายชาเวชได้แวะที่ประเทศ Turkmenistan
เพื่อเชิญชวนให้ประธานาธิบดีของประเทศดังกล่าวร่วมลงทุนกับกลุ่มบริษัทน้ำ
มันที่ตั้งขึ้นโดยรัสเซีย แม้ว่าข้อเท็จจริงแล้วประเทศเวเนซูเอล่า
จะนำเข้าก๊าซธรรมชาติจากประเทศโคลัมเบียแล้วก็ตาม

เป็นสิ่งที่สำคัญอย่างยิ่ง
ที่จะมองเห็นว่ากลไกเหล่านี้ที่สร้างเข็งแกร่งให้กับระบบคอรัปชั่นที่ใช้สถาบัน
รัฐบาลเป็นเคื่องมือในประเทศดังกล่าว ระบบเหล่านี้เป็นระบบที่หลอกลวง
มีใช้กฎหมายและอำนาจรัฐเป็นเครื่องมือเพิ่มการคอรัปชั่นมากกว่าที่จะใช้
เพื่อควบคุม มีการใช้ใช้ลัทธิชาตินิยม
ศาสนาและภัยนอกประเทศเป็นเครื่องมือในการปกปิดการคอร์รัปชั่น
ความสัมพันธ์ของพลเรือนและทหารในประเทศเหล่านี้เต็มไปด้วยตึงเครียดในการ
ใช้อำนาจที่ไม่มีขอบเขตและความสามารถที่จำกัดในการควบคุมเหล่ากลุ่มผล
ประโยชน์ที่สำคัญเหล่านี้ ระหว่างสามประเทศนี้
ประเทศเวเนซูล่าเป็นประเทศที่มีปัญหามากที่สุด
และสิ่งที่ตลกร้ายคือประเทศอิหร่านเป็นประเทศที่มีการเปิดกว้างให้กลุ่มคนอื่น
มากที่สุด

อะไรคือสิ่งที่บ่งบอกว่าประเทศนี้ถูกปกครองด้วยระบบวงศคนาญาติ?

ความไร้สมรรถภาพของกลุ่มคนในตระกูลดังกล่าว
มากกว่าจะเป็นการล้มเหลาวในการสั่งการจากเบื้องบน :
การล้มเหลวอย่างเป็นระบบในการกระจายอำนาจภายในกลุ่มตนเพราะขาดความ
เชื่อถือในกลุ่มพวกพ้องตนเองและการแบ่งอำนาจความรับผิดชอบระหว่างองค์กร
ไม่มีความชัดเจน

วิสัยทัศที่สั้น
มีการต่อสู้และต่อรองอำนาจผลประโยชน์ระหว่างกลุ่มพวกพ้องตลอดเวลา
โดยกลุ่มผู้นำทั้งสามประเทศนี้ให้ความสนใจในการต่อสู้กับคนในประเทศมาก
กว่านอกประเทศ การเปลี่ยนแปลงนโยบายไปมาถือเป็นเรื่องปกติ
และมีการสร้างปัญหาภายในเพื่อการสร้างความมั่งคงให้กับประเทศ
ปัญหาสงครามจอร์เจีย ในรัสเซีย ปัญหากลุ่ม FARC
และนโยบายต่อต้านและเกลียดชังคนยิวของนายชาเวช
และประธานาธิบดีอิหร่าน มาห์มุด อาห์มาดิเนจาด
ปัญหาเหล่านี้สร้างความจำเป็นในการใช้กองกำลังพิเศษเพื่อที่จะควบคุมฝ่าย
ตรงข้าม การลงโทษฝ่ายตรงข้ามทันทีทันในเป็นรูปแบบหนึ่งของการสร้างความมั่นคง
ให้กับประเทศ

การลัทธิต่อต้านอเมริกา โดยการสร้างภาพว่าอเมริกาคือปิศาจร้าย
และแนวคิดนี้คือสิ่งที่ต้องคงไว้เพื่อความมั่นคงของประเทศ
กลุ่มผู้นำที่พูดจากลับกลอกนี้
จำเป็นอย่างมากที่จะพุ่งเป้าสนใจไปที่อำนาจของรัฐบาลสหรัฐและมีการใช้
ลัทธิต่อต้านอเมริกาในการสร้างความเป็นหนึ่งให้ประเทศของตนอย่างต่อเนื่อง
แต่ภายใต้การนำของรัฐบาลโอบามา
ทำให้การรักษาลัทธิเหล่านี้มีความยากลำบากมากขึ้น

