คอลัมน์ เมืองไทยหรือเมืองใคร?
เรื่อง กรรมเก่าของอำมาตย์
โดย กาหลิบ
เห็น หน้าตาของแกนนำที่เรียกตัวเองว่า “พันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย” แล้ว นึกอย่างเดียวว่าอำมาตย์ไทยทำกรรมชั่วอะไรไว้ กรรมนั้นก็กำลังสนองเข้าให้อย่างจัง
ใครไม่เข้าใจก็ลองจินตนาการว่า ความมั่นคงปลอดภัยของบัลลังก์การเมืองขึ้นอยู่กับคนอย่าง สนธิ ลิ้มทองกุล จำลอง ศรีเมือง ประพันธ์ คูณมี หรืออัญชลี ไพรีรัก ดูก็แล้วกัน เอาคนวิสัยโจรมาทำหน้าที่รักษาความปลอดภัยให้กับธนาคารก็จะได้หน้าตาที่ไม่ ต่างอะไรจากนี้นัก
มองเผินๆ เหมือนกับอำมาตย์กำลังได้ประโยชน์ทางการเมืองจากพันธมิตรฯ เพราะพันธมิตรฯ กำลังช่วยทำลายรัฐบาลที่เขาเบื่อหน่ายรำคาญและอยากจะเปลี่ยนใหม่ แต่สุดท้ายเมื่อเขี่ยรัฐบาลให้พ้นทางได้แล้ว ก็จะพบว่าคนพันธมิตรฯ จำพวกนี้จะกอดขาอำมาตย์เอาไว้แน่นไม่ยอมปล่อย จนกว่าเขาจะได้บำเหน็จรางวัลทางการเมืองในระดับที่สามารถจะเลิกขอทานคนอื่น เขากินได้
ถ้าหากขัดใจ ประมุขของศักดินาอำมาตย์ไทยจะพบว่าเซลล์ในร่างกายของตัวเองที่เรียกว่าพันธมิตรฯ จะกลับกลายเป็นเซลล์มะเร็ง
เตรียมจะเข่นฆ่าเอาชีวิตชนิดล้างโคตรในชั่วข้ามคืน
เหตุ ที่เป็นเช่นนี้ก็เพราะหลักของกรรมโดยแท้ พันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตยก้าวขึ้นมาจากกลุ่มที่เรียกตัวเองว่า “เรารักในหลวง” ที่สวมเสื้อเหลือง และอ้างในหลวงเป็นเหตุผลหลักในการต่อสู้กับศัตรูทางการเมืองของตน
วิธีการก็คือสร้างความรู้สึกโดยรวมว่ารัฐบาลเลือกตั้งในขณะนั้นเป็นปฏิปักษ์ต่อในหลวง
เกิดเป็นประเด็นตั้งสังฆราชซ้อน นั่งเครื่องบินแข่งกับพระที่นั่ง ทำบุญในวัดพระแก้ว ฯลฯ ซึ่งต่อมากลายเป็นเรื่องไร้สาระไปหมด
ตำรา ที่ชูกันเหนือหัวประดุจสรรนิพนธ์ประธานเหมาฯ โดยยึดเอาเป็นหนังสือคู่บุญ (หรือคู่บาปก็ไม่แน่ชัด) คือ “พระราชอำนาจ” ที่เขียนขึ้นโดยอดีตรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงมหาดไทยของรัฐบาลทักษิณ นายประมวล รุจนเสรี ซึ่งควรสังเกตว่าในการพิมพ์ครั้งต่อๆ มาปรากฏข้อความอันเป็นพระราชดำรัสยกย่องชมเชยหนังสือเล่มนี้อยู่ด้วย
ใคร ยังสงสัยว่าพันธมิตรฯ ก่อกำเนิดขึ้นมาอย่างไรและมีฐานะทางการเมืองอันแท้จริงอย่างไร ก็ควรจะย้อนไปอ่านหนังสือเล่มนี้ แล้วจะเข้าใจแจ่มแจ้งว่าประชาชนชาวไทยผู้รักประชาธิปไตยกำลังถูกบังคับให้ สู้อยู่กับอะไร
พันธมิตรฯ จึงไม่ใช่กลุ่มพลังที่ถูกสร้างขึ้นมา “เล่น” เรื่องปราสาทพระวิหารหรือต่อต้านการแก้ไขรัฐธรรมนูญอย่างที่กระทำอยู่ แต่ถูกสร้างขึ้นมาเป็นเครื่องมือชิ้นหนึ่งในการค้ำยันระบอบบางอย่างที่คนภาย นอกไม่รู้ว่ากำลังห่วงใยในความอยู่รอดของตนเองและญาติพี่น้องเป็นอย่างยิ่ง
ขับ ไล่รัฐบาลอภิสิทธิ์ไปได้พ้นทางแล้ว หรือเอาเป็นเหตุก่อรัฐประหารสำเร็จเรียบร้อยโรงเรียนปู่แล้ว ก็ไม่ได้แปลว่าพันธมิตรฯ จะสลายหายสูญไป
เขาก็จะหาใช้คนกลุ่มนี้ใน ทางอื่นๆ ต่อไปอีก โดยเฉพาะในการก่อความวุ่นวายในบ้านเมืองเพื่อให้รัฐบาลแต่ละชุดในห้วงเวลา สำคัญนี้ไม่สามารถยืนอยู่บนขาของตนเองได้ ต้องวิ่งเข้ามาพึ่งบารมีที่คอยจะต่อรองเพื่ออะไรบางอย่างที่สำคัญและเกี่ยว ข้องกับอำนาจรัฐที่ยิ่งกว่า โดยรู้ว่าเป็นโค้งสุดท้ายของร่างกายตน
แต่ เขาจะไม่เอาไว้ทั้งหมด หลังจากตัดสินใจว่าจะไม่ยุบพรรคประชาธิปัตย์ทั้งพรรค แต่ใช้วิธีตัดสิทธิ์ทางการเมืองของกรรมการบริหารพรรค ๕ คนรวมทั้งนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ จนต้องนำไปสู่การยุบสภาผู้แทนราษฎรแทนแล้ว คนที่เรียกตัวเองว่าแกนนำพันธมิตรฯ บางคนจะพบกับชะตากรรมบางอย่างที่ตัวเองไม่อยากพบและอดีตนายกรัฐมนตรีผู้ถูก รัฐประหารก็จะถูกป้ายสีเพิ่มเติมว่าเป็นคนทำ
เพราะถ้าเอาไว้ทั้งหมด คนบางคนในกลุ่มนี้ก็จะเป็นอันตรายขึ้นมา
อุปมา เหมือนคนที่กลืนเชื้อโรคร้ายเข้าไปในตัวอย่างเจตนา เพื่อให้กลายเป็นภูมิคุ้มกัน แต่แล้วต้องมานั่งหวาดผวาว่าเชื้อโรคนั้นมันจะทำร้ายตัวเองนอกแผนที่วางไว้
ก็ต้องหาทางฆ่าเชื้อโรคเหล่านั้นอย่างน้อยก็ส่วนหนึ่ง
ปัญหาคือเชื้อโรคมันก็รู้ และมันก็เริ่มคิดป้องกันตัวเองตามประสาสิ่งมีชีวิตที่ยังมีตัณหา
กรรมเก่าใครเล่างานนี้?
----------------------------------------------------------------------------
ข่าว SMS ของฝ่ายประชาธิปไตย เชิญสมัครสมาชิก SMS-TPNews โดยทีมงานเสื้อแดง เที่ยงตรง ไม่บิดเบือน ส่งตรงถึงมือถือทุกวัน สมัครวันนี้ ใช้ฟรี 14 วัน พิมพ์ PN ส่งมาที่เบอร์ 4552146 ทุกระบบ เพียง 29 บาท/เดือน Call center: 084-4566794-5 (จ.- ศ. 9.30-17.30 น.)/e-mail : tpnews2009@gmail.com บล็อก : wwwthaipeoplenews.blogspot.com
เรียบเรียงโดย Nangfa
http://www.democracy100percent.blogspot.com/
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น