สภานิติบัญญัติของรัสเซียออกกฎหมายปกป้อง ปัจจัยยุทธศาสตร์” (น้ำมัน
/พลังงาน) ในภาคธุรกิจ
แสดงให้เห็นถึงตัวอย่างที่ดีในการปกป้องผลประโยชน์ของกลุ่มธุรกิจครอบครัว
ซึ่งน่าจะเรียกยุทธศาสตร์นี้ว่าแผนการเกษียณของเหล่า siloviki
(กลุ่มนักการเมือง/นายทหาร)มากกว่า
เพราะแผนการดังกล่าวช่วยปกป้องผลประโยชน์ทางธุรกิจของกลุ่มสมาชิกคน
สำคัญที่มีสายสัมพันธ์กับรัฐบาล
แต่ที่ดีกว่านั้นก็คือเป็นการเปิดโอกาสให้เหล่าพวกพ้องของตนมีโอกาสทำข้อ
ตกลงทางธุรกิจเกี่ยวกับอาวุธ พลังงานและเทคโนโลยีพลังงานนิวเคลียร์
และหากคุณคือนายชาเวช การประกาศรับรองการแยกตัวของรัฐ Abkhazia
และ South Ossetia จะทำให้คุณได้รับส่วนลดในการซื้อรถถังของรัสเซีย
100คัน

การกำจัดกลุ่มพลเรือนที่เคลื่อนไหวเพื่อเสรีภาพเมื่อไม่นานมานี้ในกรุงเตหะราน
คาราคัสและมอสโควแสดงให้เห็นถึงความกลัวของเหล่ารัฐบาลทหารเหล่านี้
ซึ่งเป็นรัฐบาลที่ขาดความชอบธรรมภายในประเทศและยังเป็นแสดงให้เห็นว่า
คนกลุ่มนี้พยายามต่อสู้เพื่อรักษาทรัพย์สินที่ตนเองได้สะสมมาช้านาน
การทรมาน การคุมขังที่อำมหิต และกระบวนการศาลอันจอมปลอม ที่กลุ่ม
boligarchs ในเวเนซุเอล่า, กองกำลังปฎิวัติในอิหร่าน (กองกำลังหัวรุนแรง)
ในอิหร่าน หรือกลุ่ม siloviki ในรัสเซีย
ได้กระทำถือเป็นการกระทำเพื่อที่จะรักษาผลประโยชน์ของกลุ่มตนเอง กลุ่มคนเหล่านี้
ปฏิเสธที่จะรับผิดชอบต่อการกระทำของตนเอง
โดยการแสวงหาอาวุธนิวเคลียร์ อย่างผู้นำในประเทศเวเนซูเอล่าและอิหร่าน
ความสำเร็จในเกาหลีเหนือคือตัวอย่างที่ผู้นำเหล่านี้ยึดถือ
ไม่น่าแปลกใจที่รัฐบาลรัสเซียไม่สนใจที่จะหยุดการสร้างโครงการพลังงานนิวเคลียร์
ในประเทศอิหร่าน

อย่างไรก็ตามอันตรายที่แท้จริงคือการที่เรามักจะสับสนระหว่างสาเหตุและอาการ
ทั้งยังล้มเหลวที่จะมองเห็นถึงการบริหารประเทศอันจอมปลอมของผู้นำเหล่านี้
ข้อวิเคราะห์เกี่ยวกับปัญหาภายในหรือภายนอกเกือบทั้งหมด
เป็นการมองระบบเหล่านี้ผ่านแก้วปิรามิดที่มักจะบดปังอำนาจของกลุ่มตระกูล
และพวกพ้อง เพื่อการเริ่มต้นที่จะกำหนดนโยบายตอบโต้พันธมิตรประเทศอย่างรัสเซีย
เวเนซูเอล่าและอิหร่าน
เราควรจะเริ่มทำความเข้าใจว่าแรงจูงใจที่แท้จริงของการสามสัมพันธ์ของประเทศ
เหล่านี้คืออะไร

Read more from โรเบิร์ต อัมสเตอร์ดัม

http://robertamsterdam.com/thai/?p=